xs
xsm
sm
md
lg

สั่งเร่งบรรจุขรก.2.4หมื่นเบี้ย"คนแก่"ได้เฮเม.ย.นี้

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

"อภิสิทธิ์" ปรับรูปแบบรายการ "เชื่อมั่นประเทศไทยฯ" เล็กน้อย แต่เนื้อหายังคงเน้นรายงานความคืบหน้าการทำงานตามนโยบาย เตรียมอบรมแรงงาน 5 แสนรายใน100 กลุ่ม ย้ำแผนเรียนฟรีอนุบาลถึงม.ปลาย พร้อมขยายกรอบการกู้ยืมเพื่อการศึกษา เร่งบรรจุข้าราชการลงในตำแหน่งที่ว่างอีก 2.4หมื่นอัตรา ส่วนเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ เม.ย.นี้ได้เฮ ส่วนเรื่องเก็บภาษีมรดกยอมรับต้องใช้เวลาในการออกกฎหมาย โครงการเมกะโปรเจกต์ยังเดินหน้า แต่โละแผนผันน้ำจากลาวของ"สมัคร" ถ่อมตนไม่เทียบชัน "โอบาม่า"
เมื่อเวลา 09.00 น.วานนี้ (25ม.ค.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี จัดรายการ "เชื่อมั่นประเทศไทยกับนายกฯอภิสิทธิ์" เป็นครั้งที่ 2 ซึ่งมีการย้ายสถานที่จัดรายการจากตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล ไปที่สถานีวิทยุโทรทัศน์แห่งประเทศไทย NBT และสถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย พร้อมกับปรับเปลี่ยนรูปแบบรายการเล็กน้อย
จากเดิมนายอภิสิทธิ์ จะยืนกล่าวโดยมีคนดูในห้องส่ง แต่ครั้งนี้เปลี่ยนเป็นให้นายอภิสิทธิ์นั่งพูดโดย NBTใช้เทคนิคฉากหลังบลูสกรีน เป็นภาพตึกไทยคู่ฟ้า ที่มีสนามหญ้าเขียวขจี และการจัดรายการครั้งนี้ ไม่มีผู้ชมเข้ามานั่งชม แต่ได้เปิดสายโทรศัพท์ให้ประชาชนโทรเข้ามาตั้งคำถามกับนายกฯได้
สำหรับเนื้อหาในช่วง15 นาทีแรกนั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวในเรื่องนโยบายของรัฐบาลที่ได้ดำเนินการไปแล้ว ส่วน 45 นาทีหลัง มีพิธีกรรับเชิญมานั่งซักถามนายกฯ ซึ่งครั้งนี้ได้เชิญนางสู่ขวัญ บูลกุล ผู้ดำเนินรายการเรื่องเล่าเช้านี้และเรื่องเล่าเสาร์อาทิตย์ จากช่อง 3 มานั่งซักถาม และอ่านคำถามของทางบ้านที่ส่งถึงนายกฯ
ทั้งนี้ มีรายงานข่าวว่า ทางรัฐบาลได้ทำหนังสือเชิญไปยังช่อง 3 เพื่อเชิญนายสรยุทธ์ สุทัศนะจินดา ให้มาเป็นพิธีกรรับเชิญ แต่นายสรยุทธ์ ได้ปฏิเสธโดยอ้างว่าติดขัดเรื่องเวลา เพราะช่วงเวลากระชั้นชิดกับเวลาที่ต้องจัดรายการเรื่องเล่าเสาร์อาทิตย์ ทางช่อง 3 จึงได้ส่งให้ นางสู่ขวัญ ไปเป็นพิธีกรรับเชิญแทน

