“อภิสิทธิ์” เผยออก กม.คุ้มกันสุวรรณภูมิ ไม่หวังดักคอกลุ่มเสื้อแดงบุกยึด ระบุเพื่อให้ต่างชาติมั่นใจไม่มีการปิดสนามบินอีก ด้าน 3 เกลอหัวขวด ลั่น 31 ม.ค.เคลื่อนพลปิดล้อมทำเนียบฯ ติดหมายจี้รัฐบาลจัดการพันธมิตรฯ-ปลด “กษิต” - ขุด รธน.40 ขึ้นมาใช้ “ไข่แม้วดำ” เผยไม่มีโฟนอินนายใหญ่ ด้าน “จักรภพ” อ้างมีทหาร ร.11 รอ.500 นายเตรียมแทรกซึมเสื้อแดง เจอสวน“เจ๊เพ็ญ”อคติกับทหารรักษาพระองค์ ยันไม่มีกำลังพลพอส่งเกาะติดม็อบ
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าว วานนี้ (29 ม.ค.) ถึงกรณีที ครม.รับหลักการร่างพระราชบัญัติ (พ.ร.บ.) ว่าด้วยความปลอดภัย และการรักษาความปลอดภัยท่าอากาศยานสุวรรณภูมิ พ.ศ... ว่า ไม่ได้เป็นการดักคอกลุ่มเสื้อแดง เพราะหลังจากเกิดเหตุการณ์ยึดสนามบิน ตนได้ให้นโยบายไปว่ามีความจำเป็น ตั้งแต่วันแรกที่รับตำแหน่งนายกฯ ได้พูดกับชาวต่างชาติว่า ตนจะให้ความมั่นใจว่าเหตุการณ์แบบนี้จะไม่เกิดขึ้น ส่วนหนึ่งเราจะดำเนินการในแนวทางนโยบายของรัฐบาลที่จะสร้างความปรองดองไม่ให้เกิดความขัดแย้ง อีกส่วนหนึ่งชาวต่างชาติต้องการเห็นเป็นรูปธรรม ว่ามีวิธีการจัดการแตกต่างจากเดิมอย่างไร ซึ่งกระทรวงคมนาคมได้เสนอมา 2 ส่วน คือ มาตรการในการบริหาร เช่น การตั้งด่าน ได้อนุมัติแล้ว อีกส่วนคือการเพิ่มอำนาจให้กับเจ้าหน้าที่ที่ทำหน้าที่ในสนามบิน ซึ่งตนได้ให้ข้อสังเกตในที่ประชุม ครม.ว่าไม่ควรเป็นกฎหมายในเรื่องสนามบินสุวรรณภูมิ แต่ควรเป็นกฎหมายที่เกี่ยวข้องกับพื้นที่สนามบินทุกแห่งเพื่อให้เกิดความมั่นใจ
“เกี่ยวกับบทลงโทษจริงๆ แล้วใจผมคิดว่า ที่สำคัญเราควรมีมาตรการ ในเชิงป้องกัน ส่วนประเด็นที่ 2 อำนาจเจ้าหน้าที่ต้องมีเพียงพอที่จะสามารถ บริหารสถานการณ์เช่นนั้นได้ ส่วนบทลงโทษไม่ใช่เป็นตัวที่กำหนดทุกสิ่งทุกอย่างเสมอไป” นายอภิสิทธิ์กล่าว
นายชวรัตน์ ชาญวีรกูล รมว.มหาดไทย กล่าวว่ามีหน่วยงานที่คอยสอดส่องการเคลื่อนไหวของกลุ่มผู้ชุมนุมอยู่แล้ว โดยยึดนโยบายของรัฐบาลที่จะไม่มีการปะทะ และในการประชุมกระทรวงมหาดไทย ในช่วงบ่ายวานนี้ (29 ม.ค.) ได้กำชับให้ผู้ว่าราชการจังหวัด ข้าราชการ และเจ้าหน้าที่ ไปชี้แจงทำความเข้าใจกับประชาชนในพื้นที่ว่าไม่ควรเดินทางมาชุมนุมในกรุงเทพฯเพราะไม่ได้ก่อให้เกิดประโยชน์อะไร และขอยืนยันไม่ได้เป็นการสกัดกั้นการแสดงความคิดเห็นของประชาชนแต่อย่างใด
วันเดียวกัน นายวีระ มุสิกพงศ์ นายจตุพร พรหมพันธุ์ นายจักรภพ เพ็ญแข และนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ แกนนำกลุ่ม นปช.ร่วมกันแถลงข่าวถึงการชุมนุมใหญ่ในวันที่ 31 ม.ค.ที่ท้องสนามหลวง นายวีระ กล่าวว่า การชุมนุมจะมีขึ้นตั้งแต่เวลา 16.00 น.เป็นต้นไป ในหัวข้อว่า “แดงทั้งแผ่นดิน” เพื่อทวงถามข้อเรียกร้องที่ให้รัฐบาลดำเนินคดีกับกลุ่มพันธมิตรฯ ปลดนายกษิต ภิรมย์ ออกจาก รมว.ต่างประเทศ และให้นำรัฐธรรมนูญปี 2540 มาบังคับใช้แทนรัฐธรรมนูญปี 2550
