“อภิสิทธิ์” กล่าวยืนยันในการต้อนรับเอกอัครราชทูตต่างประเทศ ลั่นรัฐบาลมีเสถียรภาพที่เข้มแข็ง ชี้ ผลการเลือกตั้งซ่อม และผู้ว่าฯ กทม.เป็นดัชนีชี้วัด ระบุ ประเทศกำลังเข้าสู่การเปลี่ยนถ่ายสู่ระบอบประชาธิปไตยอันแท้จริง
วันนี้ (14 ม.ค.) นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กล่าวต้อนรับคณะเอกอัครราชทูตต่างประเทศ และหัวหน้าองค์การระหว่างประเทศ ณ งานเลี้ยงรับรอง ตึกสันติไมตรีหลังนอก ทำเนียบรัฐบาล พร้อมให้ความมั่นว่า รัฐบาลจะนำมาความสมัครสมานสามัคคีกลับสู่สังคมไทยและจะเรียกความเชื่อมั่นคืนจากทุกฝ่าย อย่างไรก็ตาม ดีใจที่ได้พบกับมิตรสหายเก่าที่มีความคุ้นเคยกันดีอยู่แล้วและมิตรใหม่ที่ได้รู้จักกันในวันนี้
นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ทราบดีว่า ที่ผ่านมา ทุกท่านต่างติดตามพัฒนาการทางการเมืองที่เกิดขึ้นใหม่ของประเทศไทยอย่างใกล้ชิดด้วยความสนใจยิ่ง แม้ว่าสถานการณ์ในช่วงปีที่ผ่านมามีการเปลี่ยนแปลงอยู่ตลอดเวลา อีกทั้งยังเป็นช่วงที่มีความบอบบางอย่างยิ่ง แต่ในขณะนี้ ประเทศไทยได้ก้าวเข้าช่วงของการเปลี่ยนถ่ายไปสู่ประชาธิปไตยอย่างแท้จริง การเปลี่ยนผ่านซึ่งนำมาซึ่งความเป็นอันหนึ่งอันเดียวกันในสังคม ความชอบธรรมของประชาชนและความเชื่อมั่นจากทุกฝ่าย
นายอภิสิทธิ์ กล่าวอีกว่า ตัวบ่งชี้ที่สำคัญ ก็คือ ประการแรก การเข้ามารับตำแหน่งนายกรัฐมนตรีได้นำมาซึ่งความมีเสถียรภาพภายใน เห็นได้จากผลการเลือกตั้งซ่อมทั่วประเทศ และผลการเลือกตั้งผู้ว่าราชการกรุงเทพมหานครในวันอาทิตย์ที่ผ่านมา ซึ่งเป็นการถ่วงดุลที่สำคัญ รัฐบาลชุดนี้ให้คำมั่นที่จะสร้างเสถียรภาพให้เกิดขึ้น ซึ่งจะช่วยนำมาซึ่งความเป็นปึกแผ่นมั่นคงของชาตินับแต่วันนี้เป็นต้นไป
“รัฐบาลจะบริหารประเทศภายใต้ประชาธิปไตยและระบอบรัฐสภา และมุ่งที่จะสร้างความสมานฉันท์และความสามัคคีของคนในชาติ ยึดหลักนิติธรรม ธรรมาภิบาล ความถูกต้องชอบธรรมและความซื่อสัตย์ และยึดมั่นต่อความรับผิดชอบในฐานะรัฐบาลของประชาชน” นายอภิสิทธิ์ กล่าว
นายกรัฐมนตรี กล่าวต่อไปว่า ประการที่สอง รากฐานทางเศรษฐกิจของไทยยังแข็งแกร่ง รัฐบาลได้ถือการฟื้นฟูเศรษฐกิจและเรียกความเชื่อมั่น ของภาคธุรกิจเป็นเรื่องสำคัญเป็นอันดับแรก จึงได้มีการออกมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจ ทั้งในระยะสั้นและระยะยาว รวมทั้งการชดเชยค่าบริการพื้นฐานต่างๆ การฝึกอบรม โครงการพัฒนาในระดับชุมชน มาตรการจูงใจทางด้านภาษี การให้ความช่วยเหลือทางการเงินแก่พนักงานและบริษัท มาตรการต่างๆ ถูกออกแบบมาเพื่อช่วยคนไทยและเศรษฐกิจทั้งระบบ สามารถต่อสู้วิกฤตเศรษฐกิจทั้งภายในและภายนอกได้อย่างเหมาะสม
ประการที่สาม ไทยยังคงบทบาทสร้างสรรค์ในระดับอนุภูมิภาค และชุมชนระหว่างประเทศ รวมทั้งยังคงยึดมั่นในพันธกิจและข้อผูกพันระหว่างประเทศในทุกระดับ ทุกภาคส่วน อีกทั้งการกระชับความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้าน ยังเป็นหัวใจสำคัญของนโยบายต่างประเทศของไทย ทั้งนี้ ประเทศไทยขอยืนยันความพร้อมในการเป็นเจ้าภาพจัดการประชุมสุดยอดผู้นำอาเซียน ครั้งที่ 14 โดยได้กำหนดการประชุมระหว่างวันที่ 27 กุมภาพันธ์ - 1 มีนาคม 2552 ณ หัวหิน ประจวบคีรีขันธ์ ทั้งในฐานะประธานอาเซียน เพื่อผลักดันให้มีกฎบัตรอาเซียนได้ดำเนินการ
สำหรับการเดินทางเข้าร่วมการประชุม World Economic Forum ณ สวิตเซอร์แลนด์ ในปลายเดือนนี้ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า จะได้พบปะกับผู้นำภาครัฐและเอกชน ซึ่งจะใช้โอกาสดังกล่าวส่งสัญญาณว่าประเทศไทยพร้อมที่จะร่วมมือกับเพื่อนและหุ้นส่วนทั่วโลกในทุกๆ กิจกรรม
นอกจากนี้ นายกรัฐมนตรี กล่าวในตอนท้ายถึงมาตรการต่างๆ ที่รัฐบาลได้ดำเนินการเป็นเช่นเดียวกับทุกรัฐบาล รัฐบาลจะทำงานอย่างหนักเพื่อประชาชนและประเทศไทย รวมทั้งจะทำงานอย่างใกล้ชิดกับนานาประเทศด้วยความจริงใจและสร้างสรรค์ ท้ายที่สุด ผลงานจะบ่งบอกได้ดีกว่าคำพูดเอง