เมื่อเวลา 09.00 น. วานนี้ (22 ธ.ค.) ที่สโมสรทหารบก ถนนวิภาวดีรังสิต พล.อ.อภิชาต เพ็ญกิตติ ปลัดกระทรวงกลาโหม พล.อ.ทรงกิตติ จักกาบาตร์ ผู้บัญชาการทหารสูงสุด พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก พล.ร.อ.กำธร พุ่มหิรัญ ผู้บัญชาการทหารเรือ พล.อ.อ. อิทธพร ศุภวงศ์ ผู้บัญชาการทหารอากาศ และนายทหารระดับสูงของแต่ละเหล่าทัพ นำกระเช้าดอกไม้ไปแสดงความยินดีกับพล.อ. ประวิตร วงษ์สุวรรณ ที่ได้รับการโปรดเกล้าฯ ให้ดำรงตำแหน่ง รมว.กลาโหม
พล.อ.อภิชาต กล่าวแสดงความยินดีว่า ตนในฐานะปลัดกระทรวงกลาโหม นำคณะนายทหารชั้นผู้ใหญ่ในกระทรวงกลาโหม มาร่วมแสดงความยินดีต่อ รมว.กลาโหม นับแต่ท่านได้รับความไว้วางใจจากผู้บังคับบัญชา ให้ดำรงตำแหน่งสำคัญในกองทัพ โดยเฉพาะผบ.ทบ. และมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ เป็นรมว.กลาโหม ครั้งนี้ ถือว่าท่านปฎิบัติภารกิจด้วยความรู้ ความสามารถ มีวิสัยทัศน์กว้างไกล มีคุณธรรม จริยธรรม ตั้งใจพัฒนากองทัพ และประเทศชาติส่วนรวม สิ่งนี้รับประกันว่า จะสานต่อนโยบายการแก้ปัญหาความมั่นคงแห่งชาติได้อย่างดี ตนให้คำมั่นสัญญาว่าจะร่วมแรงร่วมใจปฎิบัติภารกิจตามที่ได้รับมอบหมายด้วยความมุ่งมั่น ซื่อสัตย์สุจริต เพื่อสนองนโยบายอย่างเต็มความสามารถ
ด้าน พล.อ.ประวิตร ได้กล่าวขอบคุณปลัดกระทรวงกลาโหม และผบ.เหล่าทัพ และนายทหารที่เดินทางมาให้กำลังใจ โดยยืนยันว่าจะทำงานทุกอย่าง และขอความร่วมมือกับท่านเพื่อประเทศชาติ ราชบัลลังก์ ขอให้เป็นหนึ่งเดียวของประเทศ ทุกอย่างจะสำเร็จต้องได้รับความร่วมมือจากทุกฝ่าย ทหารน่าจะเป็นองค์กรที่เป็นที่พึ่งของประชาชน และประเทศชาติ เพื่อให้เกิดความสง่างาม
จากนั้น พล.อ.ประวิตร ให้สัมภาษณ์ว่า ไม่รู้สึกอะไรการรับตำแหน่ง อยากเข้ามาทำงานให้เกิดความรักความสามัคคีกัน การทำงานมีขั้นมีตอน และเชื่อว่าสถานการณ์บ้านเมืองจะต้องดีขึ้น ซึ่งต้องช่วยกันทุกฝ่าย เพื่อให้เกิดความสมานฉันท์ และไม่รู้สึกกังวลว่า กลุ่มเสื้อแดงจะออกมาต่อต้าน หรือไปปิดล้อมกระทรวงกลาโหม เพราะการเข้ามาครั้งนี้ เพื่อประเทศชาติและส่วนร่วม ไม่คิดว่าจะเข้ามาทำงานการเมือง เพราะไม่ได้อยู่ในกองทัพ เกษียณมา 3 ปีแล้ว
เมื่อถามว่าพูดคุยกับผบ.เหล่าทัพ ในการรับมือกลุ่มเสื้อแดงที่จะมาปิดล้อมรัฐสภาในวัน 29 ธ.ค. นี้หรือไม่ พล.อ ประวิตร กล่าวว่า ยังตอบอะไรไม่ได้ ต้องขอเวลาดูรายละเอียดก่อน
"ภารกิจแรก คือ ทำให้กองทัพมีความเข้มแข็ง ให้กองทัพเป็นที่พึ่งของประชาชนอย่างแท้จริง มีเอกภาพเป็นของกองทัพเอง ทั้งนี้ การเมืองกับการทหาร จะต้องแยกออกจากกัน การเมืองเป็นเรื่องของการเมือง การทหารเป็นเรื่องของข้าราชการประจำ ผมจะดูแลนโยบายภาพกว้าง ส่วนระเบียบข้อบังคับที่ทำให้แต่ละเหล่าทัพเข้มแข็ง เป็นเรื่องของ ผบ.เหล่าทัพ" พล.อ.ประวิตรกล่าว
เมื่อถามว่า สังคมเกิดความคลางแคลงใจว่า กองทัพอยู่เบื้องหลังทางการเมือง พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ตนไม่ทราบ เพราะไม่ได้อยู่ในฝ่ายทหาร รวมถึงการเมือง ตนเป็นข้าราชการที่เกษียณอายุ และได้รับการทาบทามจากฝ่ายการเมืองให้มาดูแลตรงนี้
