xs
xsm
sm
md
lg

“สมเกียรติ” เดือด! ฮึ่มขับไล่ “ผู้ว่าฯ ลพบุรี” ป้ายผิด ผอ.ไฟเขียว “พันธมิตรฯ”

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

สมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย
“สมเกียรติ” สุดเดือด แฉ “ผู้ว่าฯ ลพบุรี” ร่อนหนังสือถึง ก.ศึกษา ให้สั่งย้าย “ผอ.โรงเรียนพิบูลวิทยาลัย” เหตุเพราะไม่พอใจที่ยอมให้ “พันธมิตรฯ” ใช้สถานที่จัดงานชุมนุม ฮึ่มหากมีคำสั่งย้าย พร้อมเคลื่อนทัพขับไล่พ้นตำแหน่งทันที กร้าวจัดการ “รัฐมนตรี” หากยังดื้อดึงยกเลิก  “ดอนเมือง” วอน “แนวร่วมพันมิตรฯ” รวมใจบุกอุดร ลบรอยคราบน้ำตา 14 ก.พ.นี้

 คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ กล่าวปราศรัยในรายการ 

วานนี้ (26 ม.ค.) นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวในรายการพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ เอเอสทีวี ถึงกรณีที่ การประชุมสภาเกี่ยวกับการเจรจาความร่วมมือในอาเซียนว่า การประชุมสภาวันนี้ มีการให้ความเห็นชอบเอกสารสำคัญกว่า 20 เรื่อง ซึ่งจะใช้เป็นกรอบในการหารือในอาเซียน รวมทั้งประเทศมหาอำนาจทางเศรษฐกิจด้วย เช่น จีน เกาหลี อินเดีย นิวซีแลนด์ และออสเตรเลีย ที่นอกเหนือไปจากอาเซียน ส่วนประเด็นสำคัญที่ทำให้สมาชิกรัฐสภามีการประชุมร่วมกันตามบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญ ก็คือ วุฒิสภา กับสภาผู้แทนราษฎรประชุมร่วมกัน เพราะถ้าแพ้โหวต ก็จะทำให้เกิดปัญหา เนื่องจากใกล้จะมีการประชุมอาเซียนซัมมิทแล้ว

“ในการประชุมวันที่ 28-29 ม.ค.นี้ มีความสำคัญมาก เพราะจะมีการเสนอร่างพระราชบัญญัติงบประมาณเพิ่มเติม เพื่อจะนำมาใช้ในกรณีของการศึกษาฟรี 15 ปี รวมทั้งงบประมาณที่จะดูแลอาสาสมัครอีก 8 แสนคน รวมทั้งดูแลผู้สูงอายุที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป อีก 5-6 ล้านคน จึงจะเป็นเกมการต่อสู้ที่จะมีการลำหักลำโค่นในรัฐสภา โดยเฉพาะสภาผู้แทนราษฎร ฉะนั้นผมอยากจะบอกว่า ถึงแม้พันธมิตรฯ จะอยู่นอกสภา แต่การต่อสู้ในสภา ก็ยังเข้มข้นอยู่ เพราะมันเป็นการต่อสู้ในเชิงของการคับแค้นใจ และการเยาะเย้ยถากถาง” นายสมเกียรติ ระบุ

นายสมเกียรติ กล่าวอีกว่า วันนี้มีการอภิปรายในสภาซึ่งกล่าวหาพันธมิตรฯ ค่อนข้างมาก โดยเฉพาะนายกษิต ภิรมย์ รมว.ต่างประเทศ ซึ่งไม่มีเรื่องอะไรเพราะพูดแต่เรื่องเดิมๆ คือ เรื่องการปิดสนามบินสุวรรณภูมิ แล้วก็พยายามกล่าวหาว่าเราเป็นผู้ก่อการร้ายสากล สร้างความเสียหายให้แก่ประเทศชาติ มีสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรฝ่ายค้านจำนวน 3-4 คน ที่พยายามจะพูดเรื่องนี้ ทั้งๆ ที่ผู้ว่าการท่าอากาศยานคือคนปิด เพราะพอปิดสามนบินแล้ว เขายังถูกบอร์ดคณะกรรมการท่าอากาศยานตำหนิอีกว่า ปิดได้อย่างไรโดยไม่เสนอบอร์ดให้ทราบ แล้วมีขั้นตอนเสนออย่างไร

