“สนธิ” เปิดใจส่งท้ายปี ย้อนความเป็นมา 193 วันแห่งการต่อสู้ จุดเริ่มต้นจากปี 48 หลังรายการเมืองไทยรายสัปดาห์ถูกถอดจากช่อง 9 เพราะหันมาวิพากษ์วิจารณ์ “ทักษิณ” นำไปสู่การจัดตั้งพันธมิตรฯ ขับไล่ ก่อนถูกทหารชิงปฏิวัติ 19 ก.ย.เพราะกลัวถูกปลด แล้วตั้ง“สุรยุทธ์”เข้ามานั่งรอระบอบทักษิณฟื้นกลับมาใหม่ ซ้ำ กกต.บางคนถูกซื้อ ถ่วงเรื่องแจกใบแดง “ยงยุทธ” จน พปช.ได้ตั้งรัฐบาล เตรียมแก้ รธน.เพื่อ “แม้ว” พันธมิตรฯ ต้องอกมาไล่ ย้ำความพินาศฉิบหาย 1 ปีที่ผ่านมา เพราะ 2 ใน 5 กกต.เป็นต้นเหตุ เผยยังให้โอกาส “มาร์ค” รอ 3 เดือน ประเมินผล
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง สนธิเปิดใจ เบื้องหลัง 193 วันแห่งการต่อสู้
นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย เปิดใจในรายการ “พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย” ทางสถานีโทรทัศน์ “เอเอสทีวี” คืนวันส่งท้ายปีเก่า 31 ธันวาคม 2551 ถึงที่มาที่ไปก่อนออกมานำประชาชนสู้กับรัฐบาลนอมินีระบอบทