ก่อนจะเข้าเรื่องอื่น ในฐานะมีส่วนรับผิดชอบเวทีพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ขอชี้แจงนะครับว่า เวทีพันธมิตรฯ ไม่เคยมีความคิดจะเชิญแอ๊ด คาราบาวมาขึ้นเวทีเลย เหตุผลง่ายๆ คือ แอ๊ดไม่มีอุดมการณ์
ทีมงานถึงกับตั้งคำถามกันไว้ล่วงหน้าว่า สมมติถ้าแอ๊ดติดต่อมาจะทำได้อย่างไร คำตอบตั้งแต่วันแรกคือ ไม่ให้ขึ้นครับ
ที่ผมต้องชี้แจงเช่นนี้ เพราะแอ๊ดออกแถลงการณ์ในเว็บไซต์ของเขาเป็นนัยว่า ปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น เพราะแอ๊ดไม่มาขึ้นเวทีพันธมิตรฯ ซึ่งไม่เป็นความจริง ส่วนแอ๊ดจะสนับสนุนใคร หรือใครฝันจะเป็นผู้ว่าฯ กทม.ก็เป็นเรื่องของแต่ละคน แต่อย่าลืมว่า ถ้าเรามีสิทธิฝันคนอื่นก็มีสิทธิฝันเหมือนกัน
อย่างผมก็ย่อมจะมีสิทธิคิดฝันว่า ไม่อยากให้ใครเป็นผู้ว่าฯ กทม. ผมก็ควรจะมีสิทธิที่จะบอกกล่าวคนที่เคารพนับถือกันว่า อย่าไปเลือกคนคนนั้น
ผมไม่ตั้งใจเขียนถึงเรื่องข้างบนนั้นนะครับ เพราะไม่ได้ใส่ใจ และไม่ได้ให้ราคานัก ไม่เคยเฉียดเข้าไปใกล้เวทีคอนเสิร์ตแอ๊ดเพราะกลัวจะถูกลูกหลงหัวร้างข้างแตก ที่สำคัญแอ๊ดคงไม่สามารถเรียกคะแนนคนกรุงเทพฯ ได้สักกี่สิบคะแนนหรอก ไม่เช่นนั้นอาจารย์แก้วของผมคงไม่ต้องวิ่งไปพึ่งชัช เตาปูนอีกทาง
วันนี้ผมต้องการเขียนถึงนายกรัฐมนตรีของผม คุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เสียมากกว่า
เพราะวันก่อนผมเข้าไปในเว็บไซต์ของคุณอภิสิทธิ์ เข้าไปอ่าน คอลัมน์ “คุยกับอภิสิทธิ์” มีผู้ใช้ชื่อว่า “ไบร์ท” ตั้งคำถามถึงคุณอภิสิทธิ์ 4 ข้อดังนี้
1. จะทำอย่างไรถ้านายชัย ชิดชอบ มาเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เพราะพรรคประชาธิปัตย์เคยขุดคุ้ยเรื่องโกงที่ดินการรถไฟฯ ขึ้นมาอภิปรายในสภาฯ
2. หาก ครม.ประกอบด้วยคนที่เคยเป็น รมต.สมัยมีมติเกี่ยวกับปราสาทพระวิหาร แล้ววันข้างหน้าถูกศาลสั่งอีก ความสง่างามจะไม่มี
3. จะทำอย่างไรกับ NBT ที่มีนักการเมืองใหญ่ จ.บุรีรัมย์ อยู่เบื้องหลังการสัมปทาน
4. ยังจะเอาพยาบาลที่ไม่รู้เรื่องมาเป็น รมต.คลัง หรือไม่
คำตอบสั้นๆ ของคุณอภิสิทธิ์ในเว็บไซต์ คือ “ขอบคุณสำหรับข้อคิดที่ดีจะพยายามแก้ไขต่อไปครับ”
และสิ่งแรกที่ผมได้เห็นทันทีสำหรับคำถาม คำตอบ และการปฏิบัติของคุณอภิสิทธิ์ก็คือ พยาบาลคนดังกล่าวไม่ได้นั่งเป็น รมช.คลัง แต่ได้รับการแต่งตั้งจากคุณอภิสิทธิ์ให้เป็นรมว.ไอซีทีแทน
