xs
xsm
sm
md
lg

“ทหาร” ฮึ่มจัดการ “ไอ้โม่ง” หมิ่นสถาบัน! ยันเปิดทาง “ประวิตร” ขึ้น รมว.กลาโหม

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ
“กองทัพ” กร้าว ไม่ยอม “มือมืด” จ้องหมิ่นสถาบัน ชี้ชัดบ้านเมืองตกต่ำสุดขีด เหตุเพราะคนในชาติแบ่งเป็น 2 ฝ่าย พร้อมเปิดรับ “ประวิตร” นั่งเก้าอี้ รมว.กลาโหม ก่อนยัน “อนุพงษ์” บริสุทธิ์ใจ-ไร้เอี่ยวจัดตั้งรัฐบาล ย้ำ “ทหาร” เป็นกลางทางการเมือง-อยู่บนฐานของความถูกต้อง เชื่อเวลาเป็นเครื่องพิสูจน์ “มาร์ค 1”

วานนี้ (22 ธ.ค.) รายงานข่าวแจ้งจากกรมทหารราบที่ 11 รักษาพระองค์ว่า พล.อ.อภิชาต เพ็ญกิตติ ปลัดกระทรวงกลาโหม เป็นประธานพิธีเปิดหลักสูตร “การพัฒนาสัมพันธ์สื่อสารมวลชนเพื่อความมั่นคงของชาติ” รุ่นที่ 5 โดยมีนักจัดรายการวิทยุกระจายเสียงทั่วประเทศเข้าร่วมอบรมเพื่อเสริมสร้างความรู้ และความเข้าใจในสถานการณ์การเมืองปัจจุบัน ก่อนที่จะนำไปเผยแพร่ให้กับประชาชนรับทราบ โดยอบรมตั้งแต่วันที่ 22-25 ธ.ค.นี้

โดย พล.อ.อภิชาต กล่าวตอนหนึ่งว่า ขณะนี้ชาติเราอยู่ในฐานะไม่มั่นคงมาก เพราะมีการแบ่งฝักแบ่งฝ่าย ไม่สามารถพูดคุยเรื่องการเมืองภายในครอบครัวได้ ซึ่งไม่มียุคไหนที่บ้านเมืองตกต่ำเท่านี้มาก่อน ดังนั้นเราต้องให้ความรู้ความเข้าใจกับประชาชน ส่วนผู้ที่มาอบรมในวันนี้ มีความสำคัญต้องรับรู้รับทราบข้อมูล และข้อเท็จจริง เพื่อที่จะนำไปสื่อสารกับประชาชนให้รับรู้ต่อไป ทั้งนี้ เรื่องการหมิ่นสถาบันที่เกิดขึ้นค่อนข้างมาก ซึ่งเราไม่เคยได้รับผลกระทบจากเรื่องนี้มาก่อนดังเช่นยุคปัจจุบัน

พล.อ.อภิชาต กล่าวอีกว่า ยุคนี้เป็นยุคข้อมูลข่าวสารอินเทอร์เน็ตเข้าสู่ชุมชน โดยองค์การบริหารส่วนตำบล มีการดำเนินการหมิ่นเหม่ต่อความเสียหายกับสถาบัน ซึ่งเป็นเรื่องที่ไม่อยากให้เรายินยอมให้เกิดขึ้น เพราะสถาบันเป็นสิ่งที่เราต้องยกย่องเทิดทูนไว้เหนือหัว ไม่มีสิ่งใดมาลบเลือนความดีที่พระองค์ท่านเพียรสร้างมาตลอดชั่วชีวิตของพระองค์ท่าน แต่ขณะนี้แม้แต่สถาบันที่เราเทิดทูน ยังถูกหยิบยกมาเป็นประเด็น ทำให้พระองค์ท่านระคายเคืองเบื้องพยุคลบาท จึงเป็นสิ่งที่ไม่อยากเห็นในยุคที่ตนรับผิดชอบ จึงอยากฝากผู้ที่มาอบรมในฐานะสื่อ ต้องไปดูแลเรื่องนี้ อย่าให้เกิดเรื่องดังกล่าวในชุมชน และถ้าเกิดขึ้น ก็มีหน้าที่ที่จะต้องไปชี้แจงให้ทุกคนเข้าใจว่า ข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร

“พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จพระราชดำเนินมางานพิธีสวนสนามถวายสัตย์ของทหารรักษาพระองค์ พระองค์ท่านทรงพระมาลา (หมวก) ตลอดเวลา ตั้งแต่เริ่มตรวจพล จนประทับพระที่นั่ง และอ่านสารอวยพรให้กับทหาร พระองค์ท่านไม่ทรงถอดพระมาลา นี่คือแบบอย่างการเป็นทหารของคนในกองทัพ ทุกคนต้องเลียนแบบพระองค์ท่านให้ได้ในเรื่องความเพียร ถามว่าพระองค์ท่านลำบากหรือไม่ ยืนยันว่าลำบาก เพราะพระมาลาที่ท่านสวมต้องบีบรัดพระศีรระ (ศีรษะ) ของพระองค์ท่าน ซึ่งพระองค์ท่านทรงก้มอ่านคำอวยพรโดยพระมาลาไม่ตกลงมา แสดงว่าพระมาลาต้องบีบรัดค่อนข้างมาก พระองค์ท่านทรงสวมตลอด 2 ชั่วโมง นี่คือแบบอย่างความเพียรที่พระองค์ท่านได้สร้างเป็นแบบอย่างเราทุกคน แม้พระองค์ทรงประชวร แต่ทรงทำให้เราเห็นแบบอย่าง” พล.อ.อภิชาต กล่าว

พล.อ.อภิชาต กล่าวต่อว่า นอกจากความมั่นคงของชาติแล้ว ความมั่นคงของสถาบันเป็นสิ่งหนึ่งที่ต้องช่วยกันดูแลให้ความสำคัญโดยการชี้แจงให้ประชาชนเข้าใจ ฉะนั้นจึงอยากเห็นความสงบของชาติเกิดขึ้นจากทุกคน อยากให้นำสิ่งที่วิทยากรเสนอแนะไปเผยแพร่ เพื่อประโยชน์ของประเทศชาติ ซึ่งตนเห็นนายทูล หิรัญหทรัพย์ ซึ่งเป็นคนดังมีชื่อเสียงมาร่วมงาน ตนรู้สึกดีใจ และถามท่านว่าเหตุใดถึงมา ซึ่งนายทูล บอกว่า เหตุผลที่มาคือเพื่อชาติ ตนซึ้ง และอยากให้ทุกท่านนึกถึงสิ่งนี้ไว้แล้วทำความเข้าใจกับประชาชน

นอกจากนี้ พล.อ.อภิชาต ยังให้สัมภาษณ์ถึงความเหมาะสมของ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ซึ่งจะนั่งในตำแหน่ง รมว.กลาโหม ว่าเป็นเรื่องที่ดี เพราะ พล.อ.ประวิตร มีความรู้เข้าใจภาพรวมกองทัพ เนื่องจากเคยเป็น ผบ.ทบ. คงเข้าใจกองทัพ ทั้งนี้กองทัพไม่เคยขอให้ พล.อ.ประวิตร มาเป็น รมว.กลาโหม แต่เห็นใจนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ที่ไม่ไปควบตำแหน่ง เพราะงานของท่านมีมาก หากให้นายกฯ มารับผิดชอบกลาโหมด้วย คงจะเป็นงานที่หนักหนาที่สุด ซึ่งอาจจะทำให้งานของกองทัพไม่ค่อยเดินเท่าที่ควร

