นายอนุวัฒน์ เมธีวิบูลวุฒิ อธิบดีกรมที่ดิน ให้สัมภาษณ์ถึงความคืบหน้า ในการตรวจสอบเอกสารสิทธิ์ที่ดินศรีสุบรรณฟาร์ม ต.น้ำหัก อ.คีรีรัฐนิคม จ.สุราษฎร์ธานีของบริษัทศรีสุบรณณฟาร์ม ซึ่งเป็นบริษัทของนายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรีและเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ ว่า กรณีดังกล่าว กรมที่ดินได้สั่งการให้เจ้าหน้าที่ตรวจสอบ นส.3 ก.ที่ดินของศรีสุบรรณฟาร์ม จำนวน 59 แปลง ซึ่งเดิม เจ้าหน้าที่เห็นว่า การออกเอกสารสิทธิ์ดังกล่าว มิชอบด้วยกฎหมาย แต่ต่อมา ทางศรีสุบรรณฟาร์ม ได้อุทธรณ์คำสั่งดังกล่าว และกรมที่ดินได้ทำหนังสือเพื่อขอคำชี้ขาดจากปลัดกระทรวงมหาดไทย
นายอนุวัฒน์ กล่าวว่า ซึ่งในขณะที่มีกระบวนการอยู่ ตนได้เข้ารับตำแหน่งอธิบดีกรมที่ดิน ทางปลัดกระทรวงได้ทำหนังสือขอความเห็นกรณีดังกล่าวมายังตน ในฐานะอธิบดีใหม่ ซึ่งต่อมา ได้ข้อสรุปเป็นหนังสือแจ้งไปยังกรรมการและผู้จัดการ บริษัทศรีสุบรรณฟาร์ม จำกัด เมื่อวันที่ 1 ธ.ค. 2551 ว่า ที่ดินของศรีสุบรรณฟาร์ม 59 แปลงนั้น มีจำนวน 11 แปลง ที่คำอุทธรณ์ของบริษัทศรีสุบรรณฟังไม่ขึ้น และได้ยกอุทธรณ์ในส่วนนี้ เท่ากับยืนยันให้เพิกถอน ส่วนที่ดินอีก 48 แปลง ออกโดยชอบ แต่เมื่อมีการยื่นอุทธรณ์ต่อศาล จึงให้รอผลคำพิพากษาของศาล จนกว่าคดีจะถึงที่สุด
กรมที่ดินได้รับหนังสือจากกระทรวงมหาดไทยให้ยกอุทธรณ์ของบริษัทศรีสุบรรณฟาร์ม คือหมายความว่าอุทธรณ์ที่เขาแย้งว่ากรมที่ดิน ไม่สามารถเพิกถอนได้ฟังไม่ขึ้น นั่นก็คือต้องเพิกถอนจำนวน 11 แปลง ก็คือ นส.3.ก.876 ,887 ,891, 897,900, 909, 917 ,918, 1009, 1020, 1021 แต่อีก 48 แปลงที่เหลือ ซึ่งตั้งอยู่ที่อำเภอคีรีรัฐนิคม สุราษฏร์ธานี ต้องรอผลคำพิพากษาของศาลยุติธรรม ที่บริษัทได้ฟ้องผู้บุกรุกจนกว่าคดีจะถึงที่สุด ซึ่งตอนนี้ได้ส่งหนังสือไปให้ศรีสุบรรณทราบความเห็นของกระทวงมหาดไทยแล้ว ซึ่งหากจะโต้แย้งคำอุทธรณ์ก็ต้องยื่นต่อศาลปกครอง นครศรีธรรมราชภายใน 90 วันนับแต่ได้รับหนังสือ
