การเลือกตั้งผู้ว่ากทม.ปีนี้ ถือว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดีสำหรับคนกรุงเทพฯ
ประการแรกนั้น ปีนี้ผู้สมัครส่วนหนึ่งเป็นบุคคลที่มีคุณภาพ เป็นคนมีชื่อเสียงและจัดว่าเป็นคนหน้าใหม่ในเวทีการเลือกตั้งผู้ว่า
ประการที่สอง นี่เป็นการแข่งขันกันจริงจัง ไม่ใช่ลากกันแข่ง เพราะว่าแต่ละคนล้วนมีความจัดจ้านทั้งด้านประสบการณ์มีคุณภาพด้านคุณวุฒิ มีวัยวุฒิที่พร้อมสำหรับตำแหน่งแต่ละคนก็สมบูรณ์ครบถ้วนด้วยประสบการณ์ต่างสาขาอาชีพกันไป
ประการที่สาม แม้ว่าคนเต็งหนึ่งจะทิ้งกันมาก แต่ก็ไม่ใช่เด็ดขาด มีการตีตื้นจากคนระดับรองลงมาตลอดเวลา อีกประการหนึ่งชาว กทม.นั้น รู้ๆ อยู่ว่า จะตัดสิ้นเลือกใครก็ต้องรอจนวาระสุดท้ายอยู่แล้ว
สิ่งที่ผมดูจะชอบใจและชอบใจผู้สมัครทุกคนคือ คราวนี้มีนโยบายกันชัดเจน ไม่ได้เอาตัวตนเข้าแรกเหมือนที่ผ่านมา เช่น ยุคคุณจำลองที่ใช้ภาพลักษณ์ หรือคุณสมัครที่ใช้วาทะเป็นภาพ และการที่ทั้ง 2 ท่าน ได้รับเลือกเข้ามาก็เพราะเหตุผลก็อย่างนั้น แต่ไม่เกี่ยวกับนโยบายเลย
ดูเหมือนว่าจะมี ดร.พิจิตร รัตตกุล เพียงคนเดียวละที่ใช้ single issue คือเรื่องสิ่งแวดล้อมทำกรุงเทพให้เขียว ปรากฏว่าคนกรุงเทพฯ ชอบมากก็เลือกแกเข้ามา
คุณพิจิตร ก็ทำตามที่พูดได้
กรุงเทพฯ เขียวครึ้มด้วยต้นไม้จนถึงทุกวันนี้ ก็เพราะคุณพิจิตรนี่แหละ
เป็นความถูกต้องและคุ้มค่าที่สุดที่เราได้แกมาเป็นผู้ว่าจริงๆ
คราวนี้ผมว่า ดร.สุขุมพันธุ์ บริบัตร คนที่ผมรู้จักทั้งตัวท่านและภรรยาได้ให้นโยบายและบอกรายละเอียด จำแนกเป็นด้านเศรษฐกิจ, การศึกษา, การจราจรการอนามัย และสุขภาพ, เรื่องสิ่งแวดล้อม และสุดท้ายก็เรื่องความปลอดภัย
ผมดูในรายละเอียดแล้ว
เห็นว่าทำได้ครับ และถ้าทำจริง
กรุงเทพฯ จะเปลี่ยนเป็นเมืองทันสมัย, น่าอยู่, มีการศึกษาที่ดี มีสิ่งแวดล้อมที่หลายเมืองอิจฉา และจะปลอดภัยอย่างแท้จริง
แน่นอนว่า ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ เป็นที่รู้จักใช้คนใช้เพื่อนหลายๆ คนก็จะมาช่วยงาน
คุณชายสุขุมพันธุ์เวลานี้สำนักโพลล์ทุกแห่งให้แกนำโด่งแต่ผู้เดียว
ผมเองก็คาดว่าแกน่าจะชนะ แม้ว่าคะแนนคนอื่นๆ จะไล่มาแต่ก็ไม่น่าจะทัน
เพื่อนผมอีกคนคือ แก้วสรร
คนนี้ผมรับประกันคุณภาพในด้านความคิดก้าวหน้า, สร้างสรรค์ เป็นคนเอาการเอางาน, กัดไม่ปล่อย, ซื่อสัตย์สุจริต เป็นคนดีที่ทำงานตรงไปตรงมาคนหนึ่ง
ความที่เป็นคนก้าวหน้า คิดล่วงหน้าแบบแก้วสรร อาจจะทำให้ข้าราชการต้องปรับตัวให้ตามความคิดให้ทัน แต่แก้วสรรก็มีมนุษยสัมพันธ์ดีจึงไม่น่ามีปัญหา