แจงเกณฑ์มอบเงิน2,000บาท

ทั้งนี้นายอภิสิทธิ์ กล่าวในช่วงแรกของรายการ โดยย้ำถึงมารตรการมอบเงิน 2,000 บาท ให้แก่ผู้ใช้แรงงานในระบบประกันสังคม ที่เงินเดือนไม่ถึง 15,000 บาท ว่า ข้าราชการและพนักงานรัฐวิสาหกิจที่มีเงินเดือนประจำไม่ถึง 15,000 บาท ก็จะได้เช่นเดียวกัน รวมทั้งกำลังดูให้ครอบคลุมถึงข้าราชการ และบุคลากรที่ทำงานอยู่ในหน่วยงานอิสระ และครูที่อยู่ในโรงเรียนเอกชน
ส่วนผู้เอาประกันตนในระบบประกันสังคม แต่ไม่ได้มีนายจ้าง คือส่งเงินเข้าเอง ก็ยืนยันว่าถ้าส่งเงินเข้าอยู่ประมาณ 400 กว่าบาท จะได้รับประโยชน์จากมาตรการ 2,000 บาทนี้เช่นเดียวกัน อย่างไรก็ตาม หากประชาชนกลุ่มใดยังไม่มั่นใจ สามารถที่จะสอบถามมาได้
"ทั้งหมดนี้จะไม่กระทบกับการประมาณการเรื่องงบประมาณไว้ เพราะว่าในการจัดทำงบประมาณกลางปี ที่จะมาสนับสนุนมาตรการนี้ เราได้มีการจัดงบฯจำนวนหนึ่งเอาไว้เป็นงบฯกลาง เพื่อสำรองเอาไว้ ทราบว่าตัวเลขของจำนวนประชาชนที่จะได้รับประโยชน์จากเรื่องเหล่านี้อาจจะมีการเปลี่ยนแปลงไปจากที่เราประมาณการไว้ตอนต้นบ้าง"
นายกรัฐมนตรี กล่าวอีกว่า รู้สึกเข้าใจ และเกรงใจคนที่มีรายได้อยู่ที่ประมาณ 15,000-16,000 บาท ก็มีความรู้สึกว่า เขาถูกตัดออกไป แต่ไม่ว่าจะเลือกตัวเลขไหนก็เกิดปัญหานี้ แต่ที่เราเลือก15,000 บาท เพราะเราดูจากฐานข้อมูลที่เรามี คือว่าการส่งเงินเข้าประกันสังคม ตั้งแต่รายได้ 15,000 ขึ้นไป จาก15,000 ไปจนถึงสูงเท่าไรก็ตาม ส่งเงินเข้าประกันสังคมเท่ากัน เราแยกไม่ได้แล้วว่าใครรายได้มาก รายได้น้อย เราเลยต้องเลือก 15,000 บาท มาเป็นตัวที่กำหนดเอาไว้ในการที่จะให้เงิน 2,000 บาท กับคนที่รายได้ต่ำ

ตั้งเป้าอบรมแรงงาน 5 แสนราย

นายอภิสิทธิ์ ยังกล่าวถึงมาตรการฝึกอบรมแรงงาน ว่าจะมีการแบ่งกลุ่มการฝึกอบรมให้ละเอียด คาดว่าอาจจะมีประมาณ 100 กลุ่ม และได้ตั้งเป้าไว้ 5 แสนคน เพื่อรองรับภาวะวิกฤตเศรษฐกิจ