นายอนุวัฒน์กล่าวว่า ในส่วนความคืบหน้าการดำเนินการเพิกถอนสิทธิ์ที่ดิน สนามกอล์ฟอัลไพน์และโครงการหมู่บ้านอัลไพน์ ที่ปทุมธานีนั้น ขณะนี้ยังอยู่ในขั้นตอนเรียกดูกระบวนการโอนที่ดินและการออกเอกสารสิทธิที่ดินย้อนหลัง ซึ่งปัญหาเกิดขึ้นจากการที่ปลัดกระทรวงมหาดไทยในขณะนั้น(นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ์ ปัจจุบันเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ) มีความเห็นว่า ไม่ควรเพิกถอนกรรมสิทธิ์ที่ดิน แต่ฝ่ายผู้เสียหาย คือ วัดธรรมาภิการาม ไม่ใช้สิทธิ์ยื่นอุทธรณ์คำสั่งปลัด ใน 90 วัน ตาม พ.ร.บ.วิธีพิจารณาความทางการปกครอง หลังจากกรมที่ดินได้ทำความเห็น สอดคล้องกับมติคณะกรรมการกฤษฏีกาว่าที่ดินดังกล่าวเป็นที่ดินธรณีสงฆ์เท่ากับว่า กระบวนการฟ้องร้องเรียกคืน ผู้เสียหายเสียสิทธิ์ไปแล้ว
อธิบดีกรมที่ดินกล่าวว่าสิ่งที่ต้องพิจารณาต่อไป คือ กระบวนการทางกฎหมาย อื่นๆ เช่น การตรวจสอบดำเนินการของเจ้าหน้าที่ ว่าออกเอกสารสิทธิ์โดยชอบหรือไม่ และกระบวนการทางกฎหมายนั้น มีผลเชื่อมโยงให้สามารถนำที่ดินคืน เจ้าของได้หรือไม่ ซึ่งเรื่องความชอบธรรมของเจ้าหน้าที่ ยังอยู่ในชั้น ป.ป.ช.ตรวจสอบ
ทั้งนี้ ในส่วนของกรมที่ดินเอง คาดว่า ใช้เวลา 1-2 สัปดาห์ จะสรุปเรื่องนี้ ได้เห็นภาพมากขึ้นโดยจะรีบเร่งรายงานให้นายถาวร เสนเนียม รมช.มหาดไทย ( มท.3 ) ที่ดูแลกรมที่ดินทราบการสรุปเรื่องของกรมที่ดินซึ่งนายถาวรได้สั่งการเรื่องนี้ ให้กรมที่ดินไปตรวจสอบเป็นกรณีพิเศษ
กำลังให้ฝ่ายกฎหมายสรุปอยู่ว่าการโอนที่ดินจากผู้บริจาคมาให้คนซื้อถูก หรือไม่ถูก เดิมกรมที่ดินสั่งให้เพิกถอน อัลไพน์กับคนที่ซื้อบ้านก็อุทธรณ์ ปลัดก็ยืนตามอุทธรณ์แต่ทางวัดไม่ยอมไปยื่นเรื่องภายใน 90 วัน ขั้นตอนก็สิ้นสุดแล้ว แต่ในทางกฎหมายบ้านเมือง การกระทำของเจ้าหน้าที่บ้านเมืองชอบหรือไม่ชอบ ต้องมาดูกัน ป.ป.ช.ก็สอบไป ผมไม่สามารถให้ความเห็นต้องรอทางป.ป.ช. ก่อน ส่วนความคืบหน้าการตรวจสอบการเพิกถอนเอกสารสิทธิของนักการเมืองตระกูลชิดชอบ โดยเฉพาะนายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฏร ที่เขาชะโดง จังหวัดบุรีรัมย์ อธิบดีกรมที่ดิน กล่าวว่า ตรวจสอบได้ระดับหนึ่ง พบว่ามีอยู่แปลงหนึ่ง เนื้อที่น้อยแล้วไปออกโฉนดเนื้อที่มาก กรมที่ดินได้เสนอให้เพิกถอนแล้ว แต่จำรายละเอียดไม่ได้