แฉ “ผู้ว่าฯ ลพบุรี” ป้ายผิด ผอ. เหตุไฟเขียวพันธมิตรฯ

“ที่สำคัญ ในระหว่างที่เราชุมนุมอยู่นั้น เราไม่เคยไปในรันเวย์ และไม่เคยเข้าไปเกี่ยวข้องกับเครื่องบินเลย เราเพียงแต่ไปชุมนุมนอกอาคารตามสิทธิของเรา แต่เรื่องนี้กลายเป็นเรื่องที่ทิ่มแทงมาโดยตลอด ซึ่งเป็นธรรมดาของผู้แพ้ เขาก็เครียดแค้นเป็นธรรมดา จึงอโหสิกรรมให้พวกแลน และตะกวด พวกนี้ทุกคน” แกนนำพันธมิตรฯ กล่าว

แกนนำพันธมิตรฯ กล่าวต่อว่า ในวันที่ 27 ม.ค.นี้ ตนจะไปปราศรัยที่ จ.ลพบุรี ซึ่งถือว่าเป็นการจัดงานครั้งแรก แต่ที่สำคัญไปกว่านั้นคือ ผู้ว่าราชการจังหวัด ทำหนังสือถึงกระทรวงศึกษาธิการให้สั่งย้ายผู้อำนวยการโรงเรียนพิบูลย์วิทยาลัย เพราะให้สถานที่เราจัดงาน ขณะเดียวกัน ผู้อำนวยการคนดังกล่าวยืนหยัดว่าเป็นเสรีภาพ ใครขอก็อนุญาตได้ เพราะโรงเรียนคือสถาบันฝึกฝนประชาธิปไตย แต่ผู้ว่าฯ คนดังกล่าวไม่ยอมฟัง แถมยังประกาศว่าจะย้ายผู้อำนวยการให้ได้ ตนจึงประกาศว่าถ้าหากย้ายผู้อำนวยการโรงเรียนพิบูลย์วิทยาลัย พวกเราจะเดินทางไปร่วมกับพี่น้องประชาชนเพื่อขับไล่ผู้ว่าฯ ถึง จ.ลพบุรี นอกจากนี้ ตนยังได้เรียน รมว.ศึกษาธิการไปแล้วว่าจะไม่ให้โอกาสกับผู้ว่าฯ ที่ใช้อำนาจเผด็จการเข้าไปแทรกแซงวงการครู เพราะเขาก็มีเกียรติ์ มีศักดิ์ศรี

ส่วนกรณีที่กลุ่มคนเสื้อแดงพังเวทีพันธมิตรฯ ที่ จ.ร้อยเอ็ด นั้น นายสมเกียรติ กล่าวว่า กลุ่มเสื้อแดงมากันประมาณ 300 คน โดยขณะนั้นตนกำลังเตรียมตัวจะขึ้นเครื่องบินในเวลา 18.00 น.เพื่อไปที่ จ.ร้อยเอ็ด โดยคณะจัดงานบางคนบอกว่าไม่ต้องไปเพราะรื้อเวทีไปแล้ว จึงต้องโทรศัพท์ร้องขอเชิงสั่งการให้นักร้องทีมของเรา และพี่น้องประชาชนทั้งหมดยืนหยัดอยู่ตรงนั้นแล้วจัดงานให้ได้ ในที่สุดตนจึงตัดสินใจฝ่าฝืนคำแนะนำแล้วบินไปเพื่อบัญชาการที่นั่น จนสามารถจัดปราศรัยได้ในเวลา 20.00 น.จนถึงเวลา 01.00 น. วันนั้นเรายึดเวทีสำเร็จ และการยึดเวทีของเราถือเป็นความชอบธรรม ส่วนกรณีที่มีนายอำเภอ ผู้ว่าฯ ผู้กำกับ ส.ส.4 คน ส.จ. อีก 1 คน รวมทั้งผู้หญิงคนหนึ่งซึ่งเป็นเพื่อนของดา ตอร์ปิโด หรือต้อม ไปใช้คำหยาบคาย โดยบางข้อความมีลักษณะหมิ่นเบื้องสูง ซึ่งเรากำลังตรวจสอบเทปบันทึกภาพของคนเหล่านี้อยู่

