xs
xsm
sm
md
lg

“ยะใส” ยกประเด็น “ประวิตร” หักหน้า รบ. ถาม “มาร์ค” ใครเป็นนายกฯ กันแน่

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายสุริยะใส กตะศิลา
“ยะใส” ถาม “มาร์ค” เป็นนายกฯ จริงหรือไม่ ใครกันแน่มีอำนาจเด็ดขาดจัดการบ้่านเมือง แนะยกอียิปต์เป็นอุทาหรณ์ก่อนถูกทหารดื้อแพ่ง พร้อมไล่ไปถาม “ประวิตร” ว่าจะช่วย 2 คนไทยอย่างไร


 คลิกที่นี่ เพื่อฟัง “รวมพลังปกป้องแผ่นดิน” ปราศรัยโดย “นายสุริยะใส กตะศิลา”  

วันที่ 1 ก.พ.2554 บนเวทีปราศรัยการชุมนุมของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่บริเวณสะพานมัฆวานรังสรรค์ นายสุริยะใส กตะศิลา โฆษกพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวว่าที่ผ่านมาตัวละครเอกที่มีบทบาทในการแก้ปัญหากับประเทศเพื่อนบ้าน คือ กองทัพ และสุดประหลาดกองทัพไทย ไม่ใช่เป็นแค่รั้วของชาติ แต่มีบทบาทในการกำหนดนโยบายต่างประเทศด้วย โดยเฉพาะความสัมพันธ์กับประเทศเพื่อนบ้าน โดยเฉพาะการคบค้าสมาคม จนบางครั้งบทบาทนายกรัฐมนตรีและกระทรวงการต่างประเทศแทบไม่มีบทบาทเท่าผู้บัญชาการทหารบก ดูได้จากกรณีที่ กระทรวงการต่างประเทศ แถลงให้กัมพูชารื้อถอนวัดแก้วศิกขาคีรีสวาระและให้เอาธงชาติกัมพูชาลง แต่กระทรวงกลาโหมออกมาปฎิเสธว่าเป็นสิ่งไม่ถูกต้อง แสดงให้เห็นว่ากระทรวงกลาโหมใหญ่กว่านายกรัฐมนตรี เพราะเวลากระทรวงการต่างประเทศจะทำอะไรต้องผ่านความเห็นชอบจากนายกรัฐมนตรีอยู่แล้ว

นายสุริยะใสกล่าวอีกว่า ในบรรดารัฐมนตรีทั้งหมด 35 คน มีอยู่คนที่คุยกับฮุนเซนได้ คือ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม เพราะกองทัพประเทศนี้มีความสัมพันธ์เชิงผลประโยชน์กับประเทศเพื่อนบ้านในทุกด้าน ทำให้ท่วงทำนองที่แสดงออกเป็นแบบพูดคุย ไม่ใช่กดดัน เก่งแต่เบ่งกล้ามใส่แต่คนไทยไม่กล้าเบ่งกล้ามใส่ต่างชาติ ดังนั่้นความคลุมเคลือด้านนโยบายต่างประเทศที่ถูกครอบงำโดยผู้นำเหล่าทัพบางคน หมายความว่่ารัฐไทยไม่สามารถกำหนดนโยบายต่างประเทศได้โดยอิสระปราศจากการครอบงำของกองทัพ ตรงนี้ตนไม่ได้หมายความว่าเราไม่ต้องฟังกองทัพ เราต้องฟังกองทัพ และขณะเดียวกันกองทัพต้องฟังรัฐบาลด้วย เพราะรัฐบาลมาจากตัวแทนประชาชน

อย่างไรก็ดี เมื่อไรที่เราวิจารณ์กองทัพ ด้านกองทัพมักพูดว่าไม่มีผู้นำเหล่าทัพไปมีผลประโยชน์เกี่ยวข้องในแนวตะเข็บชายแดน แล้วกัมพูชา ก็พอใจผู้นำเหล่าทัพแบบ พล.อ.ประวิตร ที่แก้ปัญหาด้วยการเจรจา ทั้งนี้ หากจะยึดหลักการเจรจาก็ถือว่าเป็นเรื่องดี แต่ต้องถามต่อว่าเจรจาเพื่อใครใครได้ประโยชน์

นายสุริยะใสกล่าวว่า กองทัพวางตัวทางการเมืองล้ำเส้นมากเกินไป แถลงการณ์กระทรวงการต่างประเทศเป็นไปไม่ได้นายกฯ จะไม่รู้เห็น ประเด็นนี้ตนอยากถามว่าประเทศนี้ปกครองด้วยระบอบอะไร ใครเป็นนายกรัฐมนตรี เมื่อไรก็ตามหากนายกฯ ที่มาจากการเลือกตั้ง พูดแล้วกองทัพไม่ฟังไม่ต่างอะไรกับประเทศอียิปต์ กรณีอียิปต์นายกฯ ควรเอาเป็นบทเรียนว่าอำนาจในฐานะนายกฯกำลังถูกดื้อแพ่ง โดยรัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม นาทีนี้นายกฯ ต้องตอบให้ได้ว่า ท่านมีอำนาจจริงหรือไม่ในการแก้ปัญหาระหว่างไทยกับกัมพูชา เมื่อไม่มีก็เป็นโมฆะบุรุษ

“ผิดหวังทันทีที่นายวีระ สมความคิด กับ น.ส.ราตรี พิพัฒนาไพบูรณ์ ถูกศาลกัมพูชาพิพากษาโดยมิชอบ ตนเชื่อว่าคนไทยอยากเห็นนายกฯ พูดกับประชาชนอาจผ่านทางโทรทัศน์ก็ได้ ว่า ไม่เห็นด้วยกับการตัดสินของกัมพูชาครั้งนี้ ส่วนแนวทางเอาตัว “วีระ-ราตรี” กลับรัฐบาลต้องมีเอกภาพ หากถามจะใช้แนวทางไหน ท่านต้องไปถาม พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ รัฐมนตรีว่าการกระทรวงกลาโหม ว่าจะเอากลับอย่างไร และคำถามนี้จะไม่เกิดหากรัฐบาลแข็งกร้าวกดดันกัมพูชาตั้งแต่วันแรก” นายสุริยะใสกล่าว

นายสุริยะใสกล่าวอีกว่า ที่เราบอกว่าจะยกระดับการชุมนุมใน 2-3 วันนี้ ตนเข้าในว่ารัฐบาลคงอ่านความคิดเราหาทางแก้เกม จึงไม่แปลกที่ขณะนี้มีตำรวจ 4-5 พันคนอยู่ในทำเนียบฯ การกระทำของรัฐบาลคิดผิด เพลี่ยงพล้ำในข้อมูลเท็จจริง วิธีนี้ไม่ใช่การแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ รัฐบาลคงคิดอย่างเดียว คือ หากปล่อยให้มีการเอาความจริงมาแฉบนเวทีนี้ต่อไปรัฐบาลจะขาดความน่าเชื่อถือ จึงคิดว่าจะจัดการเราด้วยการปิดเวทีนี้ให้เร็วที่สุด ตนอยากเรียนให้รัฐบาลกลับไปแก้ปัญหาที่ต้นเหตุ ไปปรึกษากับคนในกองทัพว่าจะเอาอย่างไรกับการช่วยเหลือ “วีระ-ราตรี” จะเอาอย่างไร จะให้รือถอนวัดแก้วสิขาคีรีสวาระออกไปอย่างไร ถ้าแนวทางชัดเจนมีหลักประกันชัดเจนว่ากี่วันต้องได้ต้ัววีระกับราตรีคืน กี่วันจะรื้อถอนวัดแก้วฯ เท่านี้ก็น่าจะเป็นเหตุผลทำให้พันธมิตรฯสลายการชุมนุมแล้ว และท่านอย่าคิดสลายหรือตั้ดทอนกำลังพันธมิตรฯ เพื่อให้ตนเองอยู่ได้ อย่างไรก็ดี สมมติหากจัดการพันธมิตรฯ ได้ มันจะมีความหมายอะไรเมื่อรัฐบาลไม่สามารถปกป้องดินแดนได้ แน่นอนท่านอาจดีใจ แต่คนที่แพ้คือคนทั้งประเทศที่ต้องสูญเสียดินแดน
กำลังโหลดความคิดเห็น