นายกฯแถลงขอบคุณ ปชช.ให้ความไว้วางใจ ลงคะแนนเสียงให้ ปชป.ทั้งเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.และเลือกตั้งซ่อม ส.ส.เผย ขณะนี้ทราบได้คะแนนเสียง ส.ส.เพิ่มมา 7 เขต จากที่ส่งไป 9 เขต เชื่อจะทำให้ รบ.มีเสถียรภาพมากขึ้น ลั่น พร้อมสานต่อนโยบาย “อภิรักษ์”
วันนี้ (11 ม.ค.) เมื่อเวลา 18.35 น.ที่พรรคประชาธิปัตย์ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ แถลงว่า ในส่วนของผลการเลือกตั้งผู้ว่ากทม.และส.ส.ใน 26 เขตเลือกตั้ง ต้องขอขอบพระคุณพี่น้องประชาชนที่ได้ลงคะแนนเสียงเลือกตั้งวันนี้ ซึ่งถือได้ว่าเป็นการไปยืนยันความหวงแหนในสิทธิที่พึงมีในระบอบประชาธิปไตย และก็กราบขอบพระคุณที่ได้ให้ความไว้วางใจทั้งผู้สมัครของพรรคประชาธิปัตย์ ทั้งในส่วนของผู้ว่า กทม.และในส่วนของ ส.ส.ที่พรรคได้ส่งลงสมัคร ที่คาดว่าที่พรรคได้ส่งลง 9 เขตเลือกตั้ง ซึ่งน่าจะได้รับเลือก 7 เขตเลือกตั้ง บวกกับคะแนนเสียงที่ กทม.
“ก็น่าจะค่อนข้างชัดว่าพรรคประชาธิปัตย์ได้รับความไว้วางใจให้ทำหน้าที่บริหาร กทม.ต่อไป ก็ขอกราบพระคุณที่คะแนนเสียง และก็ขอเรียนว่าในส่วนของการทำงานสภานั้นที่พี่น้องได้กรุณาเพิ่มที่นั่งให้พรรคประชาธิปัตย์ รวมทั้งพรรคร่วมรัฐบาลอื่นๆ ก็จะเป็นส่วนสำคัญที่จะทำให้การทำงานของรัฐบาลในสภามีความราบรื่นขึ้นและผมก็จะถือเป็นความไว้วางใจที่เพิ่มความรับผิดชอบของผมในการที่ผลักดันนโยบายต่างๆให้สำเร็จตามความคาดหวังของพี่น้องประชาชน”นายอภิสิทธิ์ กล่าว
นายอภิสิทธิ์ กล่าวอีกว่า ในส่วนของ กทม.นั้น ม.ร.ว.สุขุมพันธ์ บริพัฒน์ จะทำหน้าที่ทั้งในการสานต่องานที่พรรคประชาธิปัตย์โดยนายอภิรักษ์ โกษะโยธิน อดีตผู้ว่า กทม.ได้ทำไว้ กว่า 4 ปี และก็จะต้องเร่งร่วมกับรัฐบาลในการทำงาน ทั้งในเรื่องของโครงการของ กทม.เอง และในส่วนที่จะให้นโยบายของรัฐบาลสามารถนำมาปฏิบัติได้ในระดับท้องถิ่นใน กทม. ซึ่งตนมั่นใจว่าจะส่งผลดีไม่เพียงเฉพาะกับคน กทม.เท่านั้น แต่พี่น้องประชาชนที่มาจากต่างจังหวัดที่มาอาศัยที่ กทม.ด้วย โดยเฉพาะในเรื่องของเศรษฐกิจ ก็ขอกราบขอบพระคุณประชาชนทุกท่านอีกครั้ง เรียนว่าจะทุ่มเททำงานอย่างเต็มที่ต่อไป
ผู้สื่อข่าวถามว่าจะสามารถเพิ่มเติมเสถียรภาพของรัฐบาลได้มากน้อยแค่ไหน นายอภิสิทธิ์ กล่าว ในแง่ของตัวเลขคงจะต้องดูในส่วนของพรรคร่วมรัฐบาล แต่ว่าใน 26 ที่นั่งเดิมไม่ได้มีของพรรคประชาธิปัตย์เลย และพรรคส่งลงสมัคร 9 ที่นั่งได้มา 7 ซึ่งมีทั้งใน กทม. ภาคกลางที่ส่งก็ได้เกือบหมด และมีที่ จ.ลำพูนที่คิดว่าน่าจะได้รับการเลือกตั้ง ก็แสดงให้เห็นว่าประชาชนได้ให้ความกรุณาเรามาก อันนี้ก็เป็นจะแรงช่วยให้การทำงานของรัฐบาลมีพลังและมีความราบรื่นมากขึ้น
เมื่อถามว่าฝ่ายความมั่นคงประเมินว่าพรรคร่วมรัฐบาลจะได้ถึง 21 ที่นั่ง นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตัวเลขที่เราประเมินไว้ก็คือว่าในส่วนของเราเองอาจจะอยู่ที่ประมาณ 5-7 ที่นั่งเชื่อว่าในส่วนของพรรคร่วมก็ไม่น่าจะต่ำกว่า 10 เป็นอย่างน้อยดังนั้นที่ประเมินก็น่าจะเป็นไปได้ เมื่อถามว่าตรงนี้ทำให้เสียงรัฐบาลไม่ปริ่มน้ำ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ก็มีความมั่นคงมากขึ้น เพราะว่าเดิมในช่วงลงคะแนนเลือกนายกรัฐมนตรี เสียงของรัฐบาลมากกว่าฝ่ายค้านอยู่ 37 เสียง ก็ถ้าบวกกับส่วนต่างในวันนี่ก็จะทำให้มีเสียงข้างมาก มากขึ้น อาจจะยังไม่ถึงกับขั้นเด็ดขาด อย่างที่หลายคนคิดว่าจำเป็นจะต้องมี