เชียร์ “มาร์ค” เพราะใช้ตำแหน่งเดิมพันเพื่อชาติ

“ผมภาคภูมิใจจริงๆ ที่พันธมิตรฯ สามารถไปเปิดพื้นที่ในภาคอีสานเป็นจังหวัดแรกที่ จ.ร้อยเอ็ดได้ ทำให้แต่ละคนมีกำลังใจ แล้วเราจะไม่ยอมให้เกิดเหตุการณ์เช่นขึ้นอีก เพราะกำลังใจเราสูง ยิ่งเมื่อเราประกาศเป่านกหวีดในวันที่ 14 ก.พ.นี้ที่ จ.อุดรธานี ขอยืนยันว่าจะไม่มีทางเกิดเหตุการณ์แบบนี้อีก ที่สำคัญตนต้องขอขอบคุณคณะกรรมการพันธมิตรฯ ที่ จ.ร้อยเอ็ด เป็นอย่างมาก เพราะได้แจ้งจับผู้ว่าฯ ผู้กำกับ และนายอำเภอคนหนึ่ง ตามประมวลกฎหมายอาญา มาตรา 157 ฐานบัญชาเสื้อแดง คุกคามสิทธิเสรีภาพ และทำร้ายร่างกาย โดยอาวุธที่เขาใช้คือ 1.ใช้ไข่ปา 2.ขวดน้ำ 3.ปลาร้า 4.รองเท้า และ 5.ใช้เก้าอี้ทุบ โดยเรามีภาพถ่ายทั้งหมด”แกนนำพันธมิตรฯ กล่าว

นายสมเกียตริ ยังกล่าวถึงการบริหารบ้านเมืองของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี ว่า นายอภิสิทธิ์ เป็นนายกฯ ที่ท้าทายเรื่องความศรัทธาของประชาชน ว่ารัฐบาลของนายกฯ คนใหม่ จะเล่นการเมืองแบบเก่าที่โสโครก คอร์รัปชั่น หรือจะพัฒนาไปสู่การเมืองใหม่ โดยประชาชนยังจ้องอยู่ว่า รัฐบาลชุดนี้จะฝ่าข้ามความวิกฤตศรัทธาที่คนไม่ค่อยเชื่อถือนักการเมือง เพื่อไปสู่การเมืองใหม่ได้อย่างไร บทพิสูจน์ที่ตนต้องให้กำลังใจนายกฯ คนนี้ เนื่องจากเขาประกาศว่า จะผลักดันกฎหมายภาษีที่ดินในอัตราก้าวหน้า ซึ่งเราต่อสู้มาไม่น้อยกว่า 40 ปี ขณะเดียวกันจะปรับปรุงภาษีโรงเรือน และสิ่งปลูกสร้าง เพราะภาษีเหล่านี้สามารถเก็บเงินได้ประมาณ 70,000-100,000 ล้านบาทต่อปี แต่ถ้าปรับปรุงภาษีแล้ว จะได้เงินเพิ่มขึ้นมาประมาณปีละ 300,000 ล้านต่อปี ซึ่งเงินจำนวนนี้ สามารถเอาไปดูแลคนได้ทั้งประเทศ

