“กรมที่ดิน” ยันสั่งเพิกถอนเอกสารสิทธิ “ศรีสุบรรณฟาร์ม” จำนวน 11 แปลง ของ “เทพเทือก” ก่อนมีรัฐบาล “มาร์ค 1” อ้างเหตุคำอุทธรณ์ฟังไม่ขึ้น ด้าน “อธิบดี” ลั่นยอมถูกเด้งดีกว่าติดคุกเพราะทำผิด กม.แย้มคดีที่ดิน “สนามกอล์ฟอัลไพน์” อีก 2 สัปดาห์รู้ผล ก่อนเผยพบผิดที่ดินตระกูล “ชิดชอบ” ออกโฉนด 10 ไร่ ทั้งๆ ที่มีที่ดินเพียง 4 ไร่
วานนี้ (8 ม.ค.) นายอนุวัฒน์ เมธีวิบูลวุฒิ อธิบดีกรมที่ดิน ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้าในการตรวจสอบเอกสารสิทธิ์ที่ดินศรีสุบรรณฟาร์ม ต.น้ำหัก อ.คีรีรัฐนิคม จ.สุราษฎร์ธานีของบริษัท ศรีสุบรรณฟาร์ม ซึ่งเป็นบริษัทของ นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี และเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ว่า กรณีดังกล่าว กรมที่ดินได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบ น.ส.3 ก.ที่ดินของ ศรีสุบรรณฟาร์ม จำนวน 59 แปลง ซึ่งเดิมทีเจ้าหน้าที่เห็นว่า การออกเอกสารสิทธิ์ดังกล่าว มิชอบด้วยกฎหมาย
แต่ต่อมา ทาง ศรีสุบรรณฟาร์ม ได้อุทธรณ์คำสั่งดังกล่าว และกรมที่ดิน ได้ทำหนังสือเพื่อขอคำชี้ขาดจากปลัดกระทรวงมหาดไทย ซึ่งในขณะที่มีกระบวนการอยู่ ตนได้เข้ารับตำแหน่งอธิบดีกรมที่ดิน ทางปลัดกระทรวงได้ทำหนังสือขอความเห็นกรณีดังกล่าวมายังตน ในฐานะอธิบดีใหม่ ซึ่งต่อมาได้ข้อสรุปเป็นหนังสือแจ้งไปยังกรรมการและผู้จัดการ บริษัท ศรีสุบรรณฟาร์ม จำกัด เมื่อวันที่ 1 ธ.ค.2551 ว่า ที่ดินของ ศรีสุบรรณฟาร์ม 59 แปลงนั้น มีจำนวน 11 แปลง ที่คำอุทธรณ์ของบริษัท ศรีสุบรรณฯ ฟังไม่ขึ้น และได้ยกอุทธรณ์ในส่วนนี้ เท่ากับยืนยันให้เพิกถอน ส่วนที่ดินอีก 48 แปลง ออกโดยชอบ แต่เมื่อมีการยื่นอุทธรณ์ต่อศาล จึงให้รอผลคำพิพากษาของศาล จนกว่าคดีจะถึงที่สุด
“กรมที่ดินได้รับหนังสือจากกระทรวงมหาดไทยให้ยกอุทธรณ์ของบริษัท ศรีสุบรรณฟาร์ม คือหมายความว่า อุทธรณ์ที่เขาแย้งว่า กรมที่ดินไม่สามารถเพิกถอนได้ฟังไม่ขึ้น นั้น ก็คือ ต้องเพิกถอนจำนวน 11 แปลง ก็คือ น.ส.3.