คนที่มา “แรง” แซงคนอื่นจนอาจเป็นที่ 2 คือ แซม ยุรนันท์ ซึ่งไม่รู้ว่ามีผลงานการบริหารอย่างไร รู้จักแค่การเป็นดารา แต่ไม่มีเรื่องเสียหาย ดังนั้นแกก็เลยอยู่ในจำพวกที่หากใครเลือกแซมเข้ามาก็จะเข้ามา “ทดลองงาน”
มันตรงข้ามกับ “แก้วสรร” ที่พร้อมจะทำงานและอาจทำงานได้เร็วกว่าทุกคน รวมทั้งเร็วกว่าสุขุมพันธุ์ด้วย
คุณปลื้มนั้นเดิมรั้งที่หนึ่ง แต่ความที่ไร้ผลงาน และไม่มีใครเชื่อว่าแกจะทำงานอะไรเป็น หรือมีผลงานเป็นชิ้นเป็นอันเวลานี้ เข้าใจว่า รั้งอันดับ 3 หรือ 4 คาดว่า “แก้วสรร” อาจแซงหน้าไปแล้วก็ได้
ผมละเชื่อว่า กรุงเทพฯ นั้นต้องเปลี่ยน คือตัวระบบบริหารงานจะปล่อยไว้ไม่ได้ ผมมีข้อเสนอว่าควรยกเครื่องเจ้าหน้าที่ กทม. เริ่มให้เขาทำงานเป็นระบบให้เกิดความคิดใหม่และทันสมัยหน่อย อีกทั้งควรแบ่งพื้นที่การรับผิดชอบให้ชัดเจน
ปัญหาการจราจรเรื้อรังมานาน เคยมีข้อเสนอมานานและก็ดีมาก แต่ไม่เคยมีการลองทำ
ผมอยากให้เริ่มทำโดยเริ่มต้นจากการ “ห้ามเข้าเขตเมืองชั้นใน โดยให้มีเวลาเข้าได้บางช่วงเท่านั้น อยากให้ห้ามเข้าตั้งแต่ 6.00 น. (เช้า) จนถึง 10.00 น. เข้าได้หลังจากนี้ และห้ามเข้าอีกครั้งตั้งแต่ 4.00 น. (บ่ายหรือ 16.00 น.) ไปจนถึง 20.00 น. หรือ 2 ทุ่ม
และทำทุกวันเว้นเสาร์อาทิตย์
ใครเป็นผู้ว่าช่วยทำหน่อยเถอะ
ทุกปัญหาในกทม.แก้ได้นะ ถ้าทำจริง!
ประการแรกนั้น ปีนี้ผู้สมัครส่วนหนึ่งเป็นบุคคลที่มีคุณภาพ เป็นคนมีชื่อเสียงและจัดว่าเป็นคนหน้าใหม่ในเวทีการเลือกตั้งผู้ว่า
ประการที่สอง นี่เป็นการแข่งขันกันจริงจัง ไม่ใช่ลากกันแข่ง เพราะว่าแต่ละคนล้วนมีความจัดจ้านทั้งด้านประสบการณ์มีคุณภาพด้านคุณวุฒิ มีวัยวุฒิที่พร้อมสำหรับตำแหน่งแต่ละคนก็สมบูรณ์ครบถ้วนด้วยประสบการณ์ต่างสาขาอาชีพกันไป
ประการที่สาม แม้ว่าคนเต็งหนึ่งจะทิ้งกันมาก แต่ก็ไม่ใช่เด็ดขาด มีการตีตื้นจากคนระดับรองลงมาตลอดเวลา อีกประการหนึ่งชาว กทม.นั้น รู้ๆ อยู่ว่า จะตัดสิ้นเลือกใครก็ต้องรอจนวาระสุดท้ายอยู่แล้ว
สิ่งที่ผมดูจะชอบใจและชอบใจผู้สมัครทุกคนคือ คราวนี้มีนโยบายกันชัดเจน ไม่ได้เอาตัวตนเข้าแรกเหมือนที่ผ่านมา เช่น ยุคคุณจำลองที่ใช้ภาพลักษณ์ หรือคุณสมัครที่ใช้วาทะเป็นภาพ และการที่ทั้ง 2 ท่าน ได้รับเลือกเข้ามาก็เพราะเหตุผลก็อย่างนั้น แต่ไม่เกี่ยวกับนโยบายเลย
ดูเหมือนว่าจะมี ดร.พิจิตร รัตตกุล เพียงคนเดียวละที่ใช้ single issue คือเรื่องสิ่งแวดล้อมทำกรุงเทพให้เขียว ปรากฏว่าคนกรุงเทพฯ ชอบมากก็เลือกแกเข้ามา
คุณพิจิตร ก็ทำตามที่พูดได้