เราต้องติดตามดูต่อไปว่า คุณอภิสิทธิ์และคุณพยาบาล จะจัดการอย่างไรกับเว็บไซต์หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ซึ่งคุณอภิสิทธิ์เคยตั้งกระทู้ถามรัฐบาลนายสมชายด้วยตัวเองมาแล้ว
ส่วนเรื่องอื่นๆ ที่คุณ “ไบร์ท” ถาม และคุณอภิสิทธิ์ยังไม่ได้ตอบ เพื่อทบทวนความจำผมได้ไปค้นคว้ามาว่า พรรคประชาธิปัตย์และคุณอภิสิทธิ์เองเคยมีความเห็นต่อเรื่องเหล่านั้น ตอนที่ยังเป็นฝ่ายค้านอย่างไร
- กรณีที่ดินการรถไฟฯ ของตระกูลชิดชอบ คณะทำงานตรวจสอบการทุจริตของพรรคประชาธิปัตย์ ได้เคยออกมาเรียกร้องเดิมทีขอให้รัฐบาลพรรคพลังประชาชนดำเนินคดีกับผู้มีส่วนในการกระทำผิดฮุบที่หลวงและออกโฉนดโดยมิชอบ รวมถึงการนำที่ดิน 2 แปลงดังกล่าวนั้นไปเป็นหลักทรัพย์ในการจำนองธนาคาร ซึ่งถือเป็นการกระทำผิดตามประมวลกฎหมายอาญา
โฉนดเลขที่ 3466 ต.อีสาน อ.เมือง บุรีรัมย์ เนื้อที่ 7 ไร่ 1 งาน 55.8 ตร.วา ออกเมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2515 ให้แก่นายชัย ชิดชอบ และได้ขายให้บริษัท ศิลาชัย บุรีรัมย์ (1991) จำกัด เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2535 และที่ดินโฉนดเลขที่ 8564 ต.อีสาน อ.เมือง บุรีรัมย์ เนื้อที่ 37 ไร่ 1 งาน 65 ตร.วา ออกเมื่อวันที่ 13 สิงหาคม 2518 ปัจจุบัน นางกรุณา ชิดชอบ ภรรยาของนายเนวิน ชิดชอบ เป็นผู้ถือครอง
ที่ดังกล่าวนั้นเป็นที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทย ตามมาตรา 3 (2) และได้รับความคุ้มครองตามมาตรา 6 แห่งพระราชบัญญัติจัดวางการรถไฟและทางหลวง พ.ศ.2464 จึงขอให้กรมที่ดินทำการเพิกถอนเอกสารสิทธิ์ในโฉนดที่ดินทั้ง 2 แปลงดังกล่าว
- กรณีเขาพระวิหาร คุณอภิสิทธิ์เคยเรียกร้องนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี และรัฐบาล หันมาปกป้องผลประโยชน์ของประเทศชาติ จากการที่กัมพูชาขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก โดยเฉพาะกรณีแถลงการณ์ร่วมรัฐบาลไทยกับรัฐบาลกัมพูชา กรณีสนับสนุนให้กัมพูชาขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก ที่นายนพดล ปัทมะ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ลงนามโดยความเห็นชอบของรัฐบาลไทย รัฐบาลยังไม่ได้ดำเนินการให้ทั่วโลกยอมรับว่า แถลงการณ์ร่วมดังกล่าวใช้ไม่ได้