**อภิสิทธิ์ทำเพื่อบ้านเมือง-สถาบันฯ
พล.อ.ประวิตร กล่าวด้วยว่า ประเทศต้องเดินไปข้างหน้า ขณะนี้รัฐบาลยังไม่ได้ทำอะไร ขอให้ได้ทำงาน และผ่านการแถลงนโยบายไปก่อน หากมีอะไรที่รัฐบาลทำแล้วไม่เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวมค่อยว่ากัน รัฐบาลพร้อมให้ตรวจสอบ ซึ่งตนยังไม่ได้พูดคุยกับนายกรัฐมนตรี แต่มีความเชื่อมั่นในตัวของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เพราะท่านมีความปรารถนาดีต่อบ้านเมือง ฟังท่านพูดแล้วมั่นใจในความปรารถนาดีต่อบ้านเมืองและสถาบันฯ ทำให้ตัดสินใจง่ายในการร่วมรัฐบาล
พล.อ.ประวิตร ยังกล่าวถึงการแก้ปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ว่า เป็นเรื่องของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร จะเป็นผู้ดูแล ซึ่งพล.อ.อนุพงษ์ เป็น รอง ผอ.รมน. และนายกรัฐมนตรี เป็น ผอ.รมน. ขึ้นอยู่กับนายกรัฐมนตรีจะสั่งการ ส่วนรายละเอียด ยังไม่ได้คุยกับพล.อ.อนุพงษ์ ส่วนกรณีที่รัฐบาลจะมีการยุบศูนย์อำนวยการ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) นั้น ก็ยังไม่ได้คุยรายละเอียด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังพล.อ.ประวิตร กล่าวเสร็จได้มาจับมือกับ พล.อ.อภิชาติ พล.อ.ทรงกิตติและ ผบ.เหล่าทัพ ร่วมถึงเพื่อนร่วมรุ่นทหารเตรียม 6 อย่าง พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ อดีต ผบ.ทหารสูงสุด และยังเดินไปทักทาย พล.ท.คณิต สาพิทักษ์ แม่ทัพภาคที่ 1 รวมทั้งเหล่าบรรดาผู้บังคับการกรมต่างๆ โดยเฉพาะกองพลทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ (ทหารเสือราชินี) และผู้บังคับหน่วยขึ้นตรงของกองทัพภาคที่ 1
ทั้งนี้ ประเพณีที่ ผบ.เหล่าทัพ นำคณะนายทหาร ตบเท้าแสดวงความยินดีกับผู้ที่เป็น รมว.กลาโหม คนใหม่ นี้มีมาต่อเนื่อง แต่ในยุคที่นายสมัคร สุนทรเวช และนาย สมชาย วงษ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี ควบเก้าอี้รมว.กลาโหม ผบ.เหล่าทัพ ไม่ได้นำคณะนายทหารตบเท้าแสดงความยินดีเช่นนี้ มีเพียงพิธีต้อนรับในการเข้ารับตำแหน่งที่กระทรวงกลาโหม ตามธรรมเนียมเท่านั้น
**เชื่องานของกองทัพคล่องตัวขึ้น
พล.อ.อภิชาต เพ็ญกิตติ ปลัดกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงความเหมาะสมที่ พล.อ.ประวิตร มานั่งรมว.กลาโหม ว่า คงเป็นเรื่องที่ดี เพราะพล.อ.ประวิตร มีความรู้เข้าใจภาพรวมกองทัพ เคยเป็น ผบ.ทบ. คงเข้าใจกองทัพ ทั้งนี้ กองทัพไม่เคยขอให้ พล.อ.ประวิตร มาเป็นรมว.กลาโหม แต่เห็นใจนายกรัฐมนตรี หากมาควบตำแหน่ง เพราะงานของท่านมีมาก หากให้นายกรัฐมนตรีมารับผิดชอบกลาโหมด้วย คงจะเป็นงานที่หนักหนาที่สุด และอาจจะทำให้งานของกองทัพไม่ค่อยเดินเท่าที่ควร
ส่วนที่มีการมองว่า กองทัพไปล็อบบี้การเมืองให้เลือกพล.อ.ประวิตรนั้น ไม่แน่ใจว่ามีการล็อบบี้กันหรือไม่ และไม่ทราบว่าไปล็อบบี้กันตอนไหน เพราะตนไม่รู้เรื่อง
อย่างไรก็ตาม การที่ พล.อ.ประวิตร มาเป็น รมว.กลาโหม คงจะมีความเข้าใจง่ายขึ้น เพราะเราเคยทำงานด้วยกันมา เคยร่วมรับผิดชอบงานในกองทัพมาด้วยกัน จึงน่าจะสื่อถึงกันได้ ส่วนตนในฐานะปลัดกระทรวงกลาโหม คงจะพยายามผลักดันให้นโยบาย ที่เป็นประโยชน์ต่อภาพรวมของกองทัพให้ได้
