xs
xsm
sm
md
lg

ทุ่ม3หมื่นล.เรียนฟรี15ปีส่งเสียเด็ก13ล้านคน-หักเนวินถนนไร้ฝุ่น

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ASTVผู้จัดการรายวัน - "อภิประชานิยม" ครม.เศรษฐกิจมาร์ค 1 อนุมัติงบกลางปี 1 แสนล้าน ช่วยเหลือ 9 กลุ่มหลัก แบ่งเป็นงบกระตุ้นเศรษฐกิจ 7 กลุ่มทั้งภาคเกษตร แรงงาน เอกชน คนแก่ และ ขรก. ส่วนอีก 2 กลุ่ม ลงทุนสร้างภาพลักษณ์ประเทศ-อุ้มมนุษย์เงินเดือน ผู้ปกครองเฮ! เสี่ยมาร์คใจป้ำทุ่ม 3 หมื่นล้าน ทำนโยบายเรียนฟรี 15 ปี อนุบาลถึง ม.6 ส่งเสียเด็ก 13 ล้านคน แถมฟรีหนังสืออุปกรณ์ ชุดนักเรียนและค่ากิจกรรม เริ่มเทอมแรก 17 พ.ค.นี้ พร้อมแบกดอกเบี้ย-ค้ำประกันธุรกิจ เน้นเอสเอ็มอี ส่งออกและท่องเที่ยว ฟุ้งเบิกจ่ายงบกลางได้ตั้งแต่ 1 เม.ย. แฉนายกฯ หัก "เนวิน" เลิก "ถนนไร้ฝุ่น" 4 หมื่นล้าน

เมื่อเวลา 10.00 น.มีการประชุมคณะรัฐมนตรีเศรษฐกิจ โดยมีนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เป็นประธานการประชุมเพื่อหามาตรการแก้วิกฤติเศรษฐกิจ ณ ห้องสีเขียว ตึกไทยคู่ฟ้า ทำเนียบรัฐบาล ภายหลังการประชุม นายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกรัฐมนตรี แถลงว่า ที่ประชุมเห็นชอบกับแผนการกระตุ้นเศรษฐกิจเป็นเวลา 6 เดือน โดยการเสนองบประมาณเพิ่มกลางปีงบประมาณ 2552 วงเงิน 1 แสนล้านบาท ซึ่งจะเสนอเข้าที่ประชุม ครม.สัปดาห์หน้าเพื่อจัดทำรายละเอียดของงบประมาณและเสนอเข้าสู่การพิจารณาของสภาได้ภายในวันที่ 28 ม.ค.นี้ โดยนายกรัฐมนตรีได้ให้กำหนดกลุ่มเป้าหมายการกระตุ้นเศรษฐกิจ ซึ่งที่ประชุมได้กำหนดไว้ 7 กลุ่มและนายกรัฐมนตรีได้ขอให้เพิ่มอีก 2 รายการ รวมทั้งหมดเป็น 9 กลุ่ม
แบ่งเป็นกลุ่มเป้าหมายการกระตุ้นเศรษฐกิจประกอบด้วย 1 .ภาคการเกษตร 2. กลุ่มแรงแรงงานที่อยู่นอกภาคการเกษตร 3. กลุ่มผู้ปกครอง เกี่ยวกับมาตรการเรียนฟรี 4. กลุ่มประชาชนผู้มีรายได้น้อย เกี่ยวกับ 6 มาตรการในการช่วยเหลือประชาชน ซึ่งเป็นนโยบายเดิมจากรัฐบาลที่ผ่านมา 5 .กลุ่มผู้สูงอายุในเรื่องของเบี้ยยังชีพผู้ที่มีอายุ 60 ปีขึ้นไป 6. กลุ่มธุรกิจภาคเอกชน เพื่อชะลอการเลิกจ้างงาน 7. กลุ่มภาครัฐ โดยการเร่งรัดการเบิกจ่ายเงินคงค้างในส่วนที่เกี่ยวข้องกับองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่นที่มียอดคงค้างกว่า 8 หมื่นล้านบาท จากงบประมาณ 1 แสนล้านบาท โดยนายกรัฐมนตรีได้เร่งรัดให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องเร่งการเบิกจ่าย และจะมีการนัดประชุมอีกครั้งในวันที่ 9 ม.ค.นี้ โดยงบประมาณกว่า 60 % เกี่ยวกับการดำเนินนโยบาย และอีก 40 % เป็นงบลงทุน
นอกจากนี้ยังมีเรื่องที่นายกรัฐมนตรีได้เสนอเข้ามาอีก 2 กลุ่มคือ กลุ่มแรก ได้มอบหมายให้กระทรวงการต่างประเทศ เป็นเจ้าภาพในการทำงานร่วมกับกระทรวงพาณิชย์ กระทรวงการคลังและสำนักงานคณะกรรมการส่งเสริมการลงทุน (บีโอไอ) โดยให้ทั้งหมดไปพิจารณาในเรื่องของงบประมาณในการทำโฆษณาประชาสัมพันธ์ โดยให้ทั้งหมดทำงานแบบบูรณาการร่วมกัน ซึ่งไม่ได้เน้นเฉพาะการส่งเสริมการลงทุนเพียงอย่างเดียว แต่จะให้เน้นในเรื่องของการทำประชาสัมพันธ์ประเทศไทยด้วย
อีกกลุ่มคือมาตรการช่วยเหลือผู้มีรายได้ประจำแต่มีรายได้น้อย ซึ่งได้มอบหมายให้หน่วยงานที่เกี่ยวข้องไปหาแนวทางว่าจะมีมาตรการอย่างไร
นอกจากนี้ยังมีโครงการก่อสร้างถนนไร้ฝุ่น ซึ่งจะลงทุนไม่เกิน 1,000 ล้านบาท เพื่อกระตุ้นการจ้างงานและได้โครงการที่เป็นประโยชน์กับประชาชนด้วย โดยยืนยันว่างบก่อสร้างถนนก้อนนี้จะไม่ก่อให้เกิดงบผูกพันข้ามปี
"คาดว่ากลุ่มเป้าหมายทั้งหมดจะได้ข้อสรุปเกี่ยวกับงบประมาณที่จะจัดสรรลงไปภายในการประชุม ครม.สัปดาห์หน้าเพื่อเข้าสู่ที่ประชุมสภาปลายเดือนนี้ โดยในวันที่ 27 ม.ค.จะเป็นการประชุมร่วมรัฐสภาในกรอบความร่วมมืออาเซียน และวันที่ 28 ม.ค.จะเป็นการพิจารณางบประมาณรายจ่ายเพิ่มเติม โดยหลังจากที่สภาอนุมัติแล้ว งบประมาณทั้งหมดจะต้องเข้าระบบภายใน 3-4 เดือน" นายกอร์ปศักดิ์กล่าว