หลังจากนั้นในเวลา 21.00 น.จะเคลื่อนขบวนไปยังทำเนียบรัฐบาล เพื่อไปปิดหมาย แสดงเจตจำนงให้รัฐบาลทำงานภายในระยะเวลาที่กำหนด ส่วนเมื่อเคลื่อนขบวนไปแล้วจะว่าอย่างไรต่อนั้นให้สถานการณ์ในเวลาช่วงนั้นเป็นตัวกำหนด เบื้องต้นคิดว่าเมื่อติดหมายที่ทำเนียบรัฐบาลแล้วจะสลายการชุมนุมทันที ไม่กลับไปชุมนุมต่อที่สนามหลวง ซึ่งการชุมนุมครั้งนี้จะไม่มีการโฟนอินของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกฯ ที่หลบหนีคดีอยู่ต่างประเทศ
นายจักรภพ กล่าวว่า การชุมนุมวันดังกล่าวจะเป็นการตอบคำถามที่ว่ากระแสคนเสื้อแดงได้แผ่วลงไปจริงหรือไม่ การพยายามบอกว่าอย่าเพิ่งออกมาชุมนุม ให้รัฐบาลได้ทำงานก่อนนั้น จะได้รู้ว่ามันจุดติดหรือไม่ รวมทั้งความพยายามของคนที่จะตอกลิ่มให้คนเสื้อแดงแตกแยกนั้น อยากบอกว่าเราเหนือชั้นกว่าคนที่จ้องทำลาย เพราะคนเสื้อแดงเราไม่มีเจ้านายไม่มีสายบังคับบัญชา จึงทำให้ขบวนการประชาชน มีความกระชับแน่นมีความเป็นมืออาชีพมากขึ้น
นายจักรภพ กล่าวด้วยว่า ช่วงที่ผ่านมามีเพื่อนในวงการทหารบอกว่า ขณะนี้มีทหารจาก กรมทหาราบที่ 11 รอ.จำนวน 400-500 นายได้รับคำสั่งให้ใส่เสื้อแดงลงพื้นที่ แต่ไม่ทราบว่าลงพื้นที่ใด แต่ถึงอย่างไรก็อยากบอกว่าพวกเสื้อแดงจมูกไว หากมีการสวมรอยแทรกซึมเข้ามาเราจะรู้ทันที สำหรับคนที่จะเสี้ยมขอให้เดินหน้า ต่อไป เพราะสิ่งที่จะทำนั้นจะสิ้นสุดลง แต่ขบวนการเสื้อแดงนั้นเพิ่งเริ่มขึ้น
ด้านแหล่งข่าวจากกองทัพบกเปิดเผยว่า การที่นายจักรภพอ้างว่าจะมีทหารจาก ร.11 รอ.เข้าแทรกซึมการชุมนุมของคนเสื้อแดง 500 คนน่าจะเป็นการพูดเพื่อตีกันมากกว่า หรือเป็นเพราะนายจักรภพ มีอคติกับทหารของหน่วยนี้มากกว่า เพราะเมื่อครั้งที่นายจักรภพ เป็น รมต.ประจำสำนักนายกฯ เคยไปเป็นประธานวันพระพุทธศาสนาแห่งชาติ และได้ถูกเตือนจากทหารรักษาพระองค์ว่า ก้าวล่วงหรือหมิ่นพระบรมเดชานุภาพกรณีที่ไปพูดที่สโมสรผู้สื่อข่าวต่างประเทศ และกำลังถูกดำเนินคดีขณะนี้ โดยในครั้งนั้นนายจักรภพ ไม่พอใจเป็นอย่างมาก โดยชี้แจงว่าเข้าใจผิด และอีกเหตุผลหนึ่ง อาจจะต้องการพุ่งเป้าไปที่ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน อดีตประธาน คมช.ที่พักอาศัยอยู่ในบ้านพักรับรองในการดูแลของ ร.11 รอ.จึงพยายามจะพาดพิงถึง
แหล่งข่าวยังระบุว่า ในปัจจุบัน ร.11 รอ.ได้จัดกำลังลงไปปฏิบัติหน้าที่ใน 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ 1 กองพัน และไปปฏิบัติภารกิจที่ จ.เพชรบุรี 1 กองพัน เหลือกำลังพลอยู่ในที่ตั้งและปฏิบัติภารกิจปกติประมาณ 400 นาย จึงไม่มีทหารที่จะไปเกาะติดม็อบเสื้อแดงตามที่นายจักรภพกล่าวอ้าง