“ยกตัวอย่าง เอาไปดูแลคนมีอายุ 60 ปีขึ้นไป ประมาณ 6 ล้านคน ใช้เงิน 30,000 กว่าล้านบาท แต่ถ้าเราเก็บภาษีที่ดินที่คนถือครองแล้วไม่ทำประโยชน์ แต่ถือครองแล้วทำประโยชน์ ภาษีจะต่ำลงเหมือนปกติ ฉะนั้นเราเอามาใช้ตรงนี้ 30,000 ล้าน ดูแล อสม.อีก 30,000 ล้าน เรียนฟรีอีก 40,000 ล้าน รักษาพยาบาลฟรีโดยยกเลิกบัตรทองให้ใช้บัตรประชาชนแทน แล้วเอาไปรักษาพยาบาลฟรี ผมไม่ได้เชียร์เพราะนายกฯ ประกาศเดิมพันตำแหน่งในการผลักดันกฎหมายดังกล่าว ร่วมกับ นายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลัง แต่ที่เชียร์นายอภิสิทธิ์ เพราะถ้ากฎหมายไม่ผ่าน เขาต้องรับผิดชอบ คือ ต้องลาออก ฉะนั้นจึงถือว่าเขาเดิมพันชีวิตทางการเมืองเพื่อประโยชน์ของชาติ จึงสมควรจะได้รับความขอบคุณจากพี่น้องประชาชน”แกนนำพันธมิตรฯ กล่าว

ฮึ่มจัดการ รมต.ดันซากเน่านั่ง ปธ.สุวรรณภูมิ

แกนนำพันธมิตรฯ กล่าวต่อว่า ตนวิจารณ์มาโดยตลอด โดยเฉพาะคนที่โกงสนามบินสุวรรณภูมิซึ่งต้องได้รับการชำระสะสาง เพราะโกงชาติบ้านเมืองไป 14 หมื่นล้าน เฉพาะร้านค้าปลอดอากรคิงเพาเวอร์ และอื่นๆ เช่น หลังคา ฝ้าเพดาน รวมทั้งรถเข็น นอกจากนี้ยังมีการวางท่อ และการสร้างอาคารโดยไม่ได้รับอนุญาต ในขณะที่การโกงสนามบินสุวรรณภูมิมีมูลค่าสูงถึง 14 หมื่นล้าน แต่รัฐมนตรีคนหนึ่งของรัฐบาลชุดนี้ ยังไปเอาคนที่เป็นซากเน่ามาเป็นประธานเพื่อขยายสุวรรณภูมิระยะที่ 2 ประมาณ 78,000 ล้าน แล้วบอกว่า จะยกเลิกหรือยุบสนามบินดอนเมือง ซึ่งตนไม่ชอบใจเป็นอย่างมาก ที่สำคัญ เมื่อตนได้ศึกษานโยบายของนายอภิสิทธิ์ แถลงนโยบายต่อรัฐสภา ในหน้า 45 เขาบอกว่า จะพัฒนาสนามบินดอนเมืองให้เกิดประโยชน์สูงสุด แต่รัฐมนตรีคนดังกล่าวบอกว่า จะยกเลิกดอนเมือง อันนี้ตนยอมไม่ได้ และตนจะจัดการพวกเขา

“ความเจ็บปวดของเราในการบินไทยที่เจ๊งหลายหมื่นล้าน การบุกยึดดอนเมืองของเรา การบุกยึดสุวรรณภูมิของเรา มีแรงจูงใจจากพลังทางศีลธรรมที่ชื่อพันธมิตรฯ ซึ่งเราบุกเข้าไปในเขตคอร์รัปชั่นพิเศษของจอมโกงแห่งชาติ ใครจะว่ายังไงเราไม่สน ดังนั้นผมจึงไม่เห็นด้วยกับคณะรัฐมนตรีชุดนี้ และขออนุญาตส่งคำวิงวอนไปถึงนายอภิสิทธิ์ ว่า โปรดอย่าให้เรื่องนี้ผ่านไปง่ายๆ ไม่เช่นนั้นผมจะเลือกผลประโยชน์ของชาติมากกว่าผลประโยชน์ของพวกพ้อง และจะไม่ยินยอมเรื่องนี้อย่างเด็ดขาด” นายสมเกียรติ ระบุ

แกนนำพันธมิตรฯ ยังกล่าวถึงเรื่องรถเมล์เอ็นจีวี 4,000 คัน รวมถึงการสร้างรัฐสภาแห่งใหม่ว่า ถ้านักการเมืองพวกนี้หางโผล่เมื่อไหร่ พี่น้องพันธมิตรฯ จะไม่ยินยอมอย่างเด็ดขาด เพราะถ้านโยบายอย่างไหนดี เราก็สนับสนุนรัฐบาล เช่น กฎหมายภาษีที่ดิน ซึ่งปูทางไปสู่สวัสดิการนิยม และสวัสดิการเพื่อให้คนไทยมีความสุข มีความมั่นคงถ้วนหน้า เราก็สนับสนุน