**ป้องอนุพงษ์ไม่มีเอี่ยวตั้งรัฐบาล
เมื่อถามว่าจะทำอย่างไรต่อกระแสข่าวว่า พล.อ.อนุพงษ์ เป็นผู้ผลักดันให้ พล.อ.ประวิตร มาดำรงตำแหน่ง รมว.กลาโหม พล.อ.อภิชาต กล่าวว่า ตนคิดว่า พล.อ.อนุพงษ์ ปฏิเสธได้ เพราะท่านไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับในช่วงของการจัดตั้งรัฐบาล
เมื่อถามว่า หากมีคลิปวีดีโอ ออกมาเป็นเผยว่านักการเมืองเข้าไปหารือกับ พล.อ.อนุพงษ์ ทางกองทัพ จะชี้แจงอย่างไร พล.อ.อภิชาต กล่าวว่า ไม่แน่ใจว่าจะมีคนถ่ายคลิปไว้หรือไม่ แต่คิดว่าคงตอบคำถามได้ว่าเพราะอะไร อย่างไร คงเป็นเรื่องผู้ที่เกี่ยวข้องจะชี้แจงได้
เมื่อถามว่า จะทำอย่างไร ไม่ให้ภาพกองทัพออกมาไปสนับสนุนรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ พล.อ.อภิชาต กล่าวว่า ความจริงกองทัพมีหน้าที่ในการค้ำยันให้รัฐบาลอยู่ยืดยาว กองทัพคงทำหน้าที่ของกองทัพ ตนไม่เชื่อว่า พล.อ.อนุพงษ์ เคยทำอะไรนอกลู่นอกทางเพื่อให้รัฐบาลอยู่รอด เพราะกองทัพคงไม่มีศักยภาพเพียงพอที่จะค้ำยันให้รัฐบาลอยู่ได้ตลอดรอดฝั่ง เพราะเป็นเรื่องการทำงานของรัฐบาลมากกว่าที่จะพิสูจน์ฝีมือว่าจะไปได้นานแค่ไหน เป็นเรื่องของการตัดสินของประชาชนเป็นหลัก
**การวางทายาทไม่มีอะไรแน่นอน
เมื่อถามว่า การดึงพล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ มาดำรงตำแหน่ง ผบ.ตร. อีกครั้ง จะถูกมองว่าเป็นเพราะน้องชายของพล.อ.ประวิตร ใช่หรือไม่ รวมถึงขณะนี้ พล.อ.อนุพงษ์ มีการวางไลน์ ให้กับคนที่จะขึ้นมาดำรงตำแหน่ง ผบ.ทบ. คนต่อไปด้วยนั้น พล.อ.อภิชาต กล่าวว่า เป็นสิ่งที่เราพูดกันไป ไม่มีอะไรแน่นอน และคนที่วางไลน์ไว้ก็ไม่มีอะไรที่แน่นอน จะบอกว่าใช้ความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้องคงไม่ได้ ตนคิดว่าถ้าทุกคนทำตามหน้าที่ที่รับผิดชอบ คงไม่มีปัญหาอะไร ความจริง รมว.กลาโหม จะสั่งให้ ผบ.ทบ.ทำตามใจต้องการ หากไม่อยู่ในบนพื้นฐานของเหตุผล ตนเชื่อว่าคงไม่ได้รับการตอบสนอง
เมื่อถามถึงการดูไม่ให้มีการหมิ่นสถาบันเบื้องสูง พล.อ.อภิชาต กล่าวว่า กำลังดำเนินการอยู่ แต่ให้ใช้กฎหมายและกระทรวงไอซีทีเป็นผู้ดำเนินการเป็นหลัก ทั้งนี้ไม่ทราบจะมีขบวนการจ้องล้มสถาบันฯ หรือไม่ แต่มีการหมิ่นสถาบันฯ มีแน่นอน โดยเฉพาะเว็บไซต์ต่างๆ โดยจะให้ทางกระทรวงไอซีทีเป็นผู้ดูแล
**เล็งรื้อจัดซื้อยานเกราะยูเครน
รายงานข่าวจากกระทรวงกลาโหม แจ้งว่า ภายหลังการเข้ารับตำแหน่งของพล.อ.ประวิตร คาดว่าจะมีการรื้อโครงการจัดซื้อยานเกราะล้อยางของกองทัพบก ซึ่งนายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกรัฐมนตรีและ อดีตรมว.กลาโหม เป็นผู้เซ็นอนุมัติให้จัดซื้อยานเกราะ BTR 3E1 จำนวน 96 คัน วงเงินประมาณ 3,800 ล้านบาท จากประเทศยูเครน เมื่อวันที่ 11 ก.ค. 51 โดยการอนุมัติจัดซื้อดังกล่าวมีเงื่อนไขให้แต่งตั้งผู้แทนจากสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ไปร่วมตรวจรับด้วยเพื่อความโปร่งใส แต่จนบัดนี้ สตง. ยังไม่ส่งตัวแทนเข้าร่วมตรวจรับ เพราะได้มีข้อท้วงติงในประเด็นต่างๆ ก่อนการลงนาม อีกทั้ง สตง.ยังพบว่า ยังไม่มีหลักฐานอื่นใดมารับรองกรณีการชี้แจงเป็นภาพถ่ายของโรงงานประกอบชิ้นส่วนที่อยู่ในต่างประเทศว่าเป็นของผลิตใหม่ ไม่ได้ดัดแปลงอีกด้วย
** ชัยสิทธิ์ชี้รัฐบาลฝืนความรู้สึกปชช.
เวลา 10.00 น.วันเดียวกันนี้ ที่บ้านพักภายในกรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ (ร.1 รอ.) พล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร อดีตผบ.สส. ซึ่งเป็นญาติผู้พี่ของพ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร ได้เปิดบ้านพักให้ข้าราชการทหาร นักธุรกิจ พ่อค้า เข้าอวยพรปีใหม่ประจำปี 2552 โดยบรรยากาศไม่คึกคัก มีเพียงคณะนายทหารที่ใกล้ชิดมาร่วมอวยพร และมีเพียงตัวแทนผู้บัญชาการเหล่าทัพเข้ามาอวยพร โดย พล.อ. อนุพงษ์ ส่ง พล.ท. ดุสิต เครือใย ที่ปรึกษาพิเศษกองทัพบก เป็นผู้แทนไปมอบกระเช้าดอกไม้
พล.อ.ชัยสิทธิ์ ได้ให้สัมภาษณ์ถึง คณะรัฐมนตรีของรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ว่า ต้องรอดูผลงาน ตอนนี้เขายังไม่ได้ทำงาน หากไปวิจารณ์คงไม่ถูก แต่จะเอาใจช่วย ส่วนรัฐบาลนี้จะบริหารได้นานแค่ไหนขึ้นอยู่กับเขา
ส่วนการมองว่าผู้นำอายุน้อย อาจอ่อนประสบการณ์นั้น คิดว่าคงอยู่ที่ทีมงานมากมาย ทั้งนี้ ประเทศชาติไม่ใช่ของเล่น ขอให้ตั้งใจทำงานเพื่อชาติ และประชาชนจริงๆ อย่างที่พูดให้มีความรัก ความสามัคคี ไม่ใช่ต่างพรรคก็เป็นศัตรูกัน ขอภาวนาให้ไปให้รอด เพราะคนไทยฝากความหวังไว้ ส่วนจะทำได้ดีแค่ไหน เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์
พล.อ.ชัยสิทธิ์ กล่าวถึงข้อวิจารณ์รัฐบาลไม่มีความชอบธรรมว่า ไม่ขอวิจารณ์ ตนมีมารยาทและมีสปิริตพอ ส่วนที่นายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช ระบุว่าเป็นรัฐบาลไฮแจ็คนั้น ขอให้ฟังท่าน เพราะท่านเป็นนักการเมืองที่เก่าและอาวุโสที่สุด ถือเป็นเครื่องเตือนสติในโอกาสปีใหม่ แต่ตนคงไม่มีอะไรอวยพรรัฐบาล เพราะฝืนความรู้สึกของประชาชนส่วนใหญ่
เมื่อถามว่านักการเมืองเข้ามาหารือกับผู้นำกองทัพในค่ายทหารเพื่อจัดตั้งรัฐบาล พล.อ.ชัยสิทธิ์ กล่าวว่า "ทหารสมัยนี้เขาคิดว่าชอบธรรม ก็ต้องยอมเขา เพราะมีอำนาจอยู่ ต่างคนมีแนวคิดคนละอย่าง ถ้าเป็นผม คงไม่ทำ"
**อยากเล่นการเมืองแต่ถูกห้าม
เมื่อถามว่า รู้สึกอย่างไรที่มีการใช้บ้านพักทหารใกล้กับท่านโค่นล้มรัฐบาลน้องชาย พล.อ.ชัยสิทธิ์ กล่าวว่า "ทหารแท้ไม่ควรยุ่งการเมือง สื่อมวลชนรู้ดีว่าเบื้องหลังเป็นอย่างไร"
เมื่อถามว่า บทบาทกองทัพเหมาะสมกับสถานการณ์การเมืองหรือไม่ พล.อ.ชัยสิทธิ์ กล่าวว่า "เรื่องนี้อยู่ในใจ ต้องร้องเพลงเก็บตะวันดีกว่า คือ เก็บเวลาช่วงที่เมฆฟ้ามืดครึ้ม มีอะไรต้องเก็บไว้ รอวันฟ้าสว่าง"
เมื่อถามถึงกรณีหนีทหารของ นาย อภิสิทธิ์ นั้น พล.อ.ชัยสิทธิ์ กล่าวว่า ความจริงคือความจริง หนีหรือไม่หนี อยู่ในใจเขา ตัวเขาเองรู้ดีกว่าคนอื่น ไม่อยากวิจารณ์เรื่องผ่านไปแล้ว เป็นเรื่องของสามัญสำนึก แต่คดีคงหมดอายุความไปแล้ว"
เมื่อถามว่า พล.อ.ประวิตร เหมาะนั่งรมว.กลาโหมหรือไม่ พล.อ.ชัยสิทธิ์ กล่าวว่าถ้าเขาไม่เหมาะสมคงไม่เลือก มีที่มาที่ไป เรารู้กันอยู่ อย่าวิจารณ์กันมาก ตนไม่อยากพูดการเมืองมาก แต่ใจจริงตนอยากเล่นการเมือง แต่เมื่อเขาไม่ให้เล่น ก็ไม่เล่น ส่วนแนวคิดตั้งพรรคการเมืองนั้น ส่วนตัวก็มีคนชอบ แต่เราไม่มีเงิน ถ้าไม่มีเงินก็ทำไม่สำเร็จ