ย้ำเรียนฟรีอนุบาลถึงม.ปลาย

ส่วนนโยบายด้านการศึกษา เจะดำเนินโครงการเรียนฟรีในส่วนของอนุบาล ถึงมัธยมปลายหรือ ปวช. โดยจะสนับสนุนในเรื่องของอุปกรณ์การเรียน และจะมีเครื่องแบบนักเรียนให้คนละ 2 ชุด ซึ่งจะดำเนินการให้เสร็จก่อนเปิดเทอม ส่วนค่าเล่าเรียนนั้น จะเป็นค่าเล่าเรียนที่จัดงบประมาณเพิ่มเติมไปให้กับสถานศึกษาต่างๆ ในสังกัดของกระทรวงศึกษาธิการ และในส่วนของเงินอุดหนุนของโรงเรียนเอกชนตามเกณฑ์ และจะครอบคลุมไปถึงสถานศึกษาในกระทรวงอื่นๆ ด้วย ถ้าเป็นการศึกษาขั้นพื้นฐาน ซึ่งตรงนี้จะช่วยลดภาระค่าใช้จ่ายของพ่อแม่ผู้ปกครองได้
นายกรัฐมนตรีกล่าวด้วยว่า ได้รับเรื่องร้องเรียนในปัญหาเรื่องของทุนการศึกษาในระดับที่สูงขึ้นไป และได้สั่งการไปแล้ว โดยปัญหาแรกคือ เงินของกองทุนกู้ยืมเพื่อการศึกษา (กยศ.) ซึ่งมีเสียงมาว่ายังไม่ได้รับเงินทั้งที่ได้รับอนุมัติไปแล้ว และศึกษาเล่าเรียนกันไปแล้ว และต้องจ่ายค่าใช้จ่ายไปแล้ว แต่เงินยังไม่โอนไป จึงสั่งการให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งรัดในเรื่องของการบริหารจัดการ
นายอภิสิทธิ์ กล่าวย้ำถึงเงินกู้ กยศ. อีกว่า มีเด็กนักเรียน นักศึกษาจำนวนหนึ่ง ซึ่งเดิมไม่ได้ต้องการที่จะกู้ยืม แต่ขณะนี้มีความจำเป็นแล้ว แต่เนื่องจากวิธีในอดีตที่จะให้กู้ยืมรายใหม่ในช่วงเข้า ม.4 และเข้าปี 1 ฉะนั้นใครที่ได้รับการอนุมัติให้กู้ยืมได้ตั้งแต่ ม.3 ต่อม. 4 และจบม.6 ต่อปี 1 นั้นจะได้รับตลอดระยะเวลาที่ศึกษาอยู่ แต่คนที่ไม่ได้รับตั้งแต่ต้น มักจะมีปัญหา จึงให้กระทรวงศึกษาฯไปดู
อย่างไรก็ตามนายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รมว.ศึกษาธิการ รายงานว่า เงิน กยศ. น่าจะเหลืออยู่ที่นำออกมาใช้ให้กู้ยืมได้อีกประมาณ 1 หมื่นล้านบาท จึงมอบให้ ศธ.เร่งไปดูว่าจะเปิดโอกาสให้กับนักเรียน นักศึกษาที่กู้ยืมเป็นรายใหม่เข้ามากู้ยืมจากกองทุนที่มีการขยายจำนวนนักเรียน นักศึกษา ออกไปอย่างไร ตรงนี้เชื่อว่าคงจะช่วยบรรเทาความเดือดร้อนให้กับนักเรียน นักศึกษา ได้อีกมากพอสมควร

เร่งบรรจุขรก.ลงที่ว่าง2.4หมื่นอัตรา

นายอภิสิทธิ์ ยังกล่าวถึงการที่ได้ไปประชุมร่วมกับคณะกรรมการข้าราชการพลเรือน (ก.พ.) ว่า หลังจากที่ ก.พ. เปลี่ยนจากระบบซี เป็นระบบแท่ง พบว่าขณะนี้มีอัตราว่างในระบบราชการอยู่ประมาณ 24,000 อัตรา จึงให้นโยบายว่า รัฐบาลจะเร่งบรรจุข้าราชการเพิ่มเติมตามอัตราที่ว่างอยู่ในภาวะที่เศรษฐกิจกำลังมีปัญหา

วอนสมาชิกสภาสนใจกม.สำคัญ

นายกรัฐมนตรี ยังกล่าวถึงการประชุมสภาฯว่าที่เมื่อวันพฤหัสฯที่ผ่านมามีปัญหาสภาล่มว่า จะมีการพบปะกันของพรรคร่วมรัฐบาล(25ม.ค.) และมีการประชุมพรรคต่างๆ ก็จะปรับปรุงแก้ไขในส่วนนี้ เพราะไม่นึกว่าจะเกิดปัญหาขึ้น เนื่องจากปกติการนับองค์ประชุมจะเกิดขึ้นเวลาที่มีความขัดแย้งกันมาก แต่ว่า วาระที่เราพิจารณาในขณะนั้นกำลังเป็นวาระในเรื่องการรับทราบรายงานของศาลปกครอง และเตรียมที่จะพิจารณาพระราชบัญญัติผู้สูงอายุ ไม่นึกว่าจะมีปัญหาความขัดแย้ง แต่ว่าก็เป็นสิทธิของฝ่ายค้าน เราก็ต้องปรับปรุงแก้ไขการทำงานตรงนี้
อย่างไรก็ตาม ได้ประสานงานกับวิปของฝ่ายค้าน เพื่อขอความร่วมมือเป็นกรณีพิเศษ สำหรับการพิจารณษเรื่องของอาเซียน และเรื่องของงบประมาณกลางปี เพื่อที่จะให้บ้านเมืองเดินต่อไปได้ ก็ขอถือโอกาสนี้ ขอความร่วมมือจากเพื่อนสมาชิกรัฐสภา และเพื่อนสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ให้ช่วยกันผ่านเรื่องสำคัญ ๆของรัฐบาล เพื่อที่จะให้การแก้ไขปัญหา และการเรียกความเชื่อมั่นต่างๆ กลับคืนมาได้

