“พันธมิตร” รอฟังอุทธรณ์คำร้องหมายจับ นัดเป่านกหวีดเย็นนี้

แกนพันธมิตรฯ ยืนยันยกเลิกเจรจา “รัฐบาลเขยแม้ว” เหตุขาดความจริงใจ เตรียมประเมินสถานการณ์ใหม่ทั้งหมด หลังรอฟังอุทธรณ์คำร้องหมายจับ เตรียมประกาศจุดยืนต่อหน้าผู้ชุมนุมเพื่อกำหนดการเคลื่อนไหวใหญ่เย็นนี้

วันนี้ (6 ต.ค.) ที่ห้องผู้สื่อข่าวทำเนียบรัฐบาล นาย พิภพ ธงไชย พร้อมด้วยนาย สมศักดิ์ โกศัยสุข แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย แถลงข่าวถึงการชุมนุมใหญ่ของพันธมิตรฯ ภายหลังที่ พล.ต. จำลอง ศรีเมือง แกนนำคนสำคัญถูกจับกุมในข้อหากบฏ โดยนายสมศักดิ์ กล่าวว่า การชุมนุมทุกครั้งของพันธมิตรฯเป็นการชุมนุมใหญ่ทุกครั้งไม่มีครั้งไหนที่ใหญ่กว่ากัน ส่วนรูปแบบการชุมนุมนั้นก็คงขึ้นอยู่กับสถานการณ์ ซึ่งจะต้องมีการปรึกษากันภายในแกนนำทั้ง 5 คนว่าจะมีมาตรการเคลื่อนไหวใหญ่อย่างไร ซึ่งจะมีการประชุมหารือกันภายในเย็นวันนี้(6ต.ค.)เพื่อขับไล่รัฐบาลที่หน้าด้านออกไปให้ได้ ที่สำคัญรัฐบาลชุดนี้ยังหมดความชอบธรรมในการบริหารประเทศแล้ว ถึงแม้ว่า พล.ต.จำลอง จะถูกจับไปก็ตาม แต่ยังคงมีการพูดคุยกันทางโทรศัพท์ เพราะถือว่าการเคลื่อนไหวของพันธมิตรฯ จะต้องมีมติร่วมกัน ไม่ใช่เป็นความคิดของคนใดคนหนึ่ง ซึ่งมาตรการเคลื่อนไหวใหญ่ยังไม่สามารถเปิดเผยได้ต้องรอมติ 5 แกนนำ สำหรับข่าวว่าอาจจะปิดสนามบินสุวรรณภูมิเพื่อเป็นการตอบโต้รัฐบาลนั้น ขึ้นอยู่กับแกนนำทั้งหมดว่าตัดสินใจอย่างไร รวมทั้งการตัดน้ำตัดไฟ ก็ต้องเป็นมาตรการของสหภาพรัฐวิสาหกิจฯว่าจะดำเนินการตอบโต้รัฐบาลด้วยวิธีการใด

ผู้สื่อข่าวถามว่า หากมีการเคลื่อนไหวตอบโต้รัฐบาลแกนนำที่ถูกข้อหากบฏจะออกไปเป็นผู้นำหรือไม่ นายสมศักดิ์ กล่าวว่าอาจจะออกไปเพราะพวกพันธมิตรฯไม่ได้กลัวหมายจับหรือข้อหาดังกล่าว มีการต่อสู้ในศาลเรื่องการตั้งข้อหาเป็นเท็จ ซึ่งอยู่ในขั้นตอนการอุทธรณ์ ทั้งนี้พล.ต.จำลอง ไม่ต้องการให้ประกันตัวเพราะไม่ได้เกรงกลัวต่อข้อหาดังกล่าว ส่วนการที่ พล.ต.จำลอง ออกไปเลือกตั้งผู้ว่า กทม.เป็นมติของทั้ง 5 แกนนำ เพราะมั่นใจว่ารัฐบาลจะยึดมั่นในคำพูดว่าจะมีการเจรจาเกิดขึ้นกับพันธมิตรฯ แต่กลับมาหักหลังเป็นการตบหน้า พล.อ. ชวลิต ยงใจยุทธ รองนายกฯ อย่างแรง หากไม่มีการติดต่อมาจากรัฐบาลว่าจะขอเจรจากับพันธมิตรฯคงไม่มีแกนนำออกไปจากทำเนียบรัฐบาล