เมื่อถามว่า การที่ พล.อ.ประวิตร มาดำรงตำแหน่ง รมว.กลาโหม จะทำให้ภาพของกองทัพ ถูกมองว่าไปล็อบบี้การเมืองให้เลือก พล.อ.ประวิตร หรือไม่ พล.อ.อภิชาต กล่าวว่า ไม่แน่ใจว่ามีการล็อบบี้กันหรือไม่ และไม่ทราบว่าไปล็อบบี้กันตอนไหน เพราะตนไม่รู้เรื่อง ทั้งนี้ พล.อ.ประวิตร ได้ปฏิเสธไปแล้วว่าไม่มา เพราะทหารไปล็อบบี้ ซึ่งท่านได้เกษียณอายุราชการไป 3 ปีแล้ว และนายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ไปเรียนเชิญท่านเข้ามาร่วมรัฐบาล คิดว่าไม่เกี่ยวกับกองทัพ และเราไม่เคยระบุว่า เราต้องการท่านผู้ใดมาเป็น รมว.กลาโหม ทั้งนี้การที่ พล.อ.ประวิตร มาเป็น รมว.กลาโหม คงจะมีความเข้าใจง่ายขึ้น เพราะเราเคยทำงานด้วยกันมา เคยร่วมรับผิดชอบงานในกองทัพมาด้วยกัน จึงน่าจะสื่อถึงกันได้อย่างไม่ยากเย็น

พล.อ.อภิชาต กล่าวอีกว่า สำหรับนโยบายที่จะกำหนด คงเป็นนโยบายที่นำความเจริญมาสู่กองทัพ และกระทรวงกลาโหมในภาพรวม ส่วนตนในฐานะปลัดกระทรวงกลาโหม คงจะพยายามผลักดันให้เกิดนโยบายที่เป็นประโยชน์ต่อภาพรวมของกองทัพให้ได้ ส่วนจะมีการแก้ไขภาพพจน์ของกองทัพ ก็คือเราต้องอยู่นิ่งๆ ถ้าเราทำอะไรลงไปก็โดนคนตำหนิในทุกด้าน ไม่ว่าจะออกมาทำอะไรก็แล้วแต่ ฉะนั้นเราต้องปล่อยให้เรื่องการเมืองเป็นของการเมือง ส่วนในเรื่องงานของกองทัพ จะต้องอยู่ในขอบเขตที่เราได้รับมอบงานเป็นหลัก

เมื่อถามว่า กองทัพจะอธิบายความสัมพันธ์ที่แน่นแฟ้น ระหว่าง พล.อ.ประวิตร กับ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ.อย่างไร พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ปกติ รมว.กลาโหม ที่มาจากทหารทุกท่าน มีความใกล้ชิดกันอยู่แล้ว เพราะเป็นรุ่นพี่รุ่นน้องกัน และรู้จักคุ้นเคยกัน และทำงานร่วมกัน จะบอกว่า พล.อ.อนุพงษ์ กับ พล.อ.ประวิตร ใกล้ชิดกัน และทำให้เกิดภาพพจน์ที่ไม่ดีนั้น คงไม่ใช่ เพราะถ้าเป็น รมว.กลาโหม ที่มาจากคนในกองทัพ เรารู้จักทั้งนั้น ไม่ว่าจะเป็นใคร จะใกล้ชิดกันแค่ไหน ที่สุดแล้วก็ทำงานร่วมกันมา ทุกคนไม่มีปัญหาอะไร

เมื่อถามว่า จะทำอย่างไรต่อกระแสข่าวว่า พล.อ.อนุพงษ์ เป็นผู้ผลักดันให้ พล.อ.ประวิตร มาดำรงตำแหน่ง รมว.กลาโหม พล.อ.อภิชาต กล่าวว่า ตนคิดว่า พล.อ.อนุพงษ์ ปฏิเสธได้ เพราะท่านไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับในช่วงของการจัดตั้งรัฐบาล เมื่อถามว่า หากมีคลิปวีดีโอออกมาเป็นเผยว่านักการเมืองเข้าไปหารือกับ พล.อ.อนุพงษ์ ทางกองทัพจะชี้แจงอย่างไร พล.อ.อภิชาต กล่าวว่า ไม่แน่ใจว่าจะมีคนถ่ายคลิปไว้หรือไม่แต่คิดว่าคงตอบคำถามได้ว่าเพราะอะไรอย่างไร คงเป็นเรื่องผู้ที่เกี่ยวข้องจะชี้แจงได้