ทั้งนี้ที่ดินบุรีรัมย์แยกเป็นสองกลุ่มอีกกลุ่มหนึ่งกำลังรอการรถไฟแห่งประเทศไทยยืนยัน เพราะเป็นเรื่องของการรถไฟฯร้องมายังกรมให้ตรวจสอบ เขากำลังตรวจสอบอยู่ในเรื่องท้ายพระราชกฤษฏีกา กรมได้สอบถามไปที่การรถไฟฯ เพื่อให้ส่งพระราชกฤษฏีกาที่มีการออกโฉนดทับที่การรถไฟฯ มายืนยันกับกรมที่ดิน ล่าสุดเขายังไม่ตอบกลับมา ถ้าผิดจริงก็ต้องดำเนินการแก้ไขที่ตรงนี้เป็นร้อยๆ แปลง แต่ที่เราเจอแล้วที่ให้เพิกถอนมีประมาณ 4 ไร่แต่ไปออกโฉนดถึง 10 ไร่ ที่จำได้ก็พบว่าใกล้กับที่ดินของท่าน ที่แน่ๆก็คือมีหนึ่งกรณีแล้วที่กรมที่ดินจะเพิกถอน
ที่ดินต่างๆที่เป็นของนักการเมือง ผมยืนยันว่าทุกอย่างทำไปตามข้อเท็จจริง เพราะถ้าเรามีอะไรเราจะเป็นฝ่ายโดนเอง ต้องยืนไปตามกฎหมาย กรณีของศรีสุบรรณ ยืนยันว่ารองปลัดกระทรวงมหาดไทยได้สั่งให้ยืนตามความเห็นกรมที่ดินคือเมื่อ 1 ธันวาคม 2551 ซึ่งทำก่อนรัฐบาลชุดนี้จะเข้ามา เพียงแต่ผมเพิ่งได้รับรายงาน เลยไม่รู้ว่า กระทรวงเขาทำความเห็นมาแล้ว 11 แปลงของศรีสุบรรณก็ต้องถอนเพราะไม่มีเอกสาร อะไรมาลบล้าง อีก 48 แปลงถ้าเราไม่ทำตามคำสั่งศาลก็คงไม่ได้ ถ้าผมทำตามหลักการ การเมืองเขาก็มีคุณธรรม คือผิดก็คือผิด เขาไม่ได้ตามขู่อะไร สมมุติถ้าผมสั่งความเห็นเอาใจฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่มีหลักอิง ผมก็โดนป.ป.ช.เอาผิด แม้ผมจะเกษียณไปแล้วก็ยังเอาผิดได้ ผมยอมพ้นจากตำแหน่งอธิบดีกรมที่ดินดีกว่าจะไปเป็นจำเลยในชั้นป.ป.ช. ผมไม่อยากเล่นด้วยหรอก ทุกอย่างก็ต้องทำตามกฎหมาย
นายอนุวัฒน์ กล่าวว่า ซึ่งในขณะที่มีกระบวนการอยู่ ตนได้เข้ารับตำแหน่งอธิบดีกรมที่ดิน ทางปลัดกระทรวงได้ทำหนังสือขอความเห็นกรณีดังกล่าวมายังตน ในฐานะอธิบดีใหม่ ซึ่งต่อมา ได้ข้อสรุปเป็นหนังสือแจ้งไปยังกรรมการและผู้จัดการ บริษัทศรีสุบรรณฟาร์ม จำกัด เมื่อวันที่ 1 ธ.ค. 2551 ว่า ที่ดินของศรีสุบรรณฟาร์ม 59 แปลงนั้น มีจำนวน 11 แปลง ที่คำอุทธรณ์ของบริษัทศรีสุบรรณฟังไม่ขึ้น และได้ยกอุทธรณ์ในส่วนนี้ เท่ากับยืนยันให้เพิกถอน ส่วนที่ดินอีก 48 แปลง ออกโดยชอบ แต่เมื่อมีการยื่นอุทธรณ์ต่อศาล จึงให้รอผลคำพิพากษาของศาล จนกว่าคดีจะถึงที่สุด