“พวกเรา 5 แกนนำไม่มีความซับซ้อนหรือเงื่อนไขใดๆเราคิดอะไรตรงไปตรงมาง่ายๆว่าที่ผ่านมารัฐบาลพยายามขอมาเจรจากับพันธมิตรฯ ซึ่งทำให้เราคิดว่ารัฐบาลคงไม่กล้าหลอกลวงหรือโกหกต่อหน้าประชาชนทั้งประเทศ เพราะนายสมชาย บอกมาตลอดว่าต้องการให้ประเทศชาติเกิดความสมานฉันท์ แต่สิ่งที่รัฐบาลทำต้องการให้เกิดความรุนแรงและดินเกมให้จบเร็วขึ้น พวกเรานำคนเป็นแสนเป็นล้านหากมีอะไรลับลวงพราง คงไม่มีประชาชนมาร่วมกับเรามากมาย ยิ่ง พล.ต.จำลอง ถูกจับ คนยิ่งออกมามากไม่มีถอย และพวกเรายืนยันไม่มีการแตกคอกันแน่นอน ในสถานการณ์วิกฤติขนาดนี้ยิ่งไม่มี ”นายสมศักดิ์ กล่าวว่า

ด้านนายพิภพ กล่าวยืนยันว่าการที่ พล.ต.จำลอง ออกไปใช้สิทธิเลือกตั้งผู้ว่า กทม.ไม่ได้เป็นแผนการปลุกระดมของกลุ่มพันธมิตรฯหรือเรียกคนให้ออกมาชุมนุมมากๆ ว่าเป็นหน้าที่ของพลเมืองที่ทำตามกฎหมายรัฐธรรมนูญของประเทศไทย ที่มีอุดมการณ์และมีความตระหนักว่าอะไรผิดอะไรถูกเป็นมนุษย์พันธุ์หนึ่งที่ยึดความถูกต้องและศีลธรรม ไม่ใช่มนุษย์พันธุ์ที่เกิดมาเห็นแก่ประโยชน์ส่วนตนจึงจะทำอะไรได้ประโยชน์ก็ทำได้ทั้งหมดไม่คำนึงถึงศีลธรรมและกฎหมายที่ดี พล.ต.จำลอง ถือเป็นตัวอย่างที่ดีของประชาชนไม่ว่าอะไรจะเกิดขึ้นก็ตามท่านจะต้องออกไปใช้สิทธิของคนไทยคนหนึ่งที่พร้อมจะตายไปกับความถูกต้อง รัฐบาลเป็นคนกำหนดเกมและสร้างให้เกิดความขัดแย้งในสังคมให้มากขึ้น

เมื่อถามว่า ตามที่พล.อ. พัลลภ ปิ่นมณี ออกมาระบุว่า พล.ต.จำลองออกไปจากที่ชุมนุมเพราะต้องการให้ตำรวจจับ นายพิภพ กล่าวว่า เรื่องนี้อาจจะคงเป็นความขัดแย้งระหว่างเพื่อนด้วยกัน พล.ต.จำลอง คงจะโทรศัพท์คุยเพื่อให้เกิดความเข้าใจตรงกันแล้ว ไม่มีอะไรมากกว่านั้น ถึงแม้ว่ามีการจับแกนนำ จุดยืนของพันธมิตรฯยังไม่เปลี่ยนแปลง จะต้องไล่รัฐบาลออกไปให้ได้ และการยึดทำเนียบรัฐบาลถือเป็นจุดสุดยอดแล้วจะไม่มีการถอยออกจากทำเนียบฯเด็ดขาด

ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณี พล.อ.ชวลิต ยังยืนยันว่าจะไม่ล้มเลิกการเจรจากับพันธมิตรฯนั้น นายพิภพ กล่าวว่าต้องรอดูท่าทีของรัฐบาลต่อไปเพราะที่ผ่านมาก็บอกว่าจะมีการติดต่อมาขอเจรจาแต่ก็ยังไม่มีการดำเนินการแต่อย่างใดมีแต่โทรศัพท์มาพูดคุยถามสารทุกข์สุขดิบทั้งนายสมชาย และพล.อ.ชวลิต ซึ่งพันธมิตรฯไม่ได้ปิดกั้นใครอยากมาก็มาแต่ต้องเป็นเรื่องที่ชัดเจนที่สามารถนำไปสู่การตัดสินใจได้ แต่ปรากฏว่าระหว่างการติดต่อก็มาจับแกนนำทั้งที่ไม่สมควรจะเกิดขึ้น เท่ากับว่ารัฐบาลต้องการล้มการเจรจาเอง