กรุงเทพฯ เขียวครึ้มด้วยต้นไม้จนถึงทุกวันนี้ ก็เพราะคุณพิจิตรนี่แหละ
เป็นความถูกต้องและคุ้มค่าที่สุดที่เราได้แกมาเป็นผู้ว่าจริงๆ
คราวนี้ผมว่า ดร.สุขุมพันธุ์ บริบัตร คนที่ผมรู้จักทั้งตัวท่านและภรรยาได้ให้นโยบายและบอกรายละเอียด จำแนกเป็นด้านเศรษฐกิจ, การศึกษา, การจราจรการอนามัย และสุขภาพ, เรื่องสิ่งแวดล้อม และสุดท้ายก็เรื่องความปลอดภัย
ผมดูในรายละเอียดแล้ว
เห็นว่าทำได้ครับ และถ้าทำจริง
กรุงเทพฯ จะเปลี่ยนเป็นเมืองทันสมัย, น่าอยู่, มีการศึกษาที่ดี มีสิ่งแวดล้อมที่หลายเมืองอิจฉา และจะปลอดภัยอย่างแท้จริง
แน่นอนว่า ม.ร.ว.สุขุมพันธุ์ เป็นที่รู้จักใช้คนใช้เพื่อนหลายๆ คนก็จะมาช่วยงาน
คุณชายสุขุมพันธุ์เวลานี้สำนักโพลล์ทุกแห่งให้แกนำโด่งแต่ผู้เดียว
ผมเองก็คาดว่าแกน่าจะชนะ แม้ว่าคะแนนคนอื่นๆ จะไล่มาแต่ก็ไม่น่าจะทัน
เพื่อนผมอีกคนคือ แก้วสรร
คนนี้ผมรับประกันคุณภาพในด้านความคิดก้าวหน้า, สร้างสรรค์ เป็นคนเอาการเอางาน, กัดไม่ปล่อย, ซื่อสัตย์สุจริต เป็นคนดีที่ทำงานตรงไปตรงมาคนหนึ่ง
ความที่เป็นคนก้าวหน้า คิดล่วงหน้าแบบแก้วสรร อาจจะทำให้ข้าราชการต้องปรับตัวให้ตามความคิดให้ทัน แต่แก้วสรรก็มีมนุษยสัมพันธ์ดีจึงไม่น่ามีปัญหา
คนที่มา “แรง” แซงคนอื่นจนอาจเป็นที่ 2 คือ แซม ยุรนันท์ ซึ่งไม่รู้ว่ามีผลงานการบริหารอย่างไร รู้จักแค่การเป็นดารา แต่ไม่มีเรื่องเสียหาย ดังนั้นแกก็เลยอยู่ในจำพวกที่หากใครเลือกแซมเข้ามาก็จะเข้ามา “ทดลองงาน”
มันตรงข้ามกับ “แก้วสรร” ที่พร้อมจะทำงานและอาจทำงานได้เร็วกว่าทุกคน รวมทั้งเร็วกว่าสุขุมพันธุ์ด้วย
คุณปลื้มนั้นเดิมรั้งที่หนึ่ง แต่ความที่ไร้ผลงาน และไม่มีใครเชื่อว่าแกจะทำงานอะไรเป็น หรือมีผลงานเป็นชิ้นเป็นอันเวลานี้ เข้าใจว่า รั้งอันดับ 3 หรือ 4 คาดว่า “แก้วสรร” อาจแซงหน้าไปแล้วก็ได้
ผมละเชื่อว่า กรุงเทพฯ นั้นต้องเปลี่ยน คือตัวระบบบริหารงานจะปล่อยไว้ไม่ได้ ผมมีข้อเสนอว่าควรยกเครื่องเจ้าหน้าที่ กทม. เริ่มให้เขาทำงานเป็นระบบให้เกิดความคิดใหม่และทันสมัยหน่อย อีกทั้งควรแบ่งพื้นที่การรับผิดชอบให้ชัดเจน
ปัญหาการจราจรเรื้อรังมานาน เคยมีข้อเสนอมานานและก็ดีมาก แต่ไม่เคยมีการลองทำ
ผมอยากให้เริ่มทำโดยเริ่มต้นจากการ “ห้ามเข้าเขตเมืองชั้นใน โดยให้มีเวลาเข้าได้บางช่วงเท่านั้น อยากให้ห้ามเข้าตั้งแต่ 6.00 น. (เช้า) จนถึง 10.00 น. เข้าได้หลังจากนี้ และห้ามเข้าอีกครั้งตั้งแต่ 4.00 น. (บ่ายหรือ 16.00 น.) ไปจนถึง 20.00 น. หรือ 2 ทุ่ม
และทำทุกวันเว้นเสาร์อาทิตย์
ใครเป็นผู้ว่าช่วยทำหน่อยเถอะ
ทุกปัญหาในกทม.แก้ได้นะ ถ้าทำจริง!