**เชิดชู"แก๊งเสื้อแดง"มีวินัยไม่ดื้อ
เมื่อถามว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ต่อสายให้ท่านช่วยคุยกับผบ.เหล่าทัพบ้างหรือไม่ พล.อ.ชัยสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่ได้ติดต่อ หรือโทรศัพท์มาหา คงไม่อยากให้ยุ่งการเมือง เพราะเป็นทหาร หากยุ่งเรื่องการเมืองคงรุนแรงน่าดู เขาจึงกันท่า แต่ถ้าประชาชนเรียกร้อง ก็อาจต้องทำอะไรสักอย่าง
เมื่อถามถึงกรณีที่กลุ่มเสื้อแดงออกมาเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาลนั้น พล.อ.ชัยสิทธิ์ กล่าวว่า คิดว่าเสื้อแดงเขามิวินัย ไม่แข็งกร้าว ไม่ดื้อ ไม่เห็นเขามีการ์ด เขาถือเป็นวิถีทางประชาธิปไตย คิดว่าคงไม่เกเรเท่าพันธมิตรฯ คิดว่าเขามีสปิริต มีวินัย รู้จักควบคุมฝูงชน เขามากันด้วยใจ ไม่มีการ์ดเหมือนเจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้
พล.อ.อภิชาต กล่าวแสดงความยินดีว่า ตนในฐานะปลัดกระทรวงกลาโหม นำคณะนายทหารชั้นผู้ใหญ่ในกระทรวงกลาโหม มาร่วมแสดงความยินดีต่อ รมว.กลาโหม นับแต่ท่านได้รับความไว้วางใจจากผู้บังคับบัญชา ให้ดำรงตำแหน่งสำคัญในกองทัพ โดยเฉพาะผบ.ทบ. และมีพระบรมราชโองการโปรดเกล้าฯ เป็นรมว.กลาโหม ครั้งนี้ ถือว่าท่านปฎิบัติภารกิจด้วยความรู้ ความสามารถ มีวิสัยทัศน์กว้างไกล มีคุณธรรม จริยธรรม ตั้งใจพัฒนากองทัพ และประเทศชาติส่วนรวม สิ่งนี้รับประกันว่า จะสานต่อนโยบายการแก้ปัญหาความมั่นคงแห่งชาติได้อย่างดี ตนให้คำมั่นสัญญาว่าจะร่วมแรงร่วมใจปฎิบัติภารกิจตามที่ได้รับมอบหมายด้วยความมุ่งมั่น ซื่อสัตย์สุจริต เพื่อสนองนโยบายอย่างเต็มความสามารถ
ด้าน พล.อ.ประวิตร ได้กล่าวขอบคุณปลัดกระทรวงกลาโหม และผบ.เหล่าทัพ และนายทหารที่เดินทางมาให้กำลังใจ โดยยืนยันว่าจะทำงานทุกอย่าง และขอความร่วมมือกับท่านเพื่อประเทศชาติ ราชบัลลังก์ ขอให้เป็นหนึ่งเดียวของประเทศ ทุกอย่างจะสำเร็จต้องได้รับความร่วมมือจากทุกฝ่าย ทหารน่าจะเป็นองค์กรที่เป็นที่พึ่งของประชาชน และประเทศชาติ เพื่อให้เกิดความสง่างาม
จากนั้น พล.อ.ประวิตร ให้สัมภาษณ์ว่า ไม่รู้สึกอะไรการรับตำแหน่ง อยากเข้ามาทำงานให้เกิดความรักความสามัคคีกัน การทำงานมีขั้นมีตอน และเชื่อว่าสถานการณ์บ้านเมืองจะต้องดีขึ้น ซึ่งต้องช่วยกันทุกฝ่าย เพื่อให้เกิดความสมานฉันท์ และไม่รู้สึกกังวลว่า กลุ่มเสื้อแดงจะออกมาต่อต้าน หรือไปปิดล้อมกระทรวงกลาโหม เพราะการเข้ามาครั้งนี้ เพื่อประเทศชาติและส่วนร่วม ไม่คิดว่าจะเข้ามาทำงานการเมือง เพราะไม่ได้อยู่ในกองทัพ เกษียณมา 3 ปีแล้ว
เมื่อถามว่าพูดคุยกับผบ.เหล่าทัพ ในการรับมือกลุ่มเสื้อแดงที่จะมาปิดล้อมรัฐสภาในวัน 29 ธ.ค. นี้หรือไม่ พล.อ ประวิตร กล่าวว่า ยังตอบอะไรไม่ได้ ต้องขอเวลาดูรายละเอียดก่อน
"ภารกิจแรก คือ ทำให้กองทัพมีความเข้มแข็ง ให้กองทัพเป็นที่พึ่งของประชาชนอย่างแท้จริง มีเอกภาพเป็นของกองทัพเอง ทั้งนี้ การเมืองกับการทหาร จะต้องแยกออกจากกัน การเมืองเป็นเรื่องของการเมือง การทหารเป็นเรื่องของข้าราชการประจำ ผมจะดูแลนโยบายภาพกว้าง ส่วนระเบียบข้อบังคับที่ทำให้แต่ละเหล่าทัพเข้มแข็ง เป็นเรื่องของ ผบ.เหล่าทัพ" พล.อ.ประวิตรกล่าว
