“เสธ.แดง” แห้ว กกต.ไม่รับจดทะเบียนตั้งพรรค “ขัตติยะธรรม” เหตุรองเลขาธิการไปเป็นสมาชิกพรรคอื่นแล้ว แถมข้อบังคับพรรคยังขัดต่อกฎหมาย เจ้าตัวยังดื้อเตรียมขอยื่นจดใหม่ อ้างเปลี่ยนตัวรองเลขาฯ และข้อบังคับพรรคให้ถูกต้องแล้ว
นางสดศรี สัตยธรรม กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ด้านกิจการพรรคการเมือง กล่าวถึงกรณีที่ว่าที่ ร.ต.สุรทัศ จันทิมา พร้อมพวกได้ยื่นจดตั้งพรรคการเมืองในนามพรรค “ขัตติยะธรรม” ต่อนายทะเบียนพรรคการเมืองเมื่อวันที่ 17 พ.ย.2551 ว่า พรรคดังกล่าวมีกรรมการบริหารพรรคจำนวน 9 คน โดยมีว่าที่ ร.ต.สุทัศ เป็นหัวหน้าพรรค และมี นายอธิปรัฐ กาญจนสุวรรณ เป็นเลขาธิการพรรค โดย พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล หรือ เสธ.แดง ผู้ทรงคุณวุฒิประจำกองทัพบก เป็นผู้สนับสนุนให้มาจัดตั้งเพื่อรองรับการเล่นการเมืองของตนเองในอนาคต หลังจากที่ได้ตรวจสอบจากนายทะเบียนพรรคการเมืองแล้ว ปรากฏว่า นายทะเบียนไม่สามารถตอบรับให้จดแจ้งเป็นพรรคการเมืองได้ เนื่องจากมีรองเลขาธิการอยู่หนึ่งคน ไปเป็นสมาชิกพรรคอื่นแล้ว ประกอบกับข้อบังคับของพรรคที่ส่งมาจำนวน 6 ข้อขัดต่อกฎหมาย เมื่อนายทะเบียนพรรคการเมืองเห็นแล้วว่าเมื่อข้อบังคับพรรคผิดกฎหมาย จึงไม่จำเป็นต้องดูส่วนประกอบอื่น และได้ส่งหนังสือแจ้งตอบกลับไม่ยังผู้เสนอจดตั้งพรรคแล้ว
ด้าน พล.ต.ขัตติยะ กล่าวว่า ทางพรรคได้รับทราบและได้ดำเนินการแก้ไขในสิ่งที่ไม่ถูกต้องทั้งในเรื่องรองเลขาธิการพรรค ซึ่งไปเป็นสมาชิกพรรคประชาราช ก็ได้เปลี่ยนตัวแล้ว รวมทั้งเขียนข้อบังคับให้สอดคล้องกับกฎหมาย รวมทั้งมีการเปลี่ยนคำบงคำที่คิดว่าไม่เหมาะสม เช่น สโลแกนของพรรค ที่เดิมใช้ว่า “พูดได้ คิดได้ ทำไม่ได้” เป็น “พูดได้ คิดได้ ต้องทำได้” เพื่อกระตุ้นให้คนเลือก และยังเปลี่ยนโลโก้เอาสัญลักษณ์ที่เกี่ยวกับทหารออกไปและจะยื่นจดแจ้งพรรคเข้ามาใหม่
นางสดศรี กล่าวถึงการตั้งพรรคการเมือง ว่า เคยมีการพูดกันว่าการที่มีคนรวมกัน 15 คน ตั้งพรรคการเมืองนั้นง่ายไป น่าจะตั้งเป็นกลุ่มการเมืองกันก่อนแล้วทำกิจกรรมทางการเมืองสัก 2 ปี จึงจะมีจดทะเบียนจัดตั้งได้ แต่ก็มีผู้แย้งว่าจะเป็นการเปิดโอกาสให้พรรคการเมืองที่ตั้งอยู่แล้วขายหัวพรรคได้ง่าย ดังนั้น ควรให้มีการแข่งขันกันโดยให้มีการตั้งพรรคการเมืองได้ง่าย แต่ก็มีการออกกฎหมายยุบพรรคการเมืองกรณีกรรมการบริหารพรรคทุจริตการเลือกตั้ง และในอนาคตจะมีพรรคการเมืองถูกยุบไปจำนวนมาก เนื่องจากไม่แจ้งบัญชีค่าใช้จ่ายตามกฎหมายกำหนด ซึ่งหลังจากนั้น ก็ควรจะมีการพิจารณาว่าสมควรมีการปรับปรุงรัฐธรรมนูญปี 2550 หรือไม่ เพื่อให้พรรคการเมืองเข้มแข็งไม่ถูกยุบโดยง่าย