นายกฯ ยืนยันประชานิยมรัฐบาลชุดนี้ ไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อน จึงไม่มีทุนสามานย์เกิดขึ้น ลั่นพร้อมสานต่อโครงการที่เป็นประโยชน์ สวนกลับข้อหา"กษิต"เป็นผู้ก่อการร้ายเพิ่งแจ้งความ 2 วันก่อน ด้าน"สมเกียรติ"รับอย่างภูมิใจร่วมชุมนุมในสนามบิน แต่คนสั่งปิดคือผู้ว่าฯ ทอท.ลั่นพร้อมสู้ทุกคดี และไม่ขอใช้เอกสิทธิ ส.ส.
วันนี้ (28 ม.ค.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ชี้แจงข้อซักถามของ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ส.ส.สัดส่วนพรรคเพื่อไทย ในประเด็นคำถามที่ไม่เกี่ยวกับร่าง พ.ร.บ.งบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม หรืองบกลางปี ในประเด็นของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศว่า ที่ผ่านมาไม่เคยมีการแจ้งความต่อรัฐมนตรี ในข้อหาผู้ก่อการร้ายข้ามชาติ แต่เพิ่งจะมีการแจ้งความเมื่อไม่กี่วันที่ผ่านมาเท่านั้น
นายอภิสิทธิ์ ได้ชี้แจงข้อกล่าวหาที่ว่านายกษิต ภิรมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศว่าเป็นผู้ก่อการร้ายสากลนั้น ที่ตนพูดว่านายกษิตถูกตั้งข้อหาบุกรุกสถานที่ราชการ เป็นช่วงตนไม่ยังได้มาบริหาร แต่ที่มีการกล่าวโทษที่สถานีตำรวจราชาเทวะ ไม่ใช่กรณีปิดสนามบิน แต่เป็นการไปอภิปรายเวทีสัมมนาที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัยและเพิ่งไปกล่าวโทษเมื่อสองวันที่ผ่านมา (วันที่ 26 ม.ค.)อยากให้มีการพูดความจริง จะได้ไม่คลาดเคลื่อน ส่วนกรณีที่ตนเรียกนายตำรวจเข้าพบเพื่อสอบถามปัญหาอุปสรรคในคดีสำคัญ ซึ่งไม่ใช่เป็นการรื้อคดี แต่เป็นการเร่งรัดคดี
“วันนี้ตำรวจ ก็ออกมาพูดว่า ฟ้าเปิดแล้ว ทำให้คดีเดินหน้าไปได้ ผมจำได้ว่านายกฯ ขณะนั้นและรัฐมนตรีท่านหนึ่งได้พบกับเขา แต่คนละห้องเท่านั้น ที่ต่างกัน คือ มีการชี้นำว่าอย่าทำเลย คดีอย่างนี้ ผมเพียงแต่ทำหน้าที่ไปตามกฎหมายโดยให้ความมั่นใจกับเจ้าหน้าที่ในการทำงานว่าจะไม่มีการแทรกแซง”นายกรัฐมนตรี กล่าว
นายอภิสิทธิ์ กล่าวอีกว่า ส่วนประเด็นที่ว่าตนต่อต้านนโยบายประชานิยมหลายเรื่อง ไม่ว่านโยบาย 30 บาท หากย้อนกลับไป ก็ยังยืนยันความเห็นเดิมเพราะวันที่มีนโยบายนี้ ก็เป็นเรื่อง แต่วันนั้นงบประมาณยังไม่พร้อมจริงๆ เพราะก่อนหน้านั้นได้รับร้องเรียนไปไม่ได้เงินและยังเกิดปัญหาเหมือนที่ตนวิจารณ์ในเรื่องคุณภาพของยา และการรักษา แต่เมื่อมีการปรับ ค่าใช้จ่ายต่อหัวแล้ว โครงการนี้เพิ่งเดินหน้าไปได้ สมัยรัฐบาล พล.อ.สุรยุทธ์ จุลลานนท์ ทั้งที่มีแนวคิดจะยกเลิกโครงการนี้ด้วยซ้ำ
“ผมไม่ใช่คนช่างคิดละเอียด แต่ถ้าอะไรที่เป็นประโยชน์ก็ยินดีจะทำ ผมไม่ทราบว่าใครเป็นคนต้นคิดโครงการ ก็เพิ่งรู้วันนี้ว่าโครงการ 6 มาตรา 6 เดือน เป็นความคิดของ พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งอะไรที่เป็นประโยชน์ก็จะทำ อะไรที่จำเป็นต้องแก้ไขก็ต้องปรับปรุง อะไรที่ไม่ถูกต้องก็จะยกเลิก ส่วนจะเรียกว่าประชานิยม หรือเรียกชื่ออะไร อย่างไร ผมไม่คิดที่จะเป็นเจ้าของเพราะรู้จักประมาณตน แต่มาตรการที่รัฐบาลออกมาเราดูตามความจำเป็น สถานการณ์และเนื้องาน และไม่มีวันที่เป็นจะทำนโยบายแบบนี้ ขอยืนยันการจัดโครงการของรัฐบาล จะไม่ไปถึงทุนสามานย์ วันนี้ผมคิดว่านโยบายรัฐบาลไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อน นั่นคือหัวใจของทุนสามานย์”นายกรัฐมนตรี ย้ำ
นายอภิสิทธิ์ ได้ยืนยันอักว่า ตัวเลขขาดดุลงบประมาณ เหตุผลที่รัฐบาลตั้งไว้ที่3.47แสนล้านบาท เพราะต้องการให้อยู่ในเพดานการกู้เงินในกรอบงบประมาณ หากจะยึดตัวเลข 4.7แสนล้านบาท จะทำให้เกิดเพดานเงินกู้ อย่างไรรายละเอียดทั้งหมดจะชี้แจงในตอนท้ายอีกครั้ง