เมื่อถามว่า สังคมเกิดความคลางแคลงใจว่า กองทัพอยู่เบื้องหลังทางการเมือง พล.อ.ประวิตร กล่าวว่า ตนไม่ทราบ เพราะไม่ได้อยู่ในฝ่ายทหาร รวมถึงการเมือง ตนเป็นข้าราชการที่เกษียณอายุ และได้รับการทาบทามจากฝ่ายการเมืองให้มาดูแลตรงนี้
**อภิสิทธิ์ทำเพื่อบ้านเมือง-สถาบันฯ
พล.อ.ประวิตร กล่าวด้วยว่า ประเทศต้องเดินไปข้างหน้า ขณะนี้รัฐบาลยังไม่ได้ทำอะไร ขอให้ได้ทำงาน และผ่านการแถลงนโยบายไปก่อน หากมีอะไรที่รัฐบาลทำแล้วไม่เป็นประโยชน์ต่อส่วนรวมค่อยว่ากัน รัฐบาลพร้อมให้ตรวจสอบ ซึ่งตนยังไม่ได้พูดคุยกับนายกรัฐมนตรี แต่มีความเชื่อมั่นในตัวของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เพราะท่านมีความปรารถนาดีต่อบ้านเมือง ฟังท่านพูดแล้วมั่นใจในความปรารถนาดีต่อบ้านเมืองและสถาบันฯ ทำให้ตัดสินใจง่ายในการร่วมรัฐบาล
พล.อ.ประวิตร ยังกล่าวถึงการแก้ปัญหา 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ว่า เป็นเรื่องของกองอำนวยการรักษาความมั่นคงภายในราชอาณาจักร จะเป็นผู้ดูแล ซึ่งพล.อ.อนุพงษ์ เป็น รอง ผอ.รมน. และนายกรัฐมนตรี เป็น ผอ.รมน. ขึ้นอยู่กับนายกรัฐมนตรีจะสั่งการ ส่วนรายละเอียด ยังไม่ได้คุยกับพล.อ.อนุพงษ์ ส่วนกรณีที่รัฐบาลจะมีการยุบศูนย์อำนวยการ 3 จังหวัดชายแดนภาคใต้ (ศอ.บต.) นั้น ก็ยังไม่ได้คุยรายละเอียด
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังพล.อ.ประวิตร กล่าวเสร็จได้มาจับมือกับ พล.อ.อภิชาติ พล.อ.ทรงกิตติและ ผบ.เหล่าทัพ ร่วมถึงเพื่อนร่วมรุ่นทหารเตรียม 6 อย่าง พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ อดีต ผบ.ทหารสูงสุด และยังเดินไปทักทาย พล.ท.คณิต สาพิทักษ์ แม่ทัพภาคที่ 1 รวมทั้งเหล่าบรรดาผู้บังคับการกรมต่างๆ โดยเฉพาะกองพลทหารราบที่ 2 รักษาพระองค์ (ทหารเสือราชินี) และผู้บังคับหน่วยขึ้นตรงของกองทัพภาคที่ 1
ทั้งนี้ ประเพณีที่ ผบ.เหล่าทัพ นำคณะนายทหาร ตบเท้าแสดวงความยินดีกับผู้ที่เป็น รมว.กลาโหม คนใหม่ นี้มีมาต่อเนื่อง แต่ในยุคที่นายสมัคร สุนทรเวช และนาย สมชาย วงษ์สวัสดิ์ อดีตนายกรัฐมนตรี ควบเก้าอี้รมว.กลาโหม ผบ.เหล่าทัพ ไม่ได้นำคณะนายทหารตบเท้าแสดงความยินดีเช่นนี้ มีเพียงพิธีต้อนรับในการเข้ารับตำแหน่งที่กระทรวงกลาโหม ตามธรรมเนียมเท่านั้น
**เชื่องานของกองทัพคล่องตัวขึ้น
พล.อ.อภิชาต เพ็ญกิตติ ปลัดกระทรวงกลาโหม กล่าวถึงความเหมาะสมที่ พล.อ.ประวิตร มานั่งรมว.กลาโหม ว่า คงเป็นเรื่องที่ดี เพราะพล.อ.ประวิตร มีความรู้เข้าใจภาพรวมกองทัพ เคยเป็น ผบ.ทบ. คงเข้าใจกองทัพ ทั้งนี้ กองทัพไม่เคยขอให้ พล.อ.ประวิตร มาเป็นรมว.กลาโหม แต่เห็นใจนายกรัฐมนตรี หากมาควบตำแหน่ง เพราะงานของท่านมีมาก หากให้นายกรัฐมนตรีมารับผิดชอบกลาโหมด้วย คงจะเป็นงานที่หนักหนาที่สุด และอาจจะทำให้งานของกองทัพไม่ค่อยเดินเท่าที่ควร
ส่วนที่มีการมองว่า กองทัพไปล็อบบี้การเมืองให้เลือกพล.อ.ประวิตรนั้น ไม่แน่ใจว่ามีการล็อบบี้กันหรือไม่ และไม่ทราบว่าไปล็อบบี้กันตอนไหน เพราะตนไม่รู้เรื่อง
อย่างไรก็ตาม การที่ พล.อ.ประวิตร มาเป็น รมว.กลาโหม คงจะมีความเข้าใจง่ายขึ้น เพราะเราเคยทำงานด้วยกันมา เคยร่วมรับผิดชอบงานในกองทัพมาด้วยกัน จึงน่าจะสื่อถึงกันได้ ส่วนตนในฐานะปลัดกระทรวงกลาโหม คงจะพยายามผลักดันให้นโยบาย ที่เป็นประโยชน์ต่อภาพรวมของกองทัพให้ได้
