ศูนย์ข่าวภูเก็ต -“ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง” ลงพื้นที่ภูเก็ตวันนี้ ตรวจสอบรายละเอียดที่ดินทั้ง 3 แปลงที่ โดน“เทพเทือก” แฉกลางสภาว่า มีเอี่ยวในการช่วยเหลือพรรคพวก ในการถือครองสิทธิ์ที่ดิน ทั้งที่เกาะราชาใหญ่และตำบลเชิงทะเล ด้านผู้ว่าฯ สั่งที่ดินจังหวัดเตรียมข้อมูลรายละเอียดให้พร้อมและครอบคลุมทุกด้าน กลัวข้อมูลไม่ถูกใจ
จากกรณีที่นายสุเทพ เทือกสุบรรณ เลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ได้อภิปรายไม่ไว้วางใจ ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย ที่สั่งการให้กรมที่ดินช่วยเหลือบริษัท สยามเจ้าพระยาแลนด์ จำกัด ซึ่งมีที่ดินอยู่ที่ต.เชิงทะเล อ.ถลาง จ.ภูเก็ต และบริษัท ราชาใหญ่เอสเตท จำกัด และบริษัท ราชาใหญ่ไอซ์แลนด์ รีสอร์ท จำกัด ที่มีที่ดิน 2 แปลงอยู่บนเกาะราชาใหญ่ ม. 2 ต.ราไวย์ อ.เมือง จ.ภูเก็ต ซึ่งเป็นคนสนิทของรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย
ล่าสุด นายนิรันดร์ กัลยาณมิตร ผู้ว่าราชการจังหวัดภูเก็ต กล่าวในการประชุมกรรมการจังหวัดภูเก็ต วานนี้ (30 มิ.ย.) ที่ ห้องประชุมศาลากลางจังหวัดภูเก็ต ว่า ในวันที่ 1-2 กรกฎาคม ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย พร้อมด้วย ปลัดกระทรวงมหาดไทย อธิบดีกรมที่ดินและหน่วยงานที่เกี่ยวข้องจะเดินทางมาจังหวัดภูเก็ต เพื่อประชุมร่วมกับหน่วยงานที่เกี่ยวข้อง ต่อกรณีที่ดิน 2 แปลงที่เกาะราชาใหญ่ และที่ดินของบริษัท สยามเจ้าพระยาแลนด์ จำกัด ที่ต.เชิงทะเล อ.ถลาง
หลังจากประชุมร่วมกับหน่วยงานต่างๆ แล้ว รัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทยและคณะจะเดินทางไปดูสภาพที่ดินทั้ง 2 แปลงที่เกาะราชาใหญ่ และที่ดินของบริษัท สยามเจ้าพระยาแลนด์ จำกัด ที่ ต.เชิงทะเล รวมถึงที่ ส.ป. ก.ทั้ง 5 ราย 11 แปลง เนื้อที่ 200 กว่าไร่ ที่ ศาลฎีกาได้ตัดสินถึงที่สุดไปแล้ว
นอกจากนี้ นายนิรันดร์ ยังได้สั่งการให้ที่ดินจังหวัดภูเก็ต เตรียมข้อมูลรายละเอียดพร้อมทั้งภาพถ่ายที่ดินทั้ง 3 แปลงเสนอรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย อย่างละเอียดและครอบคลุมทุกด้าน
ขณะที่นายธเนศ นิยม เจ้าพนักงานที่ดินจังหวัดภูเก็ต กล่าวว่า ความคืบหน้าล่าสุดของที่ดินทั้ง 3 แปลงนี้ กรมที่ดินมีความเห็นว่า น.ส. 3 ที่ออกมาออกโดยชอบด้วยกฎหมาย หากหน่วยงานใดเห็นว่าการออกเอกสารสิทธิ น.ส.3 ไม่ถูกต้องก็ให้ไปฟ้องร้องเอง