***ไฟเขียวต่ออายุ 5 มาตรการแม้ว
สำหรับ 6 มาตรการช่วยเหลือประชาชนที่จะครบกำหนดในวันที่ 1 ก.พ.นี้ นายกอร์ปศักดิ์เปิดเผยว่า จะยกเลิกเพียง การยกเลิกเก็บภาษีสรรพสามิตน้ำมัน เพราะถือว่าเป็นรายได้ที่นำเข้ารัฐ ที่เหลืออีก 5 มาตรการ นายกรัฐมนตรีได้มอบหมายให้ ครม.เศรษฐกิจ โดยเฉพาะกระทรวงคมนาคมไปคำนวณตัวเลขทั้งหมดเกี่ยวกับการโดยสาร ส่วนเรื่องค่าไฟฟ้าและน้ำประปา จะมีการปรับโดยการขอความร่วมมือให้ประชาชนได้ประหยัดพลังงานช่วยกันเพื่อให้เหมาะสมกับผู้มีรายได้น้อยจริงๆ โดยค่าไฟฟ้าจากเดิม ใช้ไม่เกิน 100 หน่วย จะไม่ต้องจ่ายค่าไฟ แต่ที่ประชุมได้พิจารณาหามาตรการช่วยผู้ใช้ไฟน้อยจริงๆ โดยจะมีการปรับลดซึ่งจะอยู่ในช่วง 80-100 หน่วย ส่วนค่าน้ำประปาจากเดิมกำหนดไว้ที่ 50 ยูนิตไม่ต้องจ่าย แต่จะมีการพิจารณาให้อยู่ในช่วง 30-50 ยูนิต ซึ่งจะเป็นมาตรการกระตุ้นให้ประชาชนได้ประหยัดพลังงาน ทั้งหมดนี้จะได้ข้อสรุปภายในสัปดาห์หน้า