เมื่อถามว่า จะทำอย่างไรไม่ให้ภาพกองทัพออกมาไปสนับสนุนรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ พล.อ.อภิชาต กล่าวว่า ความจริงกองทัพมีหน้าที่ในการค้ำยันให้รัฐบาลอยู่ยืดยาว กองทัพคงทำหน้าที่ของกองทัพ ตนไม่เชื่อว่า พล.อ.อนุพงษ์ เคยทำอะไรนอกลู่นอกทางเพื่อให้รัฐบาลอยู่รอด เพราะกองทัพคงไม่มีศักยภาพเพียงพอที่จะค้ำยันให้รัฐบาลอยู่ได้ตลอดรอดฝั่ง เนื่องจากเป็นเรื่องการทำงานของรัฐบาลมากกว่าที่จะพิสูจน์ฝีมือว่าจะไปได้นานแค่ไหน เป็นเรื่องของการตัดสินของประชาชนเป็นหลัก ซึ่งความจริง พล.อ.อนุพงษ์ ไม่ได้เข้าไปกับการเมืองมากมาย ท่านอยู่ในขอบเขตของท่าน ตนมองว่า ผบ.ทบ.มีความระมัดระวังในเรื่องนี้พอสมควร อาจจะมองว่าท่านก้าวล้ำเส้นมากเกินไป แต่ตนยังมองว่า สิ่งที่ท่านจำเป็นต้องออกมาทำ เป็นเรื่องของส่วนรวมมากกว่า

เมื่อถามถึงกรณีหาก พล.อ.ประวิตร เป็น รมว.กลาโหม จะทำให้ตำแหน่งของ ผบ.เหล่าทัพ มั่นคงมากขึ้นหรือไม่ พล.อ.อภิชาต กล่าวว่า คิดว่าตำแหน่ง ผบ.เหล่าทัพ มีความมั่นคงอยู่แล้ว เพราะจาก พรบ.การจัดระเบียบกระทรวงกลาโหมที่ใช้อยู่ ถือว่าการจะปรับย้ายนายทหารชั้นนายพล ต้องดำเนินการในรูปแบบของคณะกรรมการ ซึ่งตนยืนยันว่า ไม่อยากให้มีการเปลี่ยน ผบ.เหล่าทัพ ในลักษณะบนพื้นฐานของความพึ่งพอใจ หรือไม่พึ่งพอใจในการปฏิบัติงาน แต่ต้องดูในภาพรวมมากกว่าว่าเขาทำมีผลงานอย่างไร ไม่ใช่ไม่ตอบสนองแล้วก็ไปย้ายกัน ซึ่งตนไม่เห็นด้วย หากทำในรูปแบบของคณะกรรมการคงไม่มีปัญหาอะไร

ส่วนการดึง พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ มาดำรงตำแหน่ง ผบ.ตร. อีกครั้ง จะถูกมองว่าเป็นเพราะน้องชายของ พล.อ.ประวิตร ใช่หรือไม่ รวมถึงขณะนี้ พล.อ.อนุพงษ์ มีการวางไลน์ให้กับคนที่จะขึ้นมาดำรงตำแหน่ง ผบ.ทบ. คนต่อไปด้วยนั้น พล.อ.อภิชาต กล่าวว่า สิ่งที่เราพูดกันไปไม่มีอะไรแน่นอน และคนที่วางไลน์ไว้ ก็ไม่มีอะไรที่แน่นอน จะบอกว่าใช้ความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้องคงไม่ได้ ตนคิดว่าถ้าทุกคนทำตามหน้าที่ที่รับผิดชอบ ก็คงไม่มีปัญหาอะไร ความจริง รมว.กลาโหม จะสั่งให้ ผบ.ทบ.ทำตามใจต้องการ หากไม่อยู่ในบนพื้นฐานของเหตุผล ตนเชื่อว่าคงไม่ได้รับการตอบสนอง