กรมที่ดินได้รับหนังสือจากกระทรวงมหาดไทยให้ยกอุทธรณ์ของบริษัทศรีสุบรรณฟาร์ม คือหมายความว่าอุทธรณ์ที่เขาแย้งว่ากรมที่ดิน ไม่สามารถเพิกถอนได้ฟังไม่ขึ้น นั่นก็คือต้องเพิกถอนจำนวน 11 แปลง ก็คือ นส.3.ก.876 ,887 ,891, 897,900, 909, 917 ,918, 1009, 1020, 1021 แต่อีก 48 แปลงที่เหลือ ซึ่งตั้งอยู่ที่อำเภอคีรีรัฐนิคม สุราษฏร์ธานี ต้องรอผลคำพิพากษาของศาลยุติธรรม ที่บริษัทได้ฟ้องผู้บุกรุกจนกว่าคดีจะถึงที่สุด ซึ่งตอนนี้ได้ส่งหนังสือไปให้ศรีสุบรรณทราบความเห็นของกระทวงมหาดไทยแล้ว ซึ่งหากจะโต้แย้งคำอุทธรณ์ก็ต้องยื่นต่อศาลปกครอง นครศรีธรรมราชภายใน 90 วันนับแต่ได้รับหนังสือ
นายอนุวัฒน์กล่าวว่า ในส่วนความคืบหน้าการดำเนินการเพิกถอนสิทธิ์ที่ดิน สนามกอล์ฟอัลไพน์และโครงการหมู่บ้านอัลไพน์ ที่ปทุมธานีนั้น ขณะนี้ยังอยู่ในขั้นตอนเรียกดูกระบวนการโอนที่ดินและการออกเอกสารสิทธิที่ดินย้อนหลัง ซึ่งปัญหาเกิดขึ้นจากการที่ปลัดกระทรวงมหาดไทยในขณะนั้น(นายยงยุทธ วิชัยดิษฐ์ ปัจจุบันเป็นหัวหน้าพรรคเพื่อไทย ) มีความเห็นว่า ไม่ควรเพิกถอนกรรมสิทธิ์ที่ดิน แต่ฝ่ายผู้เสียหาย คือ วัดธรรมาภิการาม ไม่ใช้สิทธิ์ยื่นอุทธรณ์คำสั่งปลัด ใน 90 วัน ตาม พ.ร.บ.วิธีพิจารณาความทางการปกครอง หลังจากกรมที่ดินได้ทำความเห็น สอดคล้องกับมติคณะกรรมการกฤษฏีกาว่าที่ดินดังกล่าวเป็นที่ดินธรณีสงฆ์เท่ากับว่า กระบวนการฟ้องร้องเรียกคืน ผู้เสียหายเสียสิทธิ์ไปแล้ว
อธิบดีกรมที่ดินกล่าวว่าสิ่งที่ต้องพิจารณาต่อไป คือ กระบวนการทางกฎหมาย อื่นๆ เช่น การตรวจสอบดำเนินการของเจ้าหน้าที่ ว่าออกเอกสารสิทธิ์โดยชอบหรือไม่ และกระบวนการทางกฎหมายนั้น มีผลเชื่อมโยงให้สามารถนำที่ดินคืน เจ้าของได้หรือไม่ ซึ่งเรื่องความชอบธรรมของเจ้าหน้าที่ ยังอยู่ในชั้น ป.ป.ช.ตรวจสอบ
ทั้งนี้ ในส่วนของกรมที่ดินเอง คาดว่า ใช้เวลา 1-2 สัปดาห์ จะสรุปเรื่องนี้ ได้เห็นภาพมากขึ้นโดยจะรีบเร่งรายงานให้นายถาวร เสนเนียม รมช.มหาดไทย ( มท.3 ) ที่ดูแลกรมที่ดินทราบการสรุปเรื่องของกรมที่ดินซึ่งนายถาวรได้สั่งการเรื่องนี้ ให้กรมที่ดินไปตรวจสอบเป็นกรณีพิเศษ