คนแก่เฮ!โอนเงินเบี้ยยังชีพเม.ย.นี้

นายอภิสิทธิ์ กล่าวถึงเรื่องเบี้ยยังชีพของผู้สูงอายุ ว่าได้ประชุมคณะกรรรมการผู้สูงอายุแห่งชาติ ซึ่งจะมีการแก้ระเบียบให้เสร็จภายในต้นเดือนก.พ.นี้ หลังจากนั้นจะนำฐานข้อมูลของผู้มีอายุเกิน 60 ปี ไม่มีหลักประกัน รายได้อื่นๆเข้ามาเพื่อส่งให้กับทางผู้ที่เกี่ยวข้องโดยเฉพาะกระทรวงมหาดไทย ท้องถิ่น กรุงเทพมหานคร ที่จะเตรียมให้มีการเปิดให้มีการลงทะเบียน และเมื่อมีการลงทะเบียนคาดว่าจะเป็นช่วงก.พ.-มี.ค. เสร็จเรียบร้อยงบประมาณผ่านสภาฯ ก็จะมีการโอนเงินไป และคาดว่าการจ่ายเบี้ยยังชีพจะเริ่มต้นได้ตั้งแต่เดือนเม.ย.

วอนเกษตรกรอย่าปิดถนน

สำหรับการแก้ไขปัญหาต่างๆ ของเกษตรกรนั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า อยากจะบอกกับพี่น้องประชาชนทั้งที่เป็นเกษตรกร และพี่น้องทุกกลุ่ม ถ้ามีปัญหาอะไรขอให้สื่อสารมาทางรัฐบาล จะเร่งแก้ไขปัญหาให้ ไม่จำเป็นต้องชุมนุม แต่ถ้าจะชุมนุมก็เป็นสิทธิที่พึงกระทำได้ตามรัฐธรรมนูญ เพียงแต่ว่าอย่าไปทำผิดกฎหมาย และอยากจะให้หลีกเลี่ยงการปิดถนน เพราะจะสร้างความเดือดร้อนและเสียหายโดยรวม เพราะได้ยืนยันแล้วว่า ทุกกลุ่มรัฐบาลต้องเข้าไปดูแล
นายกฯ กล่าวถึงกลุ่มผู้ชุมนุมกลุ่มต่างๆว่า ผู้ชุมนุมคลองเตย ที่ยืดเยื้อมานาน ขณะนี้ได้กำชับทางกระทรวงคมนาคม กับทางการท่าเรือก็ต้องไปสะสางเรื่องนี้ ไม่ควรปล่อยให้มีการชุมนุมที่ยืดเยื้อ เดี๋ยวจะเกิดความขัดแย้งกัน และทราบว่าวันนี้ จะมีกลุ่มใหญ่ๆ เดินทางเข้ามาเรื่องของหนี้สิน
"ก็ขอเรียนนะครับว่า ผมได้ติดตามปัญหาเรื่องของหนี้สินเกษตรกรอยู่ กลุ่มที่จะเดินทางเข้ามาคงจะไปเกี่ยวข้องกับเรื่องของกองทุนฟื้นฟูฯ ซึ่งผมจะได้เร่งหารือกับทางธนาคารเพื่อการเกษตรและสหกรณ์การเกษตร (ธ.ก.ส.) กับกระทรวงการคลัง เพราะเป็นปัญหาที่ค้างมาในเรื่องของเอ็นพีแอล เอ็นพีเอ อะไรต่าง ๆ" นายกรัฐมนตรี กล่าว