เมื่อถามต่อว่า ทหารยุคนี้ตกต่ำเหมือนสมัย รสช.หรือไม่ พล.อ.อภิชาต กล่าวว่า ต้องฝากสื่อให้ทำความเข้าใจ เพราะตนยังมองว่ากองทัพยังไม่ตกต่ำถึงขนาดนั้น ทั้งนี้ ผบ.ทบ.พูดมาตลอดว่า หากอยากได้อำนาจก็ปฏิวัติ ก็จบ แต่เขาไม่ทำ และเขาไม่เคยมีความคิดอยู่ในสมองว่าจะปฏิวัติ ดังนั้นหากเรามองย้อนกลับไปดูให้ดี ขณะนี้เราพยายามดูแลประชาธิปไตยของบ้านเมืองด้วยซ้ำไป เพื่อให้อยู่รอดปลอดภัย จึงมีทางออกที่เป็นอยู่ในปัจจุบัน และเราคิดว่าน่าจะเป็นทางออกที่ดีที่สุด ทั้งนี้ทหารจะวางตัวเป็นกลาง และวางตัวบนพื้นฐานของความถูกต้อง ซึ่งสังคมจะต้องเป็นคนตัดสิน แต่โดยส่วนตัวยืนยันว่า เป็นกลางมาโดยตลอด ไม่ได้เข้าข้างฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง

เมื่อถามถึงการดูแลไม่ให้มีการหมิ่นสถาบันเบื้องสูง พล.อ.อภิชาต กล่าวว่า กำลังดำเนินการอยู่ แต่ให้ใช้กฎหมาย และกระทรวงไอซีทีเป็นผู้ดำเนินการเป็นหลัก ทั้งนี้ไม่ทราบจะมีขบวนการจ้องล้มสถาบันหรือไม่ แต่มีการหมิ่นสถาบันแน่นอน โดยเฉพาะเว็ปไซต์ต่างๆ โดยจะให้ทางกระทรวงไอซีทีเป็นผู้ดูแล ส่วนการที่พรรคประชาธิปัตย์มาเป็นรัฐบาล จะทำให้สถานการณ์บ้านเมืองเข้าสู่สภาวะปกติหรือไม่ พล.อ.อภิชาต กล่าวว่า อยู่ที่การดำเนินการของรัฐบาล ซึ่งรัฐบาลก็พยายามประนีประนอม และให้ความปรองดองเกิดขึ้น แต่ก็คงจะต้องใช้ระยะเวลาอีกสักระยะ

“ผมมองว่ารัฐบาลชุดนี้โอเค แต่การพูดไม่ได้เป็นการอุ้ม เพราะทหารอยู่บนพื้นฐานเป็นกลาง ไม่เข้าข้างใคร และคิดว่ายังมีบุคคลส่วนใหญ่ที่รับได้ ส่วนกรณีที่รัฐบาลเตรียมจะยุบ ศอ.บต. และจัดตั้งองค์กรพิเศษขึ้นมาแก้ไขปัญหาความไม่สงบในพื้นที่ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้นั้น เรื่องนี้จะต้องมีการพูดคุยกันก่อนว่ามีความจำเป็นหรืไม่ที่จะต้องยกเลิก เพราะเป็นเรื่องใหญ่ การยุบ ศอ.บต.เฉยๆ คงไม่เหมาะสม คงต้องคุยกันว่าอะไรจะดีกว่ากัน จะเกิดหน่วยงานขึ้นใหม่หรือไม่ และจะบูรณาการทุกภาคส่วนได้หรือไม่” พล.อ.อภิชาต กล่าว
กำลังโหลดความคิดเห็น