ขณะที่ ร.ต.อ.เฉลิม ได้ชี้แจงกรณีที่นายอภิสิทธิ์ พาดพิงไปแทรกแซงการทำงานของตำรวจ สมัยที่เป็นรัฐบาล โดยอ้างว่าตนเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยไม่สามารถสั่งตำรวจได้ คนที่สั่งตำรวจได้คือนายกรัฐมนตรี ซึ่งนายชัย ได้ตัดบทว่า“อย่ากินปูนร้อนท้อง” ขณะที่นายอภิสิทธิ์ลุกขึ้นชี้แจงว่า ตนไม่ได้ระบุชื่อว่าเป็น ร.ต.อ.เฉลิม แต่ยืนยันว่ามีการสั่งการไม่ให้ดำเนินคดีแน่นอน
หลังจากนั้น ร.ต.อ.เฉลิม ได้นำเอกสารที่ยืนยันว่ามีมีผู้แจ้งความเมื่อวันที่ 23 ธ.ค.ที่ สน.ราชาเทวะให้ดำเนินคดีนายกษิต ข้อหาเป็นผู้ก่อการร้ายสากล มาอ่านพร้อมโชว์กลางที่ประชุม ซึ่งนายอภิสิทธิ์ชี้แจงเพิ่มเติมว่าการแจ้งความดังกล่าวเป็นกรณีที่นายกษิตไปพูดที่จุฬาลงกรณ์มหาวิทยาลัย ไม่ใช่การที่นายกษิตเข้าไปปิดสนามบินโดยตรง
** “สมเกียรติ”ใช้สิทธิพาดพิง-ลั่นพร้อมสู้คดี
ด้านนายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ส.ส.สัดส่วน พรรคประชาธิปัตย์ ได้ลุกขึ้นกล่าวว่า ตนนายสมเกียรติ แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ขอใช้สิทธิชี้แจงเพราะถูกพาดพิงในสภาหลายครั้งก็อดทนมาตลอด ตนยืนยันว่าตนไปชุมนุมจริงตามมติแกนนำพันธมิตรฯ แต่ไม่ได้ปิดสนามบิน หรือยึดรันเวย์ แต่คนที่สั่งปิดแบบมีลายลักษณ์อักษร คือ ผู้ว่าการท่าอากาศยานแห่งประเทศไทย (ทอท.) ซึ่ง ผู้ว่าราชการจังหวัดสมุทรปราการ ก็ตำหนิไปแล้วว่าสั่งปิดสนามบินทำไม และการมากล่าวหาว่าตนเป็นผู้ก่อการร้ายสากลก็ไม่ใช่
“ผมยินดีต่อสู้คดีโดยไม่ใช้เอกสิทธิ์ของ ส.ส.ไม่เคยหนีศาล ไม่ขี้ขลาด หนีไปต่างประเทศ และศาลก็ชี้ออกมาแล้วว่าผมไม่ใช่ผู้ก่อการร้ายสากล ข้อถูกกล่าวหาว่าเป็นกบฏในราชอาณาจักร ผมก็ต่อสู้ จนตุลาการสั่งเพิกถอนข้อหานี้ แต่ก็ยังมีความพยายามโยงเข้ามาในสภาและพูดกันอีก แต่ผมจะไม่หวั่นไหว และพร้อมสู้ โดยไม่ยอมหนีคดีออกไปต่างประเทศจนกลายเป็นอาชญากรข้ามชาติและจะไม่ยอมสยบต่ออำนาจทั้งหลาย”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า บรรยากาศในห้องประชุมเริ่มตรึงเครียดอีกครั้ง เมื่อนายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ส.ส.เชียงใหม่ อภิปรายว่า รัฐบาลชวน ทำให้เศรษฐกิจของประเทศเสียหาย ทำให้นายนิพิฎฐ์ อินทรสมบัติ ส.ส.พัทลุง ตอบโต้ว่า รัฐบาลที่ทำให้เศรษฐกิจเสียหาย คือ รัฐบาล พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ ทำให้นายไพจิต ศรีวรขาน ส.ส.นครพนม พรรคเพื่อไทย ซึ่งเป็นคนสนิทของ พล.อ.ชวลิต ลุกขึ้นประท้วงขอให้นายนิพิฎฐ์ถอนคำพูดว่า พล.อ.ชวลิตทำให้เศรษฐกิจเสียหาย ซึ่งนายนิพิฎฐ์ ยอมถอนคำพูดแต่นายสุรพงษ์ ไม่ยอมถอนคำพูด และเดินออกจากห้องประชุมไป
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในช่วงหัวค่ำ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ได้ ติดภารกิจรับเสด็จพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในพระราชพิธีพระราชทานรางวัล ณ พระที่นั่งจักรีมหาประสาท ปรากฏว่านายสมคิด บาลไธสง ส.ส.หนองคาย พรรคเพื่อไทย ได้ลุกขึ้นเสนอนับองค์ประชุมแบบไม่มีปี่มีขลุ่ย โดยอ้างว่ามี ส.ส.อยู่ในห้องประชุมน้อย แต่ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ได้แก้เกมด้วยการเสนอญัตติให้นับองค์ประชุมแบบขานชื่อ แต่ประธานในที่ประชุมได้สั่งพักการประชุม 10 นาที และเมื่อเปิดประชุมอีกครั้ง ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ยอมถอนญัตติ ทำให้มีการนับองค์ประชุมด้วยการเสียบบัตรเท่านั้น ผลปรากฏมีสมาชิก 257 เสียง สามารถประชุมต่อไปได้