เรื่องที่ดินไม่ได้มีแค่สปก.4-01

นายอภิสิทธิ์ กล่าวถึงการแจก สป.ก.4-01 ว่า คนบอกว่ารัฐบาลกำลังจะไปเร่งแจก ส.ป.ก.4-01 ความจริงไม่ใช่ แต่รัฐบาลมีนโยบายในเรื่องของการที่จะต้องมาจัดระบบเรื่องที่ทำกิน ก็มีทั้งนโยบายเรื่องโฉนดชุมชน ธนาคารที่ดิน และส.ป.ก. คือการปฏิรูปที่ดินก็เป็นส่วนหนึ่ง แต่ต้องดูแลระมัดระวังเก็บเกี่ยวกับในอดีตว่าคนที่จะได้รับการจัดสรรที่ดินต้องมีคุณสมบัติครบถ้วนตามกฎหมาย มีระบบการตรวจสอบ

เดินหน้าเก็บภาษีมรดก

ส่วนเรื่องการเก็บภาษีที่ดินกับมรดกนั้น เป็นเรื่องของโครงสร้างที่รัฐบาลจะต้องมีการปรับปรุง ภาษีทรัพย์สินเป็นภาษีที่จะช่วยทำให้เกิดความเป็นธรรมในสังคมได้มาก เพราะว่าจริงๆ แล้วเราอาจจะมาดูในเรื่องของรายได้หรืออะไร แต่ความได้เปรียบเสียเปรียบของคนในสังคม ปฏิเสธไม่ได้ ก็ขึ้นมาจากเรื่องทรัพย์สิน เรื่องของมรดกด้วย
"ทีนี้ปัจจุบันเราก็มีภาษีอยู่ 2 ตัว ภาษีบำรุงท้องที่ ภาษีโรงเรือน แต่เป็นภาษีซึ่ง หนึ่งจัดเก็บได้น้อยมาก สองยังไม่ได้มีบทบาทสำคัญในการสร้างความเป็นธรรมให้เกิดขึ้น เพราะฉะนั้น แนวคิดเรื่องการมีภาษีที่ดิน ภาษีทรัพย์สินมีมานานแล้ว แม้กระทั่งครั้งสุดท้ายที่พรรคประชาธิปัตย์เป็นรัฐบาล ผมเป็นรัฐมนตรีอยู่ ก็มีการเสนอมา เพียงแต่รายละเอียดยังไม่เรียบร้อย"
หลักก็คือว่า เราควรจะต้องมาจัดเก็บภาษีจากทรัพย์สินเป็นฐาน และรายได้ตัวนี้จะเป็นรายได้สำคัญของท้องถิ่น เราจะต้องมีข้อยกเว้นสำหรับทรัพย์สินที่ดิน สำหรับที่อยู่อาศัย แต่ก็ควรจะมีมาตรการที่จะทำให้คนที่สะสมที่ดินมากๆ และไม่ได้ใช้ประโยชน์ คนเหล่านี้ต้องจ่ายภาษีให้มาก หลายประเทศก็ใช้กลไกตัวนี้ จนในที่สุด ทำให้เกิดการกระจายการถือครองที่ดิน เพราะฉะนั้น ตรงนี้เป็นเรื่องที่ ตนถือเป็นนโยบายของรัฐบาล แต่ว่าคงไม่สามารถผลักดันออกมาได้ใน เดือน 2 เดือนนี้ เพราะว่าต้องไปทำกฎหมายและกว่ากฎหมายจะผ่าน คิดว่ากระทรวงการคลัง คงจะต้องไปสรุปร่างสุดท้ายมา เสร็จแล้วตามปกติของมันจะต้องเสนอมาที่คณะรัฐมนตรี (ครม.) ครม.พิจารณาเสร็จต้องให้คณะกรรมการกฤษฎีกาไปดู กฤษฎีกาส่งกลับมาครม. ครม.ส่งสภาฯ 2 สภาฯ สภาฯ ละ 3 วาระ ก็คงใช้เวลาเป็นปี
"แต่ว่าก็เป็นสิ่งที่ผมคิดว่า เราควรจะเริ่มต้น ควรจะทำ ส่วนภาษีมรดกขอเรียนอย่างนี้ว่า จะยุ่งยากกว่า เพราะในหลายประเทศขณะนี้มีการทบทวนเรื่องของภาษีมรดกอยู่ จริงๆ แล้วก็เช่นเดียวกันนะครับความยากจะไปอยู่ที่การเขียนในเรื่องข้อยกเว้นต่าง ๆ ซึ่งควรจะมี เช่นว่า มรดกที่ไม่ได้เยอะจนเกินไป ก็ไม่ควรจะไปเก็บภาษี หรือที่มีการโอนเข้าสู่มูลนิธิบ้าง หรือมีการโอนให้ก่อนบ้าง อะไรต่าง ๆ อันนี้จะเป็นจุดที่จะต้องมีการไปศึกษา เรื่องนี้คงจะยุ่ง นานกว่าภาษีที่ดิน" นายกรัฐมนตรี กล่าว
เมื่อพิธีกรรับเชิญถามว่า อย่างคนที่ออกมาแสดงความไม่ค่อยเห็นด้วยกับภาษีมรดก มักจะบอกว่าในบางประเทศทำให้เกิดปัญหาสังคมบ้าง นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า คิดว่าอยู่ที่ข้อยกเว้น คิดว่าค่านิยมในสังคมของเรา ที่เราบอกว่าเรา เองก็ทำงาน และก็เก็บเงินไว้ให้ลูกหลานก็เป็นค่านิยมที่ดี แต่ว่าเท่าไรที่จะให้ลูกหลาน ยกตัวอย่างเช่นว่า ต้องเก็บไว้ให้จนถึงพันล้านเลยหรือเปล่า มันคงไม่ใช่ แต่ถ้าเกิดสมมติว่าอยู่ในระดับที่เราคิดว่าเหมาะสม ก็ยกเว้นให้ จะยกเว้นที่สมมติว่า100 ล้านหรือเท่าไรก็แล้วแต่ ก็เป็นไปได้ ซึ่งอันนี้อยู่ในรายละเอียด อย่างไรก็ตามเป็นตัวเลขที่พูดลอยๆ ขึ้นมาให้เห็นภาพว่ามันสามารถที่จะไปดูแลแก้ไขได้ แต่ว่าขณะเดียวกันจะไปปฏิเสธหลักการของมันเสียเลย คิดว่าคงจะไม่ถูกต้องนัก