คุณอภิสิทธิ์ กล่าวตอนนั้นว่า รัฐบาลจะต้องเร่งหาทางออกกรณีที่กัมพูชาจะต้องส่งแผนที่ที่จัดทำขึ้นฝ่ายเดียวไปให้คณะกรรมการมรดกโลกภายในเดือนกุมภาพันธ์ 2552
- กรณี NBT พรรคประชาธิปัตย์เคยยื่นหนังสือต่อสำนักงานคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน เพื่อขอให้สอบสวนความไม่โปร่งใสการทำสัญญากับบริษัท ดิจิตอล มีเดีย ให้ผลิตรายการข่าววันละ 9 ชั่วโมงครึ่ง แลกกับการขายโฆษณา ชั่วโมงละ 7 นาทีโดยจ่ายผลตอบแทนให้ช่อง 11 ปีละ 40 ล้านบาทนั้นน่าจะทำให้รัฐเสียประโยชน์
สัญญาดังกล่าวนั้น นอกจากรัฐเสียประโยชน์แล้ว กรมประชาสัมพันธ์ยังยอมให้ดิจิตอล มีเดีย ใช้เครื่องไม้เครื่องมือของช่อง 11 ทั้งหมด ไม่ต้องลงทุนเองแม้แต่บาทเดียว
นอกจาก 3 เรื่องดังกล่าว ผมยังอยากจะฝากความเรื่องเก่าๆ ที่พรรคประชาธิปัตย์เคยตรวจสอบไว้ในสมัยที่เป็นฝ่ายค้านหรือเป็นรัฐบาลเงาว่า เพื่อให้ประชาชนช่วยกันจับตาและเป็นสิ่งเตือนใจรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์และคุณอภิสิทธิ์ด้วย
1. โครงการจ้างบริการรถเข็นสัมภาระในสนามบินสุวรรณภูมิเป็นโครงการประมูลด้วยวิธีพิเศษงบประมาณ 534 ล้านบาท ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์เคยตรวจสอบพบว่ามีมูลและมีเหตุเชื่อได้ว่ามีการทุจริตผิดกฎหมายในการประมูลดังกล่าว โครงการดังกล่าวทำให้รัฐเสียหายไม่น้อยกว่า 200 ล้านบาท
2. กรณีการเช่ารถปรับอากาศ 4,000 คันก็ตาม ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์เคยระบุว่า มีนัยแอบแฝง และมีการทุจริต เนื่องจากทราบว่ามีการจ่ายเงินใต้โต๊ะให้กับผู้ได้รับผลประโยชน์ ตั้งแต่ระดับสูง ระดับกลาง ระดับล่าง ในราคาคันละ 1 ล้านบาท
3. กรณีโครงการฉาว “กล้ายาง-เซ็นทรัลแล็บ” คณะทำงานติดตามตรวจสอบโครงการจัดซื้อกล้ายาง และโครงการจัดซื้อเซ็นทรัลแล็บของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พรรคประชาธิปัตย์ ตรวจสอบพบความผิดปกติพบว่า โครงการนี้บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเกษตรประมูลกล้ายาง 90 ล้านต้น เป็นการเสนอให้ผลประโยชน์อย่างชัดเจน ทั้งที่กล้ายางจำนวนมหาศาลขนาดนี้ไม่มีบริษัทที่มีประสบการณ์ทำได้ แต่กลับให้บริษัทนี้ทำ ทั้งที่มีหน่วยงานในกระทรวงเกษตรฯ ทำได้อยู่แล้ว