วอน “แนวร่วมพันธมิตรฯ” บุก “อุดร” ล้างคราบน้ำตา

“ผมขออธิบายให้ความเห็นเรื่องการเมืองใหม่ ก็คือ การที่คนไทยพอกันทีกับการเมืองเก่าแล้วมาสร้างการเมืองที่ดีขึ้นกว่าเดิม ซึ่งทำให้ชีวิตเราดีขึ้น ไม่ใช่เป็นเหยื่อของนักการเมือง แล้วปล่อยให้เขาโกงชาติบ้านเมือง ถ้าประเทศเป็นสุ่มที่ขังไก่ การเมืองใหม่ก็คือประชาชนไทยที่พร้อมใจกันบินออกจากสุ่มให้เหลือแต่พวกขี้คลอก พวกโสโครกทั้งหลายอยู่ในสุ่ม ดังนั้นการเมืองใหม่ที่จะเกิดขึ้น จะอยู่ภายใต้ปรัชญาที่ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง และนายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรฯ ได้ย้ำตลอดเวลา นั่นคือการเสียสละในทุกๆ ด้าน เพื่อการเมืองใหม่”นายสมเกียรติ กล่าว

นายสมเกียรติ กล่าวต่อว่า การเมืองใหม่จะต้องรับรู้ข่าวสารเท่าเทียมกัน ถ้าคนรู้เท่าเทียมกันเหมือนดู เอเอสทีวี ก็จะทำให้ตื่นขึ้นกันทั้งหมด และกลายเป็นการเมืองใหม่ได้ทันที เพราะฉะนั้นเราต้องส่งเสริมการเรียนรู้ของประชาชนโดยตั้งกลุ่มขึ้นมาศึกษา ถ้าจะให้ดีควรให้ เอเอสทีวี เป็นฟรีทีวี ไม่ถึง 3 เดือน การเมืองใหม่เกิดขึ้นอย่างแน่นอน หรือจะให้ดี ควรให้ตนไปออกทีวีช่อง 11 สัปดาห์ละ 1 ชั่วโมง รับรองการเมืองใหม่เกิดขึ้นแน่นอน เพราะนั่นคือการยกระดับการรับรู้ข้อมูลข่าวสาร

“การประชุมสัมมนา การจัดคอนเสิร์ตการเมืองทั่วประเทศ ถือเป็นการให้การศึกษาแก่ประชาชน ก็จะทำให้ประชาชนมีความรู้ที่ดีขึ้น ที่สำคัญพันธมิตรฯ มีอยู่ทุกจังหวัด โดยขณะนี้กำลังกระจายไป 900 อำเภอ ซึ่ง 450 อำเภอมีพันธมิตรฯ ถ้าหากครบ 900 เมื่อไหร่ หรือครบทุกจังหวัดเมื่อไหร่ เราจะย้ายไปถึง 6,500 ตำบล เรียบร้อยแน่นอน เพราะจะกลายเป็นการเมืองใหม่ทันที ฉะนั้นผมจึงสรุปว่า การเมืองใหม่จะเกิดขึ้นได้ การเมืองดีไม่มีขาย ถ้าอยากได้ต้องร่วมกันสร้าง ที่สำคัญผมจะขอร้องพี่น้องพันธมิตรฯ อีกสักครั้งคือ ในวันที่ 14 ก.พ.นี้ ขอให้ไปที่ จ.อุดร ด้วยกัน เพราะเราจะลบรอยคราบน้ำตาของประชาราชที่เคยทำร้าย และถูกกดขี่มาหายไป ผมจะไม่พูดและกล่าวหาพี่น้องชาวอุดร แต่ผมจะทำให้ จ.อุดรฯ มีชื่อเสียงในทางดีงาม โปรดต้อนรับพันธมิตรฯ ในวันดังกล่าวอย่างพร้อมเพรียงกัน” แกนนำพันธมิตรฯ กล่าวทิ้งท้าย



กำลังโหลดความคิดเห็น