โละนโยบาย"หมัก"ผันน้ำจากลาว

นายอภิสิทธิ์ กล่าวถึงการลงทุนในโครงการขนาดใหญ่ว่า ไม่ได้มีปัญหาในเรื่องของการพิจารณาโครงการ เพราะทุกโครงการที่มีการดำเนินการมาก่อนหน้านี้ โดยเฉพาะเรื่องขนส่งระบบราง รถไฟที่ไปทั่วประเทศ รถไฟฟ้า หรือแหล่งน้ำ ก็ตั้งใจจะเดินหน้าอยู่แล้ว อาจจะมีทบทวนบ้าง กรณีของโครงการที่จะไปผันน้ำจากต่างประเทศเข้ามา ก็จะมีความยุ่งยากอยู่พอสมควร แต่จะไปแทนโดยการพัฒนาระบบกระจายน้ำขนาดกลาง ขนาดเล็ก ซึ่งเชื่อว่าเงินเท่ากันจะสามารถกระจายน้ำ และบริการประชาชนได้ทั่วถึงมากกว่า อันนี้ก็จะต้องเดินต่อ แต่ว่าที่ติดขัดส่วนใหญ่เป็นปัญหาเรื่องเงื่อนไขเงินกู้ เรื่องอะไรต่างๆ และเราก็รู้ว่าตรงนี้ไม่สามารถที่จะเดินได้รวดเร็วนัก แต่กำลังไปเร่งรัดอยู่