ราคาของรัฐบาลอภิสิทธิ์จะดีหรือไม่ คงไม่ได้อยู่ที่หน้าตา แต่ต้องพิสูจน์ที่ผลงาน
และผมเชื่อว่า พันธมิตรฯ คงไม่ปล่อยให้พรรคประชาธิปัตย์ลอยนวล หากรัฐบาลดำเนินนโยบายที่ไม่ถูกต้อง และไม่รักษาคำพูดที่ให้ไว้กับประชาชน
ทีมงานถึงกับตั้งคำถามกันไว้ล่วงหน้าว่า สมมติถ้าแอ๊ดติดต่อมาจะทำได้อย่างไร คำตอบตั้งแต่วันแรกคือ ไม่ให้ขึ้นครับ
ที่ผมต้องชี้แจงเช่นนี้ เพราะแอ๊ดออกแถลงการณ์ในเว็บไซต์ของเขาเป็นนัยว่า ปัญหาต่างๆ ที่เกิดขึ้น เพราะแอ๊ดไม่มาขึ้นเวทีพันธมิตรฯ ซึ่งไม่เป็นความจริง ส่วนแอ๊ดจะสนับสนุนใคร หรือใครฝันจะเป็นผู้ว่าฯ กทม.ก็เป็นเรื่องของแต่ละคน แต่อย่าลืมว่า ถ้าเรามีสิทธิฝันคนอื่นก็มีสิทธิฝันเหมือนกัน
อย่างผมก็ย่อมจะมีสิทธิคิดฝันว่า ไม่อยากให้ใครเป็นผู้ว่าฯ กทม. ผมก็ควรจะมีสิทธิที่จะบอกกล่าวคนที่เคารพนับถือกันว่า อย่าไปเลือกคนคนนั้น
ผมไม่ตั้งใจเขียนถึงเรื่องข้างบนนั้นนะครับ เพราะไม่ได้ใส่ใจ และไม่ได้ให้ราคานัก ไม่เคยเฉียดเข้าไปใกล้เวทีคอนเสิร์ตแอ๊ดเพราะกลัวจะถูกลูกหลงหัวร้างข้างแตก ที่สำคัญแอ๊ดคงไม่สามารถเรียกคะแนนคนกรุงเทพฯ ได้สักกี่สิบคะแนนหรอก ไม่เช่นนั้นอาจารย์แก้วของผมคงไม่ต้องวิ่งไปพึ่งชัช เตาปูนอีกทาง
วันนี้ผมต้องการเขียนถึงนายกรัฐมนตรีของผม คุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ เสียมากกว่า
เพราะวันก่อนผมเข้าไปในเว็บไซต์ของคุณอภิสิทธิ์ เข้าไปอ่าน คอลัมน์ “คุยกับอภิสิทธิ์” มีผู้ใช้ชื่อว่า “ไบร์ท” ตั้งคำถามถึงคุณอภิสิทธิ์ 4 ข้อดังนี้
1. จะทำอย่างไรถ้านายชัย ชิดชอบ มาเป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงคมนาคม เพราะพรรคประชาธิปัตย์เคยขุดคุ้ยเรื่องโกงที่ดินการรถไฟฯ ขึ้นมาอภิปรายในสภาฯ
2. หาก ครม.ประกอบด้วยคนที่เคยเป็น รมต.สมัยมีมติเกี่ยวกับปราสาทพระวิหาร แล้ววันข้างหน้าถูกศาลสั่งอีก ความสง่างามจะไม่มี
3. จะทำอย่างไรกับ NBT ที่มีนักการเมืองใหญ่ จ.บุรีรัมย์ อยู่เบื้องหลังการสัมปทาน
4. ยังจะเอาพยาบาลที่ไม่รู้เรื่องมาเป็น รมต.คลัง หรือไม่
คำตอบสั้นๆ ของคุณอภิสิทธิ์ในเว็บไซต์ คือ “ขอบคุณสำหรับข้อคิดที่ดีจะพยายามแก้ไขต่อไปครับ”
