ตำรวจระดมกำลังกว่า 3 หมื่นนายรับมือเลือกตั้งซ่อม ส.ส.-ผู้ว่าฯ กทม. คุมเข้มนราธิวาสหวั่นโจรใต้ป่วน รับหนักใจรัฐบาลเสียงปริ่มการแข่งขันรุนแรง พร้อมเน้นจับกุมมือปืนและผู้ต้องหาตามหมาย
วันนี้ (19 ธ.ค.) ที่สำนักงานตำรวจแห่งชาติ พล.ต.อ.วิเชียร พจน์โพธิ์ศรี ประจำสำนักงานตรวจแห่งชาติ ปฏิบัติหน้าที่รอง ผบ.ตร.(มก.1) กล่าวถึงการเตรียมความพร้อมในการดูแลความสงบเรียบร้อยในการเลือกตั้งซ่อมสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร และเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ในวันที่ 11 มกราคม 2552 ว่า ทาง ตร.จะเปิดศูนย์รักษาความสงบเรียบร้อยการเลือกตั้งในวันที่ 22 มกราคม โดยมี พล.ต.อ.ปทีป ตันประเสริฐ รรท.ผบ.ตร. พล.ต.อ.วิโรจน์ พหลเวชช์ รอง ผบ.ตร.มก.เป็นประธาน โดยการเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้ จะมีทั้งหมด 22 จังหวัด 26 เขตเลือกตั้ง จำนวน สส.ทั้งหมด 29 คน ซึ่งสถานการณ์การเลือกตั้งซ่อมครั้งนี้ค่อนข้างรุนแรง เพราะจำนวนสส.มีถึง 29 ที่นั่ง ซึ่งตอนนี้เสียงของรัฐบาลชนะฝ่ายค้านอยู่ 37 ที่นั่ง จำนวนสส.ที่จะเลือกตั้งซ่อมจึงมีความสำคัญ
“เรามีความพร้อมในการดูแลการเลือกตั้งครั้งนี้เพราะมีประสบการณ์จากการดูแลการเลือกตั้ง ส.ส. การลงประชามติ การเลือกตั้งผู้ว่ากทม.ครั้งที่ผ่านมา เราได้เตรียมกำลัง ไว้ทั้งหมด 34,888 นาย โดยจะอยู่ประจำหน่วยเลือกตั้งหน่วยละ 2 นาย ส่วนจังหวัดนราธิวาส จะเพิ่มจากจังหวัดปกติ 3 เท่า โดยจะทำหน้าที่ดูแลการกระทำความผิด การชุมนุมประท้วงต่างๆ ซึ่งคาดว่าอาจจะมีโดยเฉพาะช่วงการนับคะแนนเพราะในสังคมยังมีความขัดแย้งกันอยู่แต่เชื่อว่าจะสามารถดูแลได้ไม่ได้หนักใจเพราะเตรียมความพร้อมไว้แล้ว ในส่วนของการเลือกตั้งผู้ว่ากทม. ก็ให้ทาง บช.น.เป็นคนเนินการเตรียมกำลังพลประมาณ 16,000 นาย ซึ่งทาง บช.น.มีอยู่ประมาณ 14,000 นายที่เหลือก็ขอกำลังสนับสนุนจาก ตชด. และ บช.ก.มาช่วยซึ่งก็ครบตามจำนวนแล้ว” พล.ต.อ.วิเชียรกล่าว
พล.ต.อ.วิเชียร กล่าวต่อว่า เจ้าหน้าที่ตำรวจที่อยู่ประจำหน่วยเราก็จะมีการฝึกอบรมความรู้ทางด้านกฎหมายเลือกตั้ง ซึ่งตำรวจทุกคนสามารถพัฒนาตัวเองในเรื่องนี้ได้อีก เพราะกฎหมายเลือกตั้งท้องถิ่น ส.ส. ส.ว.จะมีความแตกต่างกัน ตำรวจต้องมีความรู้ นอกจากนี้เรายังสั่งการให้หน่วยงานระดับจังหวัดและภาคจะต้องจัดทำข้อมูลเกี่ยวข้องกับการรักษาความสงบเรียบร้อยในการเลือกตั้ง เช่น บัญชีผู้มีอิทธิพล หัวคะแนน มือปืนรับจ้าง เพื่อเป็นข้อมูลในการปฏิบัติงาน และให้เร่งรัดจับกุมผู้ที่กระทำความผิดที่มีหมายจับอยู่แล้ว
“เรายังได้จัดชุดป้องกันและปราบปรามการกระทำผิดกฎหมายเลือกตั้งที่ตั้งจากส่วนกลางลงไปในพื้นที่ โดยจะทำงานมุ่งเน้นการป้องกันการขยายตัวของความรุนแรงของการแข่งขันในพื้นที่ โดยให้ใช้มาตรการบังคับใช้กฎหมายอย่างเป็นธรรม และหากพบว่ามีผู้กระทำผิดตามหมายจับในพื้นที่แต่พื้นที่ไม่จับกุมชุดนี้ก็จะเข้าไปจับกุมเอง นอกจากนั้นเรายังดูแลเรื่องการทุจริตการเลือกตั้งร่วมกับทาง กกต.โดยจะเป็นผู้รับแจ้งความไว้และรายงานไปยัง กกต.ให้รับทราบ” พล.ต.อ.วิเชียรกล่าว
พล.ต.อ.วิเชียร กล่าวต่อว่า ในส่วนของการสอบสวนได้มีการจัดพนักงานสอบสวนที่มีความเชี่ยวชาญคดีการกระทำความผิดเกี่ยวกับการเลือกตั้ง ซึ่งจะทำการรับแจ้งความในทุกกรณี รวมทั้งจะรวบรวมพยานหลักฐานต่างๆ ที่เกี่ยวข้องไว้สนับสนุนการทำงานของชุดสืบสวนวินิจฉัยของ กกต. ในกรณีที่มีการร้องคัดค้านด้วย พร้อมกันนี้ได้เน้นย้ำการวางตัวของเจ้าหน้าที่ตำรวจให้วางตัวเป็นกลาง บังคับใช้กฎหมายอย่างเสมอภาคและเป็นธรรมกับทุกฝ่ายหากพบว่ามีการร้องเรียนว่าตำรวจวางตัวไม่เป็นกลางจะดำเนินการลงโทษตามมาตรการทางปกครองให้ไปทำงานในพื้นที่อื่นก่อน หากสอบแล้วไม่ผิดก็กลับมาทำงานในพื้นที่เดิมหากผิดจริงก็ดำเนินการทางวินัยและอาญา
พล.ต.อ.วิเชียร กล่าวอีกว่า คาดว่าผู้มาใช้สิทธิเลือกตั้งทั้งผู้ว่าฯ กทม.และเลือกตั้งซ่อมไม่น่าจะเกิน 74 เปอร์เซ็นต์ คงไม่คึกคัก เพราะเป็นช่วงเทศกาลปีใหม่ แต่ผมก็อยากเชิญชวนให้ทุกคนออกมาใช้สิทธิทางการเมือง เพราะการเลือกตั้งจะทำให้เกิดความสมานฉันท์ แม้ว่าการเลือกตั้งจะไม่ใช่ปัจจัยหลักทางการเมืองก็ตามก็ขอให้ทุกคนไปใช้สิทธิของตัวเอง