เผย ตร.เร่งทำคดียึดสนามบิน

ในช่วงท้าย นายอภิสิทธิ์ ได้ตอบปัญหาจากประชาชนทางบ้าน ถึงเรื่องความคืบหน้าการดำเนินการทางคดี กรณีปิดสนามบินของกลุ่มพันธมิตรฯว่า ขณะนี้มีการดำเนินคดีอยู่ เพราะว่าทางการท่าอากาศยานแห่งประเทศไทยได้ไปแจ้งความไว้แล้ว ตนก็ได้กำชับทางตำรวจว่า ทุกคดีต้องเดินหน้า ตรงไปตรงมา ก็ได้รับรายงานว่า กรณีของดอนเมือง สอบไปได้แล้วประมาณร้อยละ80 ส่วนสุวรรณภูมิสอบไปได้ประมาณร้อยละ 30 ขณะเดียวกันได้ขอให้ นายโสภณ ซารัมย์ รมว.คมนาคม ไปดูมาตรการในเรื่องการรักษาความปลอดภัยในสนามบิน

"โอบามาร์ค"ไม่เทียบชั้น“โอบามา"

นาย อภิสิทธิ์ ยังกล่าวถึงการถูกนำไปเปรียบเทียบกับ นายบารัค โอบามา ประธานาธิบดีสหรัฐ ว่า คิดว่าคงจะเป็นการให้เกียรติตนเกินไป ตนคิดว่าท่านประธานาธิบดีท่านใหม่ ท่านเป็นคนที่สร้างประวัติศาสตร์หลายๆ อย่าง ตนคงไม่ได้อยู่ในฐานะอย่างนั้นแน่นอน
"แต่สิ่งที่ผมคิดว่า ตั้งใจจะทำ และคงไม่ได้แตกต่างกันคือ ว่าผมก็มีความเชื่อในประเทศของผม เชื่อมั่นประเทศไทย ผมต้องการที่จะให้ประชาชนคนไทย ซึ่งผ่านเหตุการณ์มาในช่วงปีที่ผ่านมามีความหวัง และมีรัฐบาลที่มาตอบสนองทำความหวังเหล่านั้นให้เป็นจริงให้ได้ ในระยะเวลาอันสั้น แล้วก็ด้วยกำลังที่มี สติปัญญา กำลังทางร่างกาย ผมก็จะทำงานอย่างเต็มที่ ด้วยความทุ่มเท ด้วยความซื่อสัตย์ และตั้งใจว่า 1 ปีผ่านมาพี่น้องประชาชนคนไทยจะสมหวัง" นายกรัฐมนตรี กล่าว
เมื่อพิธีกรถามว่า สิ่งหนึ่งที่เหมือนกันคือ วันที่เข้ารับตำแหน่งของทั้งนายอภิสิทธิ์ และนายโอบามา ทั้ง 2 ท่านก็ ต้องอาศัยความร่วมมือจากประชาชนด้วย นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนย้ำมาตลอดในฐานะนักการเมืองว่า ยุคสมัยนี้รัฐบาลโดยลำพังแก้ปัญหาไม่ได้ ต้องได้รับความร่วมมือ แต่ว่าความร่วมมือตนจะไปเรียกร้องก็ไม่ได้ ตนต้องสามารถทำให้พี่น้องประชาชนมีความมั่นใจ และมีความเข้าใจ แล้วจะให้ความร่วมมือ
"เพราะฉะนั้นหลักของผมคือว่า อย่างรายการในวันนี้ หรือที่จะทำในทุกสัปดาห์ถัดไป คือการพูดความจริงกับประชาชน ปัญหาเป็นอย่างไร พูดตรงไปตรงมา เรามีแนวคิดการแก้ปัญหาอย่างไร ใครเห็นด้วย ไม่เห็นด้วย ไม่เป็นไร เราก็แลกเปลี่ยนกัน รวมทั้งประชาชนที่ยังมีความคิดที่จะค้ดค้านต่อต้านรัฐบาล อย่างที่เรียนก็คือว่า ใช้สิทธิในขอบเขตของกฎหมายตามวิถีทางประชาธิปไตย ก็ไม่มีปัญหาอะไร เพราะฉะนั้น ก็ขอยืนยันตรงนี้" นายกรัฐมนตรี กล่าว
ก่อนจบรายการนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า สัปดาห์หน้าจะมีปัญหานิดหน่อย เพราะว่าตนจะอยู่บนเครื่องบิน เดินทางกลับมาจากสวิสเซอร์แลนด์ ในช่วงวันอาทิตย์ อาจจะต้องมาพบกับพี่น้องประชาชน
กำลังโหลดความคิดเห็น