และสิ่งแรกที่ผมได้เห็นทันทีสำหรับคำถาม คำตอบ และการปฏิบัติของคุณอภิสิทธิ์ก็คือ พยาบาลคนดังกล่าวไม่ได้นั่งเป็น รมช.คลัง แต่ได้รับการแต่งตั้งจากคุณอภิสิทธิ์ให้เป็นรมว.ไอซีทีแทน
เราต้องติดตามดูต่อไปว่า คุณอภิสิทธิ์และคุณพยาบาล จะจัดการอย่างไรกับเว็บไซต์หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ซึ่งคุณอภิสิทธิ์เคยตั้งกระทู้ถามรัฐบาลนายสมชายด้วยตัวเองมาแล้ว
ส่วนเรื่องอื่นๆ ที่คุณ “ไบร์ท” ถาม และคุณอภิสิทธิ์ยังไม่ได้ตอบ เพื่อทบทวนความจำผมได้ไปค้นคว้ามาว่า พรรคประชาธิปัตย์และคุณอภิสิทธิ์เองเคยมีความเห็นต่อเรื่องเหล่านั้น ตอนที่ยังเป็นฝ่ายค้านอย่างไร
- กรณีที่ดินการรถไฟฯ ของตระกูลชิดชอบ คณะทำงานตรวจสอบการทุจริตของพรรคประชาธิปัตย์ ได้เคยออกมาเรียกร้องเดิมทีขอให้รัฐบาลพรรคพลังประชาชนดำเนินคดีกับผู้มีส่วนในการกระทำผิดฮุบที่หลวงและออกโฉนดโดยมิชอบ รวมถึงการนำที่ดิน 2 แปลงดังกล่าวนั้นไปเป็นหลักทรัพย์ในการจำนองธนาคาร ซึ่งถือเป็นการกระทำผิดตามประมวลกฎหมายอาญา
โฉนดเลขที่ 3466 ต.อีสาน อ.เมือง บุรีรัมย์ เนื้อที่ 7 ไร่ 1 งาน 55.8 ตร.วา ออกเมื่อวันที่ 26 ตุลาคม 2515 ให้แก่นายชัย ชิดชอบ และได้ขายให้บริษัท ศิลาชัย บุรีรัมย์ (1991) จำกัด เมื่อวันที่ 21 สิงหาคม 2535 และที่ดินโฉนดเลขที่ 8564 ต.อีสาน อ.เมือง บุรีรัมย์ เนื้อที่ 37 ไร่ 1 งาน 65 ตร.วา ออกเมื่อวันที่ 13 สิงหาคม 2518 ปัจจุบัน นางกรุณา ชิดชอบ ภรรยาของนายเนวิน ชิดชอบ เป็นผู้ถือครอง
ที่ดังกล่าวนั้นเป็นที่ดินของการรถไฟแห่งประเทศไทย ตามมาตรา 3 (2) และได้รับความคุ้มครองตามมาตรา 6 แห่งพระราชบัญญัติจัดวางการรถไฟและทางหลวง พ.ศ.2464 จึงขอให้กรมที่ดินทำการเพิกถอนเอกสารสิทธิ์ในโฉนดที่ดินทั้ง 2 แปลงดังกล่าว
- กรณีเขาพระวิหาร คุณอภิสิทธิ์เคยเรียกร้องนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี และรัฐบาล หันมาปกป้องผลประโยชน์ของประเทศชาติ จากการที่กัมพูชาขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก โดยเฉพาะกรณีแถลงการณ์ร่วมรัฐบาลไทยกับรัฐบาลกัมพูชา กรณีสนับสนุนให้กัมพูชาขึ้นทะเบียนปราสาทพระวิหารเป็นมรดกโลก ที่นายนพดล ปัทมะ อดีตรัฐมนตรีว่าการกระทรวงการต่างประเทศ ลงนามโดยความเห็นชอบของรัฐบาลไทย รัฐบาลยังไม่ได้ดำเนินการให้ทั่วโลกยอมรับว่า แถลงการณ์ร่วมดังกล่าวใช้ไม่ได้