**ป้องอนุพงษ์ไม่มีเอี่ยวตั้งรัฐบาล
เมื่อถามว่าจะทำอย่างไรต่อกระแสข่าวว่า พล.อ.อนุพงษ์ เป็นผู้ผลักดันให้ พล.อ.ประวิตร มาดำรงตำแหน่ง รมว.กลาโหม พล.อ.อภิชาต กล่าวว่า ตนคิดว่า พล.อ.อนุพงษ์ ปฏิเสธได้ เพราะท่านไม่ได้เข้าไปยุ่งเกี่ยวกับในช่วงของการจัดตั้งรัฐบาล
เมื่อถามว่า หากมีคลิปวีดีโอ ออกมาเป็นเผยว่านักการเมืองเข้าไปหารือกับ พล.อ.อนุพงษ์ ทางกองทัพ จะชี้แจงอย่างไร พล.อ.อภิชาต กล่าวว่า ไม่แน่ใจว่าจะมีคนถ่ายคลิปไว้หรือไม่ แต่คิดว่าคงตอบคำถามได้ว่าเพราะอะไร อย่างไร คงเป็นเรื่องผู้ที่เกี่ยวข้องจะชี้แจงได้
เมื่อถามว่า จะทำอย่างไร ไม่ให้ภาพกองทัพออกมาไปสนับสนุนรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์ พล.อ.อภิชาต กล่าวว่า ความจริงกองทัพมีหน้าที่ในการค้ำยันให้รัฐบาลอยู่ยืดยาว กองทัพคงทำหน้าที่ของกองทัพ ตนไม่เชื่อว่า พล.อ.อนุพงษ์ เคยทำอะไรนอกลู่นอกทางเพื่อให้รัฐบาลอยู่รอด เพราะกองทัพคงไม่มีศักยภาพเพียงพอที่จะค้ำยันให้รัฐบาลอยู่ได้ตลอดรอดฝั่ง เพราะเป็นเรื่องการทำงานของรัฐบาลมากกว่าที่จะพิสูจน์ฝีมือว่าจะไปได้นานแค่ไหน เป็นเรื่องของการตัดสินของประชาชนเป็นหลัก
**การวางทายาทไม่มีอะไรแน่นอน
เมื่อถามว่า การดึงพล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ มาดำรงตำแหน่ง ผบ.ตร. อีกครั้ง จะถูกมองว่าเป็นเพราะน้องชายของพล.อ.ประวิตร ใช่หรือไม่ รวมถึงขณะนี้ พล.อ.อนุพงษ์ มีการวางไลน์ ให้กับคนที่จะขึ้นมาดำรงตำแหน่ง ผบ.ทบ. คนต่อไปด้วยนั้น พล.อ.อภิชาต กล่าวว่า เป็นสิ่งที่เราพูดกันไป ไม่มีอะไรแน่นอน และคนที่วางไลน์ไว้ก็ไม่มีอะไรที่แน่นอน จะบอกว่าใช้ความสัมพันธ์ระหว่างพี่น้องคงไม่ได้ ตนคิดว่าถ้าทุกคนทำตามหน้าที่ที่รับผิดชอบ คงไม่มีปัญหาอะไร ความจริง รมว.กลาโหม จะสั่งให้ ผบ.ทบ.ทำตามใจต้องการ หากไม่อยู่ในบนพื้นฐานของเหตุผล ตนเชื่อว่าคงไม่ได้รับการตอบสนอง
เมื่อถามถึงการดูไม่ให้มีการหมิ่นสถาบันเบื้องสูง พล.อ.อภิชาต กล่าวว่า กำลังดำเนินการอยู่ แต่ให้ใช้กฎหมายและกระทรวงไอซีทีเป็นผู้ดำเนินการเป็นหลัก ทั้งนี้ไม่ทราบจะมีขบวนการจ้องล้มสถาบันฯ หรือไม่ แต่มีการหมิ่นสถาบันฯ มีแน่นอน โดยเฉพาะเว็บไซต์ต่างๆ โดยจะให้ทางกระทรวงไอซีทีเป็นผู้ดูแล
**เล็งรื้อจัดซื้อยานเกราะยูเครน
รายงานข่าวจากกระทรวงกลาโหม แจ้งว่า ภายหลังการเข้ารับตำแหน่งของพล.อ.ประวิตร คาดว่าจะมีการรื้อโครงการจัดซื้อยานเกราะล้อยางของกองทัพบก ซึ่งนายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกรัฐมนตรีและ อดีตรมว.กลาโหม เป็นผู้เซ็นอนุมัติให้จัดซื้อยานเกราะ BTR 3E1 จำนวน 96 คัน วงเงินประมาณ 3,800 ล้านบาท จากประเทศยูเครน เมื่อวันที่ 11 ก.ค. 51 โดยการอนุมัติจัดซื้อดังกล่าวมีเงื่อนไขให้แต่งตั้งผู้แทนจากสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ไปร่วมตรวจรับด้วยเพื่อความโปร่งใส แต่จนบัดนี้ สตง. ยังไม่ส่งตัวแทนเข้าร่วมตรวจรับ เพราะได้มีข้อท้วงติงในประเด็นต่างๆ ก่อนการลงนาม อีกทั้ง สตง.ยังพบว่า ยังไม่มีหลักฐานอื่นใดมารับรองกรณีการชี้แจงเป็นภาพถ่ายของโรงงานประกอบชิ้นส่วนที่อยู่ในต่างประเทศว่าเป็นของผลิตใหม่ ไม่ได้ดัดแปลงอีกด้วย