ก.876, 887, 891, 897, 900, 909, 917, 918, 1009, 1020, 1021 แต่อีก 48 แปลงที่เหลือ ซึ่งตั้งอยู่ที่อำเภอคีรีรัฐนิคม สุราษฎร์ธานี ต้องรอผลคำพิพากษาของศาลยุติธรรม ที่บริษัทได้ฟ้องผู้บุกรุกจนกว่าคดีจะถึงที่สุด ซึ่งตอนนี้ได้ส่งหนังสือไปให้ศรีสุบรรณทราบความเห็นของกระทวงมหาดไทยแล้ว ซึ่งหากจะโต้แย้งคำอุทธรณ์ก็ต้องยื่นต่อศาลปกครอง นครศรีธรรมราชภายใน 90 วันนับแต่ได้รับหนังสือ”อธิบดีกรมที่ดิน ระบุ
นายอนุวัฒน์ กล่าวต่อว่า ในส่วนความคืบหน้าการดำเนินการเพิกถอนสิทธิที่ดินสนามกอล์ฟอัลไพน์ และโครงการหมู่บ้านอัลไพน์ ที่ปทุมธานีนั้น ขณะนี้ยังอยู่ในขั้นตอนเรียกดูกระบวนการโอนที่ดินและการออกเอกสารสิทธิที่ดินย้อนหลัง ซึ่งปัญหาเกิดขึ้นจากการที่ นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ ปลัดกระทรวงมหาดไทยในขณะนั้น ปัจจุบันเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทย มีความเห็นว่า ไม่ควรเพิกถอนกรรมสิทธิ์ที่ดินแต่ฝ่ายผู้เสียหาย คือ วัดธรรมาภิการาม ไม่ใช้สิทธิยื่นอุทธรณ์คำสั่งปลัด ใน 90 วัน ตาม พ.ร.บ.วิธีพิจารณาความทางการปกครอง หลังจากกรมที่ดินได้ทำความเห็นสอดคล้องกับมติคณะกรรมการกฤษฎีกาว่าที่ดินดังกล่าวเป็นที่ดินธรณีสงฆ์เท่ากับว่า กระบวนการฟ้องร้องเรียกคืน ผู้เสียหายเสียสิทธิ์ไปแล้ว
อธิบดีกรมที่ดิน กล่าวต่อไปว่า สิ่งที่ต้องพิจารณาต่อไป คือ กระบวนการทางกฎหมายอื่นๆ เช่น การตรวจสอบดำเนินการของเจ้าหน้าที่ ว่า ออกเอกสารสิทธิโดยชอบหรือไม่ และกระบวนการทางกฎหมายนั้น มีผลเชื่อมโยงให้สามารถนำที่ดินคืนเจ้าของได้หรือไม่ ซึ่งเรื่องความชอบธรรมของเจ้าหน้าที่ ยังอยู่ในชั้น ป.ป.ช.ตรวจสอบ ทั้งนี้ ในส่วนของกรมที่ดินเอง คาดว่า ใช้เวลา 1-2 สัปดาห์ จะสรุปเรื่องนี้ได้เห็นภาพมากขึ้นโดยจะรีบเร่งรายงานให้นายถาวร เสนเนียม รมช.มหาดไทย (มท.3) ที่ดูแลกรมที่ดินทราบการสรุปเรื่องของกรมที่ดิน ซึ่ง นายถาวรได้สั่งการเรื่องนี้ให้กรมที่ดินไปตรวจสอบเป็นกรณีพิเศษ
“กำลังให้ฝ่ายกฎหมายสรุปอยู่ว่าการโอนที่ดินจากผู้บริจาคมาให้คนซื้อถูกหรือไม่ถูก เดิมกรมที่ดินสั่งให้เพิกถอน อัลไพน์กับคนที่ซื้อบ้านก็อุทธรณ์ ปลัดก็ยืนตามอุทธรณ์ แต่ทางวัดไม่ยอมไปยื่นเรื่องภายใน 90 วัน ขั้นตอนก็สิ้นสุดแล้ว แต่ในทางกฎหมายบ้านเมือง การกระทำของเจ้าหน้าที่บ้านเมืองชอบหรือไม่ชอบต้องมาดูกัน ป.ป.ช.ก็สอบไป ผมไม่สามารถให้ความเห็นต้องรอทาง ป.ป.ช.ก่อน” อธิบดีกรมที่ดิน กล่าว
