นายกฯ ยอมรับผิดพลาดเหตุสภาล่ม พร้อมนัดถกรับมือเกมฝ่ายค้าน ย้ำรัฐบาลนี้ให้ความสำคัญการประชุมรัฐสภากว่ารัฐบาลที่ผ่านมา รู้สึกถูกให้เกียรติเปรียบประธานาธิบดีสหรัฐฯ 1 ปีนำชาติฝ่าวิกฤตเศรษฐกิจ ยันจะต้องพูดความจริงกับประชาชนไม่หวั่นเจอพวกต้านแต่ขอให้อยู่ภายใต้กรอบ กม.
คลิกที่นี่ เพื่อฟังรายการ "เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯ อภิสิทธิ์"
วันนี้ (25 ม.ค.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวในรายการเชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯ อภิสิทธิ์ ผ่านทางสถานีโทรทัศน์เอ็นบีทีแห่งประเทศไทย ขอย้ำว่าขณะนี้รัฐบาลกำลังขยายการเพิ่มวงเงินให้ผู้ที่มีรายได้ไม่เกิน 15,000 บาท จะได้รับเงินช่วยเหลือรายละ 2,000 บาทโดยจะให้ครอบคลุมในกลุ่มครูเอกชน และพนักงานรัฐวิสากิจ ส่วนการช่วยเหลือด้านการศึกษา รัฐบาลจะช่วยเหลือการเรียนฟรีตั้งแต่ระดับอนุบาลไปจนถึงถึงระดับมัธยมปลาย โดยจะช่วยเหลือด้านอุปกรณ์ เช่น ดินสอ ปากกา ชุดนักเรียน และค่าเล่าเรียน ส่วนปัญหาเงินกองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษา ที่ยังกระจายไปไม่ทั่วถึงขณะนี้เร่งสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งโอนเงินสู่พื้นที่โดยเร็ว และรับทราบจากรัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการว่ายังมีงบประมาณเหลืออยู่อีกประมาณ 10,000 ล้านซึ่งจะได้เร่งเบิกจ่ายเป็นงบช่วยเหลือเพื่อการศึกษาต่อไป และจากการประชุมกับ ก.พ.เมื่อช่วงต้นสัปดาห์ที่ผ่านมารับทราบมาว่าหลังจากปรับเปลี่ยนระบบราชการจากระบบซีแล้ว บัดนี้มีอัตราว่างอยู่ประมาณ 24,000 อัตราซึ่งกำลังดูว่าจะช่วยปัญหาการว่างงานได้มากน้อยเพียงใด นอกจากนี้ เมื่อการประชุมคณะรัฐมนตรีวันอังคารที่ผ่านมา ได้มีมาตรการลดหย่อนภาษีเพื่อช่วยเหลือธุรกิจด้านการท่องเที่ยว เช่นการลดธรรมเนียมค่าประกอบธุรกิจด้านการท่องเที่ยว ซึ่งถือเป็นมาตรการเพื่อกระตุ้นภาวะเศรษฐกิจ
นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า อย่างที่ทราบว่าการประชุมรัฐสภาเมื่อวันพฤหัสบดีที่ผ่านมา เกิดอุปสรรคจนเป็นเหตุให้สภาล่ม เพราะนับไม่ครบองค์ประชุมในการพิจารณากฎหมายเกี่ยวกับผู้สูงอายุ ซึ่งรัฐบาลนี้ให้ความสำคัญกับการตอบกระทู้สดในสภาฯ แต่เมื่อมีความบกพร่องเกิดขึ้นวันนี้จะมีการเรียกประชุมพรรคร่วมรัฐบาลทั้งหมดเพื่อหาทางป้องกันความผิดพลาดเพื่อไม่ให้เกิดซ้ำรอบอีก ซึ่งปกติฝ่ายค้านจะเรียกนับองค์ประชุมก็ต่อเมื่อการพิจารณากฏหมายสำคัญๆ เกิดความขัดแย้งกันเท่านั้น แต่ในวันนั้นเป็นการพิจารณากฏหมายเกี่ยวกับผู้สูงอายุ แม้จะต้องสะดุดไปเพราะเป็นเกมของฝ่ายค้านที่ต้องการขวางการทำงานของรัฐบาล แต่รัฐบาลขอยืนยันว่าการพิจารณากฏหมายดังกล่าวจะไม่ล่าช้า
ในช่วงที่ 2 ของรายการช่วงพูดคุยกับพิธีกรได้มีนางสู่ขวัญ บุลกุล พิธีกรรับเชิญ เข้ามาร่วมเป็นผู้ดำเนินรายและได้ซักถามถึงนโยบายจัดเก็บภาษี ที่มีข่าวว่าจะเน้นไปที่ภาษีมรดก โดยนายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า รัฐบาลนี้มีนโยบายที่จะสร้างความธรรมให้กับสังคม เพราะขณะนี้ภาษีโรงเรือนที่จัดเก็บอยู่นั้นถือว่าน้อยมาก จึงมีแนวคิดจะจัดเก็บภาษีทรัพย์สินเพิ่มเติม แต่คงไม่สามารถผลักดันได้ภายใน 1-2 เดือนนี้เพราะมีหลายข้อตอนกว่าจะกฎหมาย ซึ่งต้องมอบหมายให้กระทรวงคลังไปร่างต้นฉบับมา ส่วนมาตรการช่วยเหลือด้านอสังหาริมทรัพย์ ในเมื่อมีงบประมาณจำกัดรัฐบาลก็จำเป็นต้องเลือกที่จะช่วยคนที่มีรายได้น้อยแต่ต้องการมีบ้านมากกว่า ส่วนแผนกระตุ้นเศรษฐกิจทั่วโลกที่ใช้กันอยู่และยอมว่าได้ผลและเร็วที่สุดคือการบริโภคโดยคนที่มีรายได้น้อย
นายกรัฐมนตรีกล่าวตอบคำถามพิธีกรรู้สึกอย่างไรเมื่อถูกนำไปเปรียบเทียบกับประธานาธิบดี โอบามาของสหรัฐฯ ว่า ถือว่าเป็นให้เกียรติตัวเอง แต่เชื่อว่าความต้องการของผู้นำสูงสุดคือ ทำความหวังให้เป็นจริงและเชื่อว่าภายใน 1 ปีที่ผ่านพ้นไป จะต้องฝ่าวิกฤตเศรษฐกิจนี้ไปให้ได้ ที่สำคัญนายกฯจะต้องพูดความจริงกับประชาชน ใครเห็นด้วยไม่เห็นด้วยไม่เป็นไร แต่การชุมนุมแสดงสิทธิขอให้อยู่ภายใต้กรอบกฎหมาย ก่อนปิดท้ายรายการว่าส่วนในสัปดาห์หน้าอาจจะต้องใช้เป็นเทปบันทึกเสียงแทนเนื่องจากอยู่ระหว่างเดินทางกลับจากต่างประเทศ