** ชัยสิทธิ์ชี้รัฐบาลฝืนความรู้สึกปชช.
เวลา 10.00 น.วันเดียวกันนี้ ที่บ้านพักภายในกรมทหารราบที่ 1 มหาดเล็กรักษาพระองค์ (ร.1 รอ.) พล.อ.ชัยสิทธิ์ ชินวัตร อดีตผบ.สส. ซึ่งเป็นญาติผู้พี่ของพ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร ได้เปิดบ้านพักให้ข้าราชการทหาร นักธุรกิจ พ่อค้า เข้าอวยพรปีใหม่ประจำปี 2552 โดยบรรยากาศไม่คึกคัก มีเพียงคณะนายทหารที่ใกล้ชิดมาร่วมอวยพร และมีเพียงตัวแทนผู้บัญชาการเหล่าทัพเข้ามาอวยพร โดย พล.อ. อนุพงษ์ ส่ง พล.ท. ดุสิต เครือใย ที่ปรึกษาพิเศษกองทัพบก เป็นผู้แทนไปมอบกระเช้าดอกไม้
พล.อ.ชัยสิทธิ์ ได้ให้สัมภาษณ์ถึง คณะรัฐมนตรีของรัฐบาลนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ ว่า ต้องรอดูผลงาน ตอนนี้เขายังไม่ได้ทำงาน หากไปวิจารณ์คงไม่ถูก แต่จะเอาใจช่วย ส่วนรัฐบาลนี้จะบริหารได้นานแค่ไหนขึ้นอยู่กับเขา
ส่วนการมองว่าผู้นำอายุน้อย อาจอ่อนประสบการณ์นั้น คิดว่าคงอยู่ที่ทีมงานมากมาย ทั้งนี้ ประเทศชาติไม่ใช่ของเล่น ขอให้ตั้งใจทำงานเพื่อชาติ และประชาชนจริงๆ อย่างที่พูดให้มีความรัก ความสามัคคี ไม่ใช่ต่างพรรคก็เป็นศัตรูกัน ขอภาวนาให้ไปให้รอด เพราะคนไทยฝากความหวังไว้ ส่วนจะทำได้ดีแค่ไหน เวลาเป็นเครื่องพิสูจน์
พล.อ.ชัยสิทธิ์ กล่าวถึงข้อวิจารณ์รัฐบาลไม่มีความชอบธรรมว่า ไม่ขอวิจารณ์ ตนมีมารยาทและมีสปิริตพอ ส่วนที่นายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช ระบุว่าเป็นรัฐบาลไฮแจ็คนั้น ขอให้ฟังท่าน เพราะท่านเป็นนักการเมืองที่เก่าและอาวุโสที่สุด ถือเป็นเครื่องเตือนสติในโอกาสปีใหม่ แต่ตนคงไม่มีอะไรอวยพรรัฐบาล เพราะฝืนความรู้สึกของประชาชนส่วนใหญ่
เมื่อถามว่านักการเมืองเข้ามาหารือกับผู้นำกองทัพในค่ายทหารเพื่อจัดตั้งรัฐบาล พล.อ.ชัยสิทธิ์ กล่าวว่า "ทหารสมัยนี้เขาคิดว่าชอบธรรม ก็ต้องยอมเขา เพราะมีอำนาจอยู่ ต่างคนมีแนวคิดคนละอย่าง ถ้าเป็นผม คงไม่ทำ"
**อยากเล่นการเมืองแต่ถูกห้าม
เมื่อถามว่า รู้สึกอย่างไรที่มีการใช้บ้านพักทหารใกล้กับท่านโค่นล้มรัฐบาลน้องชาย พล.อ.ชัยสิทธิ์ กล่าวว่า "ทหารแท้ไม่ควรยุ่งการเมือง สื่อมวลชนรู้ดีว่าเบื้องหลังเป็นอย่างไร"
เมื่อถามว่า บทบาทกองทัพเหมาะสมกับสถานการณ์การเมืองหรือไม่ พล.อ.ชัยสิทธิ์ กล่าวว่า "เรื่องนี้อยู่ในใจ ต้องร้องเพลงเก็บตะวันดีกว่า คือ เก็บเวลาช่วงที่เมฆฟ้ามืดครึ้ม มีอะไรต้องเก็บไว้ รอวันฟ้าสว่าง"
เมื่อถามถึงกรณีหนีทหารของ นาย อภิสิทธิ์ นั้น พล.อ.ชัยสิทธิ์ กล่าวว่า ความจริงคือความจริง หนีหรือไม่หนี อยู่ในใจเขา ตัวเขาเองรู้ดีกว่าคนอื่น ไม่อยากวิจารณ์เรื่องผ่านไปแล้ว เป็นเรื่องของสามัญสำนึก แต่คดีคงหมดอายุความไปแล้ว"
เมื่อถามว่า พล.อ.ประวิตร เหมาะนั่งรมว.กลาโหมหรือไม่ พล.อ.ชัยสิทธิ์ กล่าวว่าถ้าเขาไม่เหมาะสมคงไม่เลือก มีที่มาที่ไป เรารู้กันอยู่ อย่าวิจารณ์กันมาก ตนไม่อยากพูดการเมืองมาก แต่ใจจริงตนอยากเล่นการเมือง แต่เมื่อเขาไม่ให้เล่น ก็ไม่เล่น ส่วนแนวคิดตั้งพรรคการเมืองนั้น ส่วนตัวก็มีคนชอบ แต่เราไม่มีเงิน ถ้าไม่มีเงินก็ทำไม่สำเร็จ
**เชิดชู"แก๊งเสื้อแดง"มีวินัยไม่ดื้อ
เมื่อถามว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ต่อสายให้ท่านช่วยคุยกับผบ.เหล่าทัพบ้างหรือไม่ พล.อ.ชัยสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่ได้ติดต่อ หรือโทรศัพท์มาหา คงไม่อยากให้ยุ่งการเมือง เพราะเป็นทหาร หากยุ่งเรื่องการเมืองคงรุนแรงน่าดู เขาจึงกันท่า แต่ถ้าประชาชนเรียกร้อง ก็อาจต้องทำอะไรสักอย่าง
เมื่อถามถึงกรณีที่กลุ่มเสื้อแดงออกมาเคลื่อนไหวต่อต้านรัฐบาลนั้น พล.อ.ชัยสิทธิ์ กล่าวว่า คิดว่าเสื้อแดงเขามิวินัย ไม่แข็งกร้าว ไม่ดื้อ ไม่เห็นเขามีการ์ด เขาถือเป็นวิถีทางประชาธิปไตย คิดว่าคงไม่เกเรเท่าพันธมิตรฯ คิดว่าเขามีสปิริต มีวินัย รู้จักควบคุมฝูงชน เขามากันด้วยใจ ไม่มีการ์ดเหมือนเจ้าพ่อเซี่ยงไฮ้