***ทุ่ม 3 หมื่นล้านเรียนฟรีเริ่ม 17 พ.ค.
นายกอร์ปศักดิ์กล่าวว่า งบประมาณที่จะถึงมือประชาชนอย่างแท้จริงที่จะเริ่มในวันที่ 17 พ.ค.นี้คือ งบประมาณ 3 หมื่นล้านบาทเกี่ยวกับโครงการเรียนฟรี ช่วยเหลือนักเรียนประมาณ 13 ล้านคน และอีกกว่า 1 หมื่นล้านบาทเกี่ยวกับโครงการฝึกอบรมแรงงานที่ว่างงานกว่า 5 แสนคน โดยจะมีการฝึกอบรม 1 เดือน ถึง 1 เดือนครึ่ง และอาจจะมีการจ้างงานต่ออีก 3 เดือน เพื่อแก้ปัญหาการว่างงาน
สำหรับการช่วยเหลือเกษตรกร นายกรัฐมนตรีได้กำชับให้เร่งการแทรกแซงราคาพืชผลทางการเกษตร ที่มีเงินเหลือกว่า 6 หมื่นล้านบาท ซึ่ง ธกส.ได้รายงานให้ นายกรณ์ จาติกวณิช รมว.คลังได้รับทราบว่างบประมาณก้อนนี้เพียงพอกับโครงการแทรกแซงราคา โดยนายกรัฐมนตรีได้กำชับให้ไปดูในเรื่องของราคาพลไม้ ปาล์มน้ำมันและยางพาราเพิ่มเติม ซึ่งจะได้ข้อสรุปภายใน 1-2 วัน
ส่วนมาตรการช่วยเหลือผู้ประกอบการจะเน้นธุรกิจขนาดกลางและขนาดเล็กหรือเอสเอ็มอี ที่เกี่ยวข้องกับการส่งออกและการท่องเที่ยว โดยได้มอบหมายให้กระทรวงการท่องเที่ยวและกีฬา กระทรวงพาณิชย์ ไปคำนวณตัวเลขทั้งหมดให้ชัดเจน ซึ่งอาจจะเป็นมาตรการการลดภาษี
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรียังได้กำชับให้ดูแลเรื่องอสังหาริมทรัพย์ โดยมอบหมายให้ รมว.คลังเข้าไปดูแลโครงการก่อสร้างบ้านและคอนโดมีเนียมที่อยู่ในระหว่างการก่อสร้างและสร้างเสร็จแล้วแต่ยังขายไม่ออกเพื่อแก้ปัญหาการเกิดหนี้ที่ไม่ก่อให้เกิดรายได้ (เอ็นพีแอล)

***แบกดอกเบี้ย-ค้ำประกันฟื้นธุรกิจ
นายพุทธิพงษ์ ปุณณกันต์ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า มาตรการช่วยเหลือภาคเอกชนนั้น ได้มีการพูดถึงการให้สินเชื่อโดยหามาตราการลดดอกเบี้ยเพื่อให้ผู้ประกอบการได้มีสภาพคล่อง ขณะที่ธุรกิจท่องเที่ยวจะเข้าไปดูแลดอกเบี้ยเงินกู้ อาจจะอยู่ที่ 2-3% เช่นเดียวกับผู้ประกอบการด้านส่งออก ได้หาแนวทางค้ำประกันการส่งออกโดยอาจจะช่วยเหลือดอกเบี้ย 2% การค้ำประกันเงินกู้ และค้ำประกันส่งออกโดยธนาคารเพื่อการส่งออกและนำเข้าแห่งประเทศไทย (ธสน.)
"มาตรการช่วยเหลือแรงงานที่ไม่เกี่ยวข้องกับภาคการเกษตร ที่ประชุม ครม.เศรษฐกิจ ได้กำหนดให้มารวมศูนย์ที่สำนักนายกรัฐมนตรี และมอบหมายให้กระทรวงแรงงาน กระทรวงพาณิชย์ กระทรวงอุตสาหกรรมไปพิจารณาแยกรายละเอียดความเหมาะสม จะได้ข้อสรุปในการประชุม ครม.สัปดาห์หน้า" นายพุทธิพงษ์กล่าว

