xs
xsm
sm
md
lg

ถ้าดีจริง ไม่ขี้โกงก็ไม่เห็นเป็นไร !!

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นาม ยิ้มแย้ม
ทำท่าจะกลายเป็นประเด็นต้องถกเถียงกันขึ้นมาอีกรอบกับการแต่งตั้งตำแหน่งทางการเมืองบางตำแหน่ง ไม่ว่าจะเป็นที่ปรึกษา หรือเลขานุการรัฐมนตรีบางคน โดยเฉพาะเสียงวิจารณ์ในเชิงแบ่งฝ่ายเรื่องความเหมาะสม

ถ้าจะว่าไปแล้วเสียงวิจารณ์ในลักษณะดังกล่าวเริ่มดังมาตั้งแต่ก่อนและหลังแต่งตั้ง กษิต ภิรมย์ เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศใหม่ๆ กล่าวหาว่าขึ้นเวทีพันธมิตรฯ มีส่วนร่วมในการเข้ายึดสนามบิน ที่หนักหนาก็คือ กล่าวหาเลยเถิดว่าเป็น “ผู้ก่อการร้าย” กันเลยทีเดียว

แต่จะด้วยภูมิหลังที่โดดเด่นในทุกเรื่อง ทั้งทางการทูต การศึกษา ไม่เคยมีประวัติด่างพร้อยในเรื่องทุจริต หรือมีผลประโยชน์ทับซ้อนมาก่อน ข้อกล่าวหาที่พยายามประโคมกันอย่างบิดเบือนทั้งฝ่ายที่เสียประโยชน์ในเครือข่ายระบอบทักษิณ หรือทางสื่อบางสื่อก็ค่อยๆ ซาลง

ล่าสุด มาถึงการแต่งตั้งตำแหน่งที่ปรึกษาและเลขานุการรัฐมนตรี ก็เริ่มมีเสียงวิจารณ์โวยวายกันล่วงหน้าถึงบางรายชื่อที่ติดอยู่ในโผว่าจะได้รับการแต่งตั้ง เอ่ยชื่อมาก็ต้องร้องอ๋อ อย่างเช่น นาม ยิ้มแย้ม หรือคนที่เป็นแนวร่วมพันธมิตรฯ บางคน อย่างเช่น พิเชษฐ์ พัฒนโชติ ประพันธ์ คูณมี หรือแม้แต่ สำราญ รอดเพชร เป็นต้น

ที่น่าสังเกตก็คือ แนวทางการเปิดประเด็นในคราวนี้ยังมาในรูปของการประโคมผ่านบางสื่อ “กันเอง” ในเครือข่ายของระบอบทักษิณ ที่เวลานี้ยังเป็นที่สงสัยว่า เป็นการ “ดักฟัง” โทรศัพท์ จากนั้นเมื่อได้ข้อมูลแล้วนำไป “ปล่อย” ให้สื่อเพื่อขยายผลอีกต่อหนึ่งหรือไม่

อย่างไรก็ดี สิ่งที่สังคมอีกด้านหนึ่งกำลังตั้งคำถามก็คือ ไม่ว่าจะเป็นตำแหน่งทางการเมือง หรือตำแหน่งอื่นๆก็ตาม น่าจะพิจารณาจากความเหมาะสม มีความรู้ความสามารถ มีความซื่อสัตย์ ไม่มีผลประโยชน์ทับซ้อน มีคุณสมบัติไม่ขัดต่อกฎหมาย คนเหล่านี้ก็ไม่น่าจะได้รับการกีดกันเพียงแค่เคยดำรงตำแหน่ง หรือร่วมเคลื่อนไหวที่กระทบกับอีกฝ่ายเท่านั้น

ยกตัวอย่างกรณีของ นาม ยิ้มแย้ม ก็บอกว่าเคยเป็นประธานคณะกรรมการตรวจสอบการกระทำที่ก่อให้เกิดความเสียหายแก่รัฐ (คตส.) เคยตรวจสอบขุดคุ้ยการทุจริตของระบอบทักษิณอย่างถึงพริกถึงขิง โดยมองข้ามไปว่าข้อเท็จจริงเป็นอย่างไร ระบอบทักษิณโกงจริงหรือไม่ และสร้างความเสียหายให้กับชาติบ้านเมืองอย่างไรบ้าง

หรือพยายามโยงไปถึงเมื่อครั้งที่เคยเป็นประธานอนุกรรมการตรวจสอบการทุจริตเลือกตั้งของพรรคไทยรักไทย จนนำไปสู่การยุบพรรคในที่สุด ก็ต้องตั้งคำถามว่า พรรคดังกล่าวโกงเลือกตั้งจริงหรือเปล่า และทำผิดกฎหมายหรือเปล่า แต่กลับให้ข้อมูลว่ามีความสัมพันธ์กับบิ๊กของพรรคประชาธิปัตย์ ทั้งที่ในความเป็นจริงแล้ว นาม ยิ้มแย้ม คนนี้แหละได้รับแต่งตั้งในยุค กกต.ยุค “3 หนา” โดย พล.ต.อ.วาสนา เพิ่มลาภ นั่นแหละ

กรณีของรายอื่นที่ระบุว่าขึ้นเวที เป็นแนวร่วมพันธมิตรฯ ก็ต้องตั้งคำถามว่า พันธมิตรฯนี่มันเป็นโจรหรืออย่างไร การเคลื่อนไหวเพื่อต่อต้านรัฐบาลทุจริต การขายชาติ เป็นการชุมนุมโดยสงบ ใช้สิทธิ์ตามรัฐธรรมนูญ ต้องเสียสละเอาเลือดเนื้อ ชีวิตเข้าแลก มันเป็นความผิดหรือ

และที่ผ่านมาหากนำมาเปรียบเทียบกันแบบนี้ ก็ต้องไม่ลืมกรณีแกนนำของกลุ่ม “เสื้อแดง” ที่ได้ดิบได้ดี ได้รับบำเหน็จทางการเมืองกันถ้วนหน้า ไม่เชื่อลองถาม จตุพร พรหมพันธุ์ ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ จักรภพ เพ็ญแข พ.อ.อภิวันท์ วิริยะชัย หรือ มานิตย์ จิตต์จันทร์กลับ ยังขาดก็แต่เพียง หมอสันต์ กับ หมอเหวง เท่านั้น ที่ยังแต่งตั้งไม่ทัน เพราะรัฐบาลพรรคพลังประชาชนพ้นไปเสียก่อน

ดังนั้นอีกมุมหนึ่งถ้าพิจารณาด้วยความเป็นธรรมแล้ว เรื่องดังกล่าวไม่ใช่ประเด็น ไม่ว่าจะถูกมองว่าอยู่ฝ่ายไหน สิ่งสำคัญคือ เป็นคนดี มีคุณธรรม มีความซื่อสัตย์ มีคุณสมบัติไม่ขัดต่อกฎหมาย ถ้ามีเพียบพร้อมก็ไม่น่าจะเป็นข้อจำกัดขัดขวางไม่ให้คนเหล่านี้ได้เข้ามาทำงานให้บ้านเมือง !!
กำลังโหลดความคิดเห็น