เมื่อถามว่าจะปลอดภัยมากขึ้นหรือไม่เมื่อมีการอภิปรายไม่ไว้วางใจ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ก็คงจะช่วยลดปัญหาตรงนั้นได้ เพราะว่าในการอภิปรายไม่ไว้วางใจตัวรัฐมนตรีซึ่งเป็น ส.ส.ก็ไม่สามารถลงคะแนนได้
เมื่อถามว่าเสถียรภาพของรัฐบาลที่เพิ่มจะทำให้กลายเป็นเผด็จการณ์หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ยืนยันว่าตัวเลขที่เพิ่มขึ้น ไม่มีส่วนทำให้การตรวจสอบอ่อนแอและรัฐบาลยืนยันว่าจะให้ความร่วมมือและก็พร้อมที่จะรับการตรวจสอบ
เมื่อถามว่าสัดส่วนของพรรคร่วมรัฐบาลที่เพิ่มขึ้นจะต้องมีการปรับ ครม.เพื่อเกลี่ยใหม่โควต้าหรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่คิดว่ามีความจำเป็น เพราะว่าเข้าใจว่าได้มีการพูดคุยกันไว้แล้วในช่วงที่มีการจัดตั้งรัฐบาล จริงๆ แล้วคิดว่าเมื่อรัฐบาลตั้งขึ้นมาก็ควรจะเดินหน้าต่อ ยกเว้นมีความจำเป็นจะต้องมีการปรับเปลี่ยนอะไร และที่เป็นอยู่ก็ไม่ได้เป็นเรื่องของสัดส่วน ที่ได้ดำเนินการได้จัดตั้งไปแล้วก็ทำงานกันไป
เมื่อถามว่านับจ่ากนี้ไปอีก 6 เดือน ครม.ก็ยังเหมือนเดิมใช่ไหม นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ก็เหมือนเดิมขณะนี้ทุกอย่างยังเหมือนเดิม ส่วนที่ พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกรัฐมนตรีเคยให้ประเมินรัฐมนตรีภายใน 3 เดือนนั้นก็เป็นอีกส่วนหนึ่ง เพราะถ้าจะปรับเปลี่ยนเพราะเรื่องของตัวเลขก็เรียนว่าไม่มีเงื่อนไขนั้น แต่ว่าประสิทธิภาพการทำงานก็เป็นอีกเรื่องหนึ่ง
เมื่อถามว่าหากพรรคร่วมรัฐบาลมีจำนวนเพิ่มขึ้นแล้วมาขอต่อรอง นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่มีความจำเป็นอะไรต้องต่อรอง เรียนว่าในส่วนของพรรคร่วมรัฐบาลด้วยกันทุกพรรคสัดส่วนจะไม่มีความเปลี่ยนแปลงหรือกระทบกันมากนัก จะมีกรณีของพรรคชาติไทยเดิมที่เปลี่ยนมาเป็นพรรคชาติไทยพัฒนา ซึ่งตรงนั้นก็ได้มีการประเมินล่วงหน้าอยู่แล้ว
เมื่อถามถึงความเป็นห่วงในการประชุมสภานัดแรกในวันที่ 21 ม.ค.นี้ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า ไม่ห่วงอะไร แต่คิดว่าก็ต้องขอความร่วมมือสมาชิกว่าต้องประชุมกันหนักหน่อยเพราะมีหนังสือข้อตกลงและสัญญาจำนวนมากที่ต้องผ่านสภา และเรื่องความปั่นป่วนในสภาก็คิดว่าไม่น่าจะมีปัญหาอะไร คิดว่าน่าจะทำให้ทุกฝ่ายได้แสดงให้เห็นว่าการเมืองกำลังเข้าสู่ภาวะปกติ เพื่อที่จะเป็นประโยชน์กับทุกฝ่ายในการทำงานต่อไป สำหรับที่ฝ่ายค้านยังไม่มีผู้นำฝ่ายค้านก็คงไม่เป็นปัญหา คิดว่าทางฝ่ายค้านคงจะมีวิธีการปรับหาแนวทางที่จะมีผู้นำฝ่ายค้านในสภาฯ
“ผมได้ให้แนวทางกับคณะรัฐมนตรี หนี่งในแนวที่ให้ไว้ก็คือว่ารัฐมตรีจะต้องรับผิดชอบต่อสภา ซึ่งหมายถึงการประชุมสภา หมายถึงการไปตอบกระทู้ถาม ไปชี้แจงกับตัวแทนของประชาชน อย่างไรก็ตามสิ่งที่ได้รับความไว้วางใจจากประชาชนในวันนี้เป็นการสะท้อนว่าประชาชนยังให้โอกาสพวกเราที่จะทำงาน ตรงนี้จะเป็นเรื่องของเราที่จะตอบสนองให้ได้”นายอภิสิทธิ์ กล่าว