***ศธ.เผยของฟรีทั้งชุด นร.-หนังสือ
เกี่ยวกับนโยบายเรียนฟรี นายจุรินทร์ ลักษณวิศิษฏ์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงศึกษาธิการ (รมว.ศธ.) เปิดเผยว่า ขณะนี้ได้ข้อสรุป 5 รายการฟรี ได้แก่ 1.ค่าเล่าเรียน 2.ตำราเรียน 8 กลุ่มสาระการเรียนรู้ 3.ชุดนักเรียน2 ชุดต่อคน 4.อุปกรณ์การเรียน และ 5.ค่ากิจกรรมพิเศษ สำหรับรายละเอียดได้ให้ สพฐ. สอศ. กศน. เพราะแต่ละแห่งจะแตกต่างกัน อย่างไรก็ตาม จะได้ข้อสรุปและใช้ในปีการศึกษา 2552 นี้
ส่วนงบประมาณที่จะนำมาใช้นั้น อาจให้หน่วยงานรับผิดชอบเกลี่ยงบฯ ปกติ งบประมาณปี 2552 และขอใช้งบกลาง 100,000 ล้านบาท รวมทั้งตนจะต้องหารือกับทีมเศรษฐกิจด้วย
“นักเรียนที่เข้าเกณฑ์ หรือกำลังเรียนอนุบาลจนถึงมัธยมปลาย และ ปวช. สำหรับคนที่ไม่ใช้สิทธิเรียนฟรี ก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง เช่นเดียวกับคนที่จะรับเบี้ยยังชีพคนชราหรือไม่รับ”
นายจุรินทร์ กล่าวต่อว่า ส่วนวิธีการจัดซื้อตำรา ชุดนักเรียน อุปกรณ์การเรียนฯลฯ จะคุยกันในรายละเอียดในวันจันทร์ ที่ 12 มกราคม นี้ อย่างไรก็ตาม ย้ำว่าการจัดซื้อทุกอย่างต้องโปร่งใส สุจริต

***เด็กนักเรียนเฮ! ขอให้ทำได้จริง
ด้านนายสุกฤษฎิ์ ควนสูง หรือ คิง นักเรียนชั้นมัธยมศึกษาปีที่ 6 โรงเรียนศรีสะเกษวิทยาลัย และในฐานะประธานสภานักเรียนไทย แสดงความคิดเห็นต่อนโยบายเรียนฟรี 15 ปีว่า หากรัฐบาลทำได้จริงถือว่าเป็นเรื่องที่ดี จะช่วยลดภาระของผู้ปกครอง เพราะมีผู้ปกครองจำนวนมากแบกภาระค่าใช้จ่ายไม่ไหวจริงๆ นอกจากนี้ยังมีเรื่องการระดมทรัพยากรของโรงเรียน และมีหลายรายการข้าราชการเบิกไม่ได้ ผู้ปกครองก็ต้องรับภาระส่วนที่เบิกไม่ได้ ส่วนผู้ปกครองที่ไม่ได้รับราชการต้องแบกภาระค่าใช้จ่ายเต็มเพราะเบิกไม่ได้แม้แต่บาทเดียว
“ปัญหาคือจะทำอย่างไรให้ฟรีจริง ผมขอฝากให้รัฐมนตรีดูแลกลุ่มเด็กด้อยโอกาส เด็กพิการ รวมถึงเด็กที่มีปัญหาครอบครัวเป็นพิเศษ เพราะเด็กกลุ่มนี้มักจะออกจากโรงเรียนกลางคัน ซึ่งที่ผ่านมารัฐบาลชุดก่อนๆไม่ได้สนใจในเรื่องนี้เท่าไรนัก” นายสุกฤษฎิ์กล่าว

***นายกฯ ย้ำเร่งเครื่องงบทุกช่องทาง
นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี เปิดเผยภายหลังการประชุม ครม.เศรษฐกิจว่า ในสัปดาห์หน้า ตนจะเป็นประธานการประชุมคณะกรรมการการกระจายอำนาจสู่ท้องถิ่น (กกถ.) เพื่อให้มีการอนุมัติงบประมาณการปกครองส่วนท้องถิ่นที่ค้างอยู่ 140,000 ล้านบาท และจะนำเงินส่วนอื่นมาอีกหลายหมื่นล้านบาท ที่จะมาทำบางโครงการร่วมกับรัฐบาล เพื่อจะให้เกิดการใช้จ่ายลงไปในระดับชุมชนในโครงการที่มีความรวดเร็วและเป็นโครงการขนาดเล็ก เพราะขณะนี้มีการเปลี่ยนแปลงทางการเมือง และรอการจัดทำแผนบริหารราชการแผ่นดิน รวมถึงเร่งให้มีการลงทุนของรัฐวิสาหกิจอีกด้วย
"จะเร่งเบิกจ่ายให้เร็วที่สุด เชื่อว่างบประมาณที่ค้างอยู่จะเบิกจ่ายได้อย่างแน่นอน เพราะส่วนใหญ่ติดอยู่ในขั้นตอนสุดท้าย ซึ่งรอการอนุมัติก็จะสามารถดำเนินการนำเงินออกมาใช้เพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจได้ในทันที" นายกรัฐมนตรีกล่าว