เมื่อถามถึงความคืบหน้ากรณีการตรวจสอบการเพิกถอนเอกสารสิทธิของนักการเมืองตระกูลชิดชอบ โดยเฉพาะ นายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฎร ที่เขากระโดง จ.บุรีรัมย์ อธิบดีกรมที่ดิน กล่าวว่า ตรวจสอบได้ระดับหนึ่ง พบว่า มีอยู่แปลงหนึ่ง เนื้อที่น้อยแล้วไปออกโฉนดเนื้อที่มาก กรมที่ดินได้เสนอให้เพิกถอนแล้ว แต่จำรายละเอียดไม่ได้ ซึ่งที่บุรีรัมย์แยกเป็นสองกลุ่มอีกกลุ่มหนึ่งกำลังรอการรถไฟแห่งประเทศไทยยืนยัน เพราะเป็นเรื่องของการรถไฟฯร้องมายังกรมให้ตรวจสอบ เขากำลังตรวจสอบอยู่ในเรื่องท้ายพระราชกฤษฎีกา ซึ่งทางกรม ได้สอบถามไปที่การรถไฟฯ เพื่อให้ส่งพระราชกฤษฎีกาที่มีการออกโฉนดทับที่การรถไฟฯ มายืนยันกับกรมที่ดิน ล่าสุด เขายังไม่ตอบกลับมา ถ้าผิดจริงก็ต้องดำเนินการแก้ไขที่ตรงนี้เป็นร้อยๆ แปลง
“แต่ที่เราเจอแล้วและให้เพิกถอน คือ มีที่ดินประมาณ 4 ไร่ แต่ไปออกโฉนดถึง 10 ไร่ ที่จำได้ก็พบว่าใกล้กับที่ดินของท่าน ที่แน่ๆ ก็คือ มีหนึ่งกรณีแล้วที่กรมที่ดินจะเพิกถอน ส่วนที่ดินต่างๆ ที่เป็นของนักการเมืองนั้น ผมยืนยันว่า ทุกอย่างทำไปตามข้อเท็จจริง เพราะถ้าเรามีอะไร เราจะเป็นฝ่ายโดนเอง ต้องยืนไปตามกฎหมาย กรณีของศรีสุบรรณ ยืนยันว่า รองปลัดกระทรวงมหาดไทย ได้สั่งให้ยืนตามความเห็นกรมที่ดิน คือ เมื่อวันที่ 1 ธ.ค.2551 ซึ่งทำก่อนรัฐบาลชุดนี้จะเข้ามา เพียงแต่ผมเพิ่งได้รับรายงาน เลยไม่รู้ว่าทางกระทรวงเขาทำความเห็นมาแล้ว 11 แปลงของศรีสุบรรณก็ต้องถอน เพราะไม่มีเอกสาร อะไรมาลบล้าง อีก 48 แปลงถ้าเราไม่ทำตามคำสั่งศาลก็คงไม่ได้
อธิบดีกรมที่ดิน กล่าวอีกว่า ถ้าตนทำตามหลักการ การเมืองเขาก็มีคุณธรรม คือ ผิดก็คือผิด เขาไม่ได้ตามขู่อะไร สมมติถ้าตนสั่งความเห็นเอาใจฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งโดยไม่มีหลักอิง ตนก็โดน ป.ป.ช.เอาผิด และแม้ว่าตนจะเกษียณไปแล้วก็ยังเอาผิดได้ และจะยอมพ้นจากตำแหน่งอธิบดีกรมที่ดินดีกว่าจะไปเป็นจำเลยในชั้น ป.ป.ช.ดังนั้น ตนจึงไม่อยากเล่นด้วย เพราะทุกอย่างก็ต้องทำตามกฎหมาย