คุณอภิสิทธิ์ กล่าวตอนนั้นว่า รัฐบาลจะต้องเร่งหาทางออกกรณีที่กัมพูชาจะต้องส่งแผนที่ที่จัดทำขึ้นฝ่ายเดียวไปให้คณะกรรมการมรดกโลกภายในเดือนกุมภาพันธ์ 2552
- กรณี NBT พรรคประชาธิปัตย์เคยยื่นหนังสือต่อสำนักงานคณะกรรมการตรวจเงินแผ่นดิน เพื่อขอให้สอบสวนความไม่โปร่งใสการทำสัญญากับบริษัท ดิจิตอล มีเดีย ให้ผลิตรายการข่าววันละ 9 ชั่วโมงครึ่ง แลกกับการขายโฆษณา ชั่วโมงละ 7 นาทีโดยจ่ายผลตอบแทนให้ช่อง 11 ปีละ 40 ล้านบาทนั้นน่าจะทำให้รัฐเสียประโยชน์
สัญญาดังกล่าวนั้น นอกจากรัฐเสียประโยชน์แล้ว กรมประชาสัมพันธ์ยังยอมให้ดิจิตอล มีเดีย ใช้เครื่องไม้เครื่องมือของช่อง 11 ทั้งหมด ไม่ต้องลงทุนเองแม้แต่บาทเดียว
นอกจาก 3 เรื่องดังกล่าว ผมยังอยากจะฝากความเรื่องเก่าๆ ที่พรรคประชาธิปัตย์เคยตรวจสอบไว้ในสมัยที่เป็นฝ่ายค้านหรือเป็นรัฐบาลเงาว่า เพื่อให้ประชาชนช่วยกันจับตาและเป็นสิ่งเตือนใจรัฐบาลพรรคประชาธิปัตย์และคุณอภิสิทธิ์ด้วย
1. โครงการจ้างบริการรถเข็นสัมภาระในสนามบินสุวรรณภูมิเป็นโครงการประมูลด้วยวิธีพิเศษงบประมาณ 534 ล้านบาท ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์เคยตรวจสอบพบว่ามีมูลและมีเหตุเชื่อได้ว่ามีการทุจริตผิดกฎหมายในการประมูลดังกล่าว โครงการดังกล่าวทำให้รัฐเสียหายไม่น้อยกว่า 200 ล้านบาท
2. กรณีการเช่ารถปรับอากาศ 4,000 คันก็ตาม ซึ่งพรรคประชาธิปัตย์เคยระบุว่า มีนัยแอบแฝง และมีการทุจริต เนื่องจากทราบว่ามีการจ่ายเงินใต้โต๊ะให้กับผู้ได้รับผลประโยชน์ ตั้งแต่ระดับสูง ระดับกลาง ระดับล่าง ในราคาคันละ 1 ล้านบาท
3. กรณีโครงการฉาว “กล้ายาง-เซ็นทรัลแล็บ” คณะทำงานติดตามตรวจสอบโครงการจัดซื้อกล้ายาง และโครงการจัดซื้อเซ็นทรัลแล็บของกระทรวงเกษตรและสหกรณ์ พรรคประชาธิปัตย์ ตรวจสอบพบความผิดปกติพบว่า โครงการนี้บริษัทยักษ์ใหญ่ด้านเกษตรประมูลกล้ายาง 90 ล้านต้น เป็นการเสนอให้ผลประโยชน์อย่างชัดเจน ทั้งที่กล้ายางจำนวนมหาศาลขนาดนี้ไม่มีบริษัทที่มีประสบการณ์ทำได้ แต่กลับให้บริษัทนี้ทำ ทั้งที่มีหน่วยงานในกระทรวงเกษตรฯ ทำได้อยู่แล้ว
ราคาของรัฐบาลอภิสิทธิ์จะดีหรือไม่ คงไม่ได้อยู่ที่หน้าตา แต่ต้องพิสูจน์ที่ผลงาน
และผมเชื่อว่า พันธมิตรฯ คงไม่ปล่อยให้พรรคประชาธิปัตย์ลอยนวล หากรัฐบาลดำเนินนโยบายที่ไม่ถูกต้อง และไม่รักษาคำพูดที่ให้ไว้กับประชาชน