***หัก "เนวิน" ถนนไร้ฝุ่น 4 หมื่นล้าน
“ส่วนการลงทุนโครงการขนาดใหญ่ก็จะเดินหน้าตามเดิม ส่วนการลงทุนอื่นๆ เช่น โครงการถนนไร้ฝุ่นแหล่งน้ำขนาดเล็ก ถ้าเสนอโครงการมาให้เข้าหลักเกณที่จะนำเงินลงไปในชุมชนได้เร็วก็จะมีอยู่ในงบประมาณกลางปี แต่ถ้าไม่สามารถทำได้ ก็จะไปอยู่ในงบประมาณปกติ ส่วนโครงการอื่นๆที่มีความจำเป็นต้องใช้เงินกู้ ก็ให้เตรียมการไว้” นายอภิสิทธิ์กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า จะสานต่อโครงการถนนไร้ฝุ่นของกระทรวงคมนาคม หรือไม่ นายกฯกล่าวว่า โครงการถนนไร้ฝุ่นมีความชัดเจน คือ เราต้องการโครงการลงทุนที่ต้องนำเงินไปให้ถึงประชาชน โดยรวดเร็วที่สุดเพื่อสร้างกำลังซื้อ ดังนั้นงบประมาณกลางปีวงเงินจะอยู่ที่ 1 แสนล้าน จะเพิ่มหรือลดคงไม่ได้ ขณะที่วงเงิน 1 แสนล้านบาทในโครงการที่มีการคำนวณชัดเจนแล้วคือโครงการเรียนฟรี 15 ปี เงินเบี้ยยังชีพผู้สูงอายุ เป็นต้น เพราะฉะนั้นวงเงินที่จะไปทำถนนไร้ฝุ่น 3 - 4 หมื่นล้าน คงเป็นไปไม่ได้ ซึ่งจะพิจารณา 3 แนวทาง 1.คือ ถ้ากระทรวงคมนาคมเสนอแผนที่ชัดเจนสอดคล้องกับการกระตุ้นเศรษฐกิจก็จะบรรจุบางส่วนไว้ 2. จะใช้งบประมาณปกติและงบประมาณอื่นๆ และ 3.ที่มีความเป็นไปได้ คือการร่วมทำโครงการนี้กับ อปท. ซึ่งจะเป็นการนำเงินสมทบกับ อปท.
แหล่งข่าวที่ประชุม ครม.เศรษฐกิจ เปิดเผยว่าโครงการถนนปลอดฝุ่น ที่กระทรวงคมนาคมเสนอ มูลค่าโครงการประมาณ 3.2 หมื่นล้านบาท นายกรัฐมนตรีเห็นว่า แม้ว่าโครงการนี้เป็นโครงการที่ดีในการสร้างงานให้กับคนในชุมชน แต่เพดานการใช้งบกลางแสนล้านบาทมีเพดานจำกัด ดังนั้นนายกฯ จึงให้กระทรวงคมนาคม ไปปรึกษาหารือกับ สำนักงานคณะกรรมการพัฒนาเศรษฐกิจและสังคมแห่งชาติ (สศช.) และ สำนักงบประมาณ กระทรวงการคลัง ในเรื่อง การปรับลดวงเงินงบประมาณลง หากจะดำเนินการควรจะเป็นโครงการก่อสร้างถนนที่ต่อเนื่องจากถนนที่มีอยู่แล้ว เพื่อเชื่อมต่อสร้างความเจริญเข้าไปสู่ชุมชนและต้องเป็นโครงการขนาดเล็ก
“ในการเร่งรัดการเบิกจ่ายงบลงทุนของส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจและสนับสนุนให้องค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น นั้นนายกฯยังเห็นว่า โดยโครงสร้างของ อปท.สามารถเร่งรัดการเบิกจ่ายงบประมาณการใช้จ่ายได้อยู่แล้ว และอาจจะมีโครงการบางโครงการที่ อปท.สามารถดำเนินการได้ เช่น ถนนปลอดฝุ่น ที่ไม่จำเป็นต้องมาใช้งบกลางตรงนี้”
นอกจากนี้ ในที่ประชุม นายกฯ เห็นว่าในส่วนของกระทรวงสาธารณสุข ควรจะมีโครงการสร้างหรือซ่อมศูนย์แพทย์ชุมชน และศูนย์อนามัยชุมชนในท้องถิ่น เพราะโครงการแบบนี้ใช้เวลาในการดำเนินการน้อย และ สามารถนำเม็ดเงินเข้าไปสู่รากหญ้าได้อย่างรวดเร็ว และถึงมือประชาชนโดยตรง