กำลังให้ฝ่ายกฎหมายสรุปอยู่ว่าการโอนที่ดินจากผู้บริจาคมาให้คนซื้อถูก หรือไม่ถูก เดิมกรมที่ดินสั่งให้เพิกถอน อัลไพน์กับคนที่ซื้อบ้านก็อุทธรณ์ ปลัดก็ยืนตามอุทธรณ์แต่ทางวัดไม่ยอมไปยื่นเรื่องภายใน 90 วัน ขั้นตอนก็สิ้นสุดแล้ว แต่ในทางกฎหมายบ้านเมือง การกระทำของเจ้าหน้าที่บ้านเมืองชอบหรือไม่ชอบ ต้องมาดูกัน ป.ป.ช.ก็สอบไป ผมไม่สามารถให้ความเห็นต้องรอทางป.ป.ช. ก่อน ส่วนความคืบหน้าการตรวจสอบการเพิกถอนเอกสารสิทธิของนักการเมืองตระกูลชิดชอบ โดยเฉพาะนายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฏร ที่เขาชะโดง จังหวัดบุรีรัมย์ อธิบดีกรมที่ดิน กล่าวว่า ตรวจสอบได้ระดับหนึ่ง พบว่ามีอยู่แปลงหนึ่ง เนื้อที่น้อยแล้วไปออกโฉนดเนื้อที่มาก กรมที่ดินได้เสนอให้เพิกถอนแล้ว แต่จำรายละเอียดไม่ได้
ทั้งนี้ที่ดินบุรีรัมย์แยกเป็นสองกลุ่มอีกกลุ่มหนึ่งกำลังรอการรถไฟแห่งประเทศไทยยืนยัน เพราะเป็นเรื่องของการรถไฟฯร้องมายังกรมให้ตรวจสอบ เขากำลังตรวจสอบอยู่ในเรื่องท้ายพระราชกฤษฏีกา กรมได้สอบถามไปที่การรถไฟฯ เพื่อให้ส่งพระราชกฤษฏีกาที่มีการออกโฉนดทับที่การรถไฟฯ มายืนยันกับกรมที่ดิน ล่าสุดเขายังไม่ตอบกลับมา ถ้าผิดจริงก็ต้องดำเนินการแก้ไขที่ตรงนี้เป็นร้อยๆ แปลง แต่ที่เราเจอแล้วที่ให้เพิกถอนมีประมาณ 4 ไร่แต่ไปออกโฉนดถึง 10 ไร่ ที่จำได้ก็พบว่าใกล้กับที่ดินของท่าน ที่แน่ๆก็คือมีหนึ่งกรณีแล้วที่กรมที่ดินจะเพิกถอน
ที่ดินต่างๆที่เป็นของนักการเมือง ผมยืนยันว่าทุกอย่างทำไปตามข้อเท็จจริง เพราะถ้าเรามีอะไรเราจะเป็นฝ่ายโดนเอง ต้องยืนไปตามกฎหมาย กรณีของศรีสุบรรณ ยืนยันว่ารองปลัดกระทรวงมหาดไทยได้สั่งให้ยืนตามความเห็นกรมที่ดินคือเมื่อ 1 ธันวาคม 2551 ซึ่งทำก่อนรัฐบาลชุดนี้จะเข้ามา เพียงแต่ผมเพิ่งได้รับรายงาน เลยไม่รู้ว่า กระทรวงเขาทำความเห็นมาแล้ว 11 แปลงของศรีสุบรรณก็ต้องถอนเพราะไม่มีเอกสาร อะไรมาลบล้าง อีก 48 แปลงถ้าเราไม่ทำตามคำสั่งศาลก็คงไม่ได้ ถ้าผมทำตามหลักการ การเมืองเขาก็มีคุณธรรม คือผิดก็คือผิด เขาไม่ได้ตามขู่อะไร สมมุติถ้าผมสั่งความเห็นเอาใจฝ่ายใดฝ่ายหนึ่งไม่มีหลักอิง ผมก็โดนป.ป.ช.เอาผิด แม้ผมจะเกษียณไปแล้วก็ยังเอาผิดได้ ผมยอมพ้นจากตำแหน่งอธิบดีกรมที่ดินดีกว่าจะไปเป็นจำเลยในชั้นป.ป.ช. ผมไม่อยากเล่นด้วยหรอก ทุกอย่างก็ต้องทำตามกฎหมาย