“สดศรี” ทำนายเลือกตั้งซ่อม 26 เขต หนีไม่พ้นทายาท-เจ้าของพื้นที่เดิมครองเก้าอี้ เหตุกลุ่มการเมืองมีจำกัด เชื่อ การแข่งขันจะรุนแรง เพราะทั้งฝ่ายค้านและรัฐบาลต้องการเสียงเพิ่ม คาด ทำยอดผู้ใช้สิทธิเกิน 70% ยันไม่มีซื้อขายโควตา ส.ส.
นางสดศรี สัตยธรรม กรรมการการเลือกตั้งด้านกิจการพรรคการเมือง กล่าวถึงการเลือกตั้งซ่อมในวันที่ 11 ม.ค.นี้ ว่า เท่าที่ดูผู้สมัครที่ลงสมัครเลือกตั้งซ่อม 29 คน 26 เขต 22 จังหวัด นั้น มีพรรคการเมืองไม่กี่พรรคที่ส่งผู้สมัครลงแข่งขัน และผู้สมัครส่วนใหญ่มีนามสกุลเดียวกับนักการเมือง หรือเป็นญาติของผู้ถูกเพิกถอนสิทธิเลือกตั้งจากคำสั่งยุบพรรคการเมือง ซึ่งเป็นเรื่องที่เข้าใจกันดีว่าการเมืองมีกลุ่มจำกัด เป็นเรื่องที่จะต้องมีการพัฒนาพรรคการเมือง และนักการเมืองให้รู้สึกว่าการเข้าสู่การเมืองไม่ใช่การผูกขาด ประชาชนทั่วไปสามารถเข้าสู่สนามการเมืองได้ โดย กกต.ก็มีโครงการสถาบันพัฒนาพรรคการเมืองและการเลือกตั้งที่จะจัดตั้ง เพื่อวางรากฐานให้ประชาชนเข้าใจการเข้าสู่การเมือง
นางสดศรี กล่าวอีกว่า การเลือกตั้งซ่อมในวันที่ 11 ม.ค.ตนเชื่อว่า จะมีการแข่งขันกันอย่างรุนแรง เพราะจำนวน ส.ส.29 คน ที่จะได้มา จะเป็นตัวที่ทำให้คะแนนเสียงระหว่างพรรครัฐบาลกับฝ่ายค้านก้ำกึ่งกันมากขึ้น แต่ละพรรคจะพยายามหาเสียงและให้ประชาชนออกมาใช้สิทธิ จึงคาดว่า จะมีผู้มาใช้สิทธิเกินร้อยละ 70 ซึ่งจังหวัดที่คาดว่าจะมีการแข่งขันกันสูง คือ จ.สมุทรปราการ เพราะที่ผ่านมามีการร้องเรียนกันมาก ส่วนจังหวัดในภาคอีสาน และภาคเหนือ ไม่น่าจะมีการแข่งขันสูงมากนัก เนื่องจากเป็นฐานเสียงของเจ้าของพื้นที่เดิม อย่างไรก็ตาม เรื่องของการขายโควตาให้กับพรรคอื่นตามที่เป็นข่าวนั้น ไม่น่าจะมี เพราะทุกพรรคคงพยายามให้ได้ ส.ส.ของตัวเองกลับมา เพียงแต่เปลี่ยนตัวผู้สมัครเท่านั้น พร้อมกันนี้ กกต.ยังจะประสานงานกับทางตำรวจในการดูแลผู้สมัคร หากผู้สมัครคนใดคิดว่าไม่ปลอดภัยและมีการร้องขอเจ้าหน้าที่มาก็จะมีการส่งตำรวจไปช่วยคุ้มครอง
นางสดศรี ยังกล่าวอีกว่า ส่วนเรื่องการทุจริต ตนเห็นว่า ไม่น่ามีเปอร์เซ็นต์สูง เหมือนการเลือกตั้งใหญ่ เนื่องจากว่าเป็นจังหวัดที่ กกต.ส่งองค์กรเอกชนและเจ้าหน้าที่ไปดูแลอยู่แล้ว และ กกต.ก็ทำงานด้วยความเป็นกลางมาตลอด แต่การที่ถูกมองว่าเข้าข้างบางพรรค เป็นเรื่องธรรมดา
“การวินิจฉัยของ กกต.เรายึดตามพยานหลักฐาน และความหมายของคำว่า เชื่อได้ว่า การร้องเรียนต่างๆ ที่จะมีตามมา น่าจะเป็นแบบเดิม แต่เชื่อว่า องค์กรเอกชนมาช่วยตรวจสอบจะทำให้การซื้อสิทธิขายเสียงลดน้อยลง การเลือกตั้งเพียง 22 จังหวัด จะทำให้มีเจ้าหน้าที่ดูแลอย่างเพียงพอ และไม่กลัวการหาเสียงแฝงกับการเลือกตั้งท้องถิ่น เพราะมีไม่กี่แห่ง โดยเฉพาะการเลือกตั้งผู้ว่าฯ กทม.ก็ไม่น่ามีปัญหา” นางสดศรี กล่าว