***นายแบงก์หนุนรัฐกระตุ้น ศก.
นายโฆสิต ปั้นเปี่ยมรัษฎ์ ประธานกรรมการบริหาร ธนาคารกรุงเทพ จำกัด (มหาชน) อดีตรองนายกรัฐมนตรีและรัฐมนตรีว่าการกระทรวงอุตสาหกรรม กล่าวเห็นด้วยที่รัฐบาลอนุมัติงบกลางกระตุ้นเศรษฐกิจและงบประมาณช่วยเหลือแรงงาน เพราะเป็นเรื่องที่รัฐบาลต้องทำและดูแลในภาวะเศรษฐกิจชะลอตัว แต่สิ่งสำคัญรัฐบาลจะต้องมีการใช้งบประมาณตรงจุดและถึงเป้าหมาย เพื่อให้งบประมาณมีผลทางเศรษฐกิจ สิ่งสำคัญ คือ จะต้องให้ถึงมือประชาชนระดับรากหญ้าและเกษตรกรที่รัฐบาลต้องเข้าไปดูแล ส่วนการต่ออายุ 6 มาตรการ 6 เดือน ฝ่าวิกฤต เพื่อไทยทุกคน มองว่าเป็นการบรรเทาผลกระทบให้กับประชาชนที่ได้รับความเดือดร้อนจากปัญหาเศรษฐกิจชะลอตัว หากระยะยาวประชาชนปรับตัวได้รัฐบาลก็ควรยกเลิกมาตรการดังกล่าว เพราะไม่ทำให้เกิดผลในการกระตุ้นเศรษฐกิจโดยตรง

***“โสภณ” เด้งรับ "อภิประชานิยม"
นายโสภณ ซารัมย์ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคมเปิดเผยว่า ขณะนี้ได้สั่งการให้การรถไฟแห่งประเทศไทย (ร.ฟ.ท.) และองค์การขนส่งมวลชนกรุงเทพ (ขสมก.) ประเมินผลจากที่มีการดำเนินมาตรการมาว่า จะต้องมีส่วนใดที่ควรปรับปรุงเพิ่มเติมบ้าง เพื่อให้ประชาชนได้รับประโยชน์มากที่สุด เช่น เพิ่มจำนวนรถเมล์ที่ให้บริการฟรี เพราะที่ผ่านมา ประชาชนให้การตอบรับใช้บริการเป็นจำนวนมาก
6 มาตรการ 6 เดือน ของรัฐบาลชุดที่แล้วนั้นได้เริ่มมาตั้งแต่วันที่ 1ส.ค.51 และจะหมดอายุในวันที่ 31 ม.ค.52 นี้ โดยในส่วนของ ขสมก.ได้จัดรถเมล์ร้อน (ครีม-แดง) จำนวน 800 คัน ให้บริการฟรีใน 73 เส้นทาง โดยทางรัฐบาลจะมีการชดเชยต้นทุนการเดินรถให้คันละ 8,500 บาทต่อคันต่อวัน รวม 800 คัน เป็นเวลา 180 วัน รวมเป็นเงินทั้งสิ้น 1,224 ล้านบาท
ส่วน ร.ฟ.ท.นั้น จัดรถไฟโดยสารชั้น 3 ไม่ปรับอากาศ ให้บริการฟรี ในขบวนรถชานเมือง, รถท้องถิ่น รวม วันละ 164 ขบวน ทั่วประเทศ ครอบคลุมการให้บริการเฉลี่ยประมาณ 16 ล้านคน และได้จัดขบวนรถสายยาวเพิ่มเติมอีก 4 เส้นทาง ประกอบด้วย กรุงเทพฯ-สุไหง-โกลก , กรุงเทพฯ – หนองคาย , กรุงเทพฯ-อุบลราชธานี และกรุงเทพฯ - เชียงใหม่ โดยทางรัฐบาลจะมีการชดเชยต้นทุนการเดินรถให้เดือนละประมาณ 70 ล้านบาท รวม6 เดือนเป็นเงินประมาณ 420 ล้านบาท.
กำลังโหลดความคิดเห็น