สำหรับที่ดินที่เกาะราชาใหญ่ทั้ง 2 แปลง คณะอนุกรรมการแก้ไขปัญหาการบุกรุกที่ดินของรัฐจังหวัด(กบร.)ภูเก็ตได้เสนอให้กรมที่ดินเพิกถอนเอกสารสิทธิ น.ส.3 ก.บางส่วน ที่เห็นว่าเป็นโขดหินและไม่ได้ทำประโยชน์
ส่วนที่ดินของบริษัท สยามเจ้าพระยาแลนด์ จำกัด เนื้อที่ 16 ไร่ 1 งาน 80 ตารางวา(ตร.ว.) อำเภอ ถลาง และอบต.เชิงทะเล ได้อุทธรณ์คำสั่งของกรมที่ดินไปแล้ว ขณะนี้อยู่ในขั้นตอนที่กรมที่ดินกำลังพิจารณาคำอุทธรณ์ของกรมที่ดิน
เผยที่มาที่ดินเจ้าปัญหา 3 แปลง
สำหรับที่ดินทั้ง 2 แปลง บนเกาะราชาใหญ่ แปลงแรกเนื้อที่ 48 ไร่ 1 งาน 58 ตารางวา ใช้ส.ค. 1 ออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส. 3) น.ส.3 เมื่อวันที่ 26 เมษายน 2519 โดยมีนายแพทย์เกียรติ ญาณไพศาล เป็นเจ้าของกรรมสิทธิ์ที่ดิน ออกโดยนายชิด นุ้ยภักดี นายอำเภอขณะนั้น
ส่วนแปลงที่ 2 เนื้อที่ 99 ไร่ 2 งาน 40 ตารางวา ออกโดยการแจ้งครอบครองเฉพาะราย ออกหนังสือรับรองการทำประโยชน์ (น.ส.3) เมื่อวันที่ 26 เมษายน 2534 โดยตอนนั้นไม่มีกฎกระทรวงมหาดไทยที่ 43/2537 ออกมาบังคับใช้
หลังจากนั้นในปี 2543 บริษัท ราชาใหญ่ไอซ์แลนด์ รีสอร์ท จำกัด และบริษัท ราชาใหญ่เอสเตท จำกัด ได้นำที่ดินทั้ง 2 แปลง ลงประกาศในหนังสือพิมพ์ เปิดประมูลขายในวันที่ 1 มิถุนายน 2543 เวลา 14.00 น. ที่โรงแรมกะรน วิลล่า จ.ภูเก็ต ซึ่งได้กำหนดราคาเริ่มต้นการเปิดประมูลไว้ที่ 89 ล้านบาท
การประกาศเปิดประมูลขายในครั้งนั้น บริษัทได้ระบุว่า ที่ดินบนเกาะทั้ง 2 แปลงมีเอกสารสิทธิถูกต้องตามกฎหมาย พร้อมทั้งอ้างถึงหนังสือสำนักงานป่าไม้จังหวัดภูเก็ต ที่ภก. 009/18 ลงวันที่ 6 มกราคม 2536 เรื่องเขตป่าสงวนแห่งชาติ สำนักงานป่าไม้จังหวัดภูเก็ต ได้ตรวจสอบแล้ว ว่าเกาะราชาใหญ่ไม่มีกฎกระทรวงกำหนดให้เป็นป่าสงวนแห่งชาติ ไม่มีมติคณะรัฐมนตรีให้กำหนดเป็นเขตป่าไม้ถาวร และไม่มีพระราชกฤษฎีกากำหนดให้เป็นอุทยานแห่งชาติแต่อย่างใด
การเปิดประมูลที่ดินทั้ง 2 แปลงในครั้งนั้น ไม่ได้เกิดขึ้น เพราะภายหลังจากที่การลงโฆษณาในหนังสือพิมพ์ มีการเรียกร้องให้ตรวจสอบเอกสารสิทธิที่ดิน ทำให้นักลงทุนขาดความมั่นใจในเอกสารสิทธิของที่ดินทั้ง 2 แปลง รวมทั้งชาวบ้านได้ร้องเรียนว่า มีการออกน.ส.3 ที่ดินทั้ง 2 แปลง ข้างเคียงทับพื้นที่ป่าไม้ ชายทะเล ดังนั้น จังหวัดจึงได้ตั้งกรรมการขึ้นมาตรวจสอบตั้งแต่ปี 2549 ซึ่งคณะอนุกรรมการแก้ไขปัญหาการบุกรุกที่ดินของรัฐ (กบร.) จังหวัดภูเก็ต ได้สรุปเรื่องนี้ว่า ให้กรมที่ดินตรวจสอบและดำเนินการแก้ไขกันเขตให้ถูกต้องต่อไป เพราะเห็นว่าที่ดินบางส่วนตั้งอยู่บนโขดหินและไม่ได้ทำประโยชน์ในที่ดินบางส่วน
ต่อมากรมที่ดินตรวจสอบแจ้งกลับให้จังหวัดทราบว่า ที่ดิน 2 แปลงถูกต้องตามกฎหมาย หากหน่วยงานใดเห็นว่าไม่ถูกต้องตามกฎหมายก็ให้ฟ้องร้องเอาเอง
สำหรับที่ดินของบริษัท สยามเจ้าพระยาแลนด์ จำกัด หมู่ที่ 6 ต.เชิงทะเล อ.ถลาง จ.ภูเก็ต จำนวน 2 แปลงซึ่งถือเป็นที่ดินที่สวยงามมาก ด้านหน้าติดทะเล ซึ่งทราบกันดีว่าเป็นของ นายประดิษฐ์ ภัทรประสิทธิ์ เลขาธิการพรรครวมใจไทยชาติพัฒนา เป็นที่ดินที่อำเภอถลาง ได้ประกาศเป็นที่สาธารณประโยชน์จำนวน 137 ไร่เศษ เมื่อวันที่ 29 พฤศจิกายน 2527 แต่ปรากฏว่า ที่ดินสาธารณะดังกล่าว เป็นกรรมสิทธิ์ของ บริษัท สยามเจ้าพระยาแลนด์ จำกัด จังหวัดได้มีการตั้งคณะกรรมการสอบสวนหลายชุด มีความเห็นว่าที่ดินต้องถูกเพิกถอน
บริษัทได้ฟ้องร้องดำเนินคดีต่อผู้ว่าฯ แต่ศาลมีคำพิพากษาให้ บริษัทนี้ต้องออกจากที่ดิน และนายบุญเชิด อธิบดีกรมที่ดิน ได้ออกคำสั่งเพิกถอนตามคำพิพากษาที่ดินดังกล่าว เมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2551 แต่เมื่อวันที่ 8 พฤษภาคม 2551 นายบุญเชิด กลับมีคำสั่งใหม่ให้เพิกถอนคำสั่งตัวเองที่ออกไปเมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2551 คำสั่งใหม่ระบุว่า บัดนี้ผู้ถือกรรมสิทธิ์ได้อุทธรณ์ฟังขึ้น และที่ดินมีมูลค่าสูงมาก อาจสร้างความเสียหายให้แก่กรมที่ดินอย่างมาก จึงขอยกเลิกคำสั่งปกครองดังกล่าว
อย่างไรก็ตาม อำเภอถลาง และ อบต.เชิงทะเล ไม่เห็นด้วยกับคำสั่งดังกล่าว จึงได้อุทธรณ์ให้เพิกถอนคำสั่งเมื่อวันที่ 14 มีนาคม 2551
ที่ดินแปลงนี้ มีหลักฐาน น.ส.3 เนื้อที่จำนวน 58 ไร่ และได้ไปขอออกรังวัดเพื่อเปลี่ยนเป็น น.ส.3 ก. เมื่อวันที่ 10 เมษายน 2534 รังวัดได้ที่ดิน 71 ไร่ 43 ตารางวา เกินจากเนื้อที่ดินเดิมไป 12 ไร่ 3 งาน 43 ตารางวา และได้ทำการออกโฉนดเมื่อวันที่ 20 สิงหาคม 2542 ที่ดิน 71 ไร่ 43 ตารางวา
ประชาชนตำบลเชิงทะเลได้มีการร้องคัดค้าน และร้องเรียนต่อจังหวัดว่า มีการออกโฉนดทับที่ดินสาธารณประโยชน์ และทางสาธารณประโยชน์ แต่บริษัทได้ยื่นคำขอรังวัดแบ่งแยกโฉนดเป็น 2 แปลง ได้โฉนดเลขที่ 11837 เนื้อที่ 16 ไร่ 1 งาน 80 ตารางวา ติดทะเลหาดรายัน โฉนดเลขที่ 31311 เนื้อที่ 54 ไร่ 2 งาน 83 ตารางวา อยู่ด้านหลัง และแปลงโฉนดเลขที่ 11837 เนื้อที่ 16 ไร่ 1 งาน 80 ตารางวา ที่คณะกรรมการตามคำสั่งกรมที่ดิน(อธิบดีกรมที่ดิน)เห็นชอบให้เพิกถอนเนื่องจากทับที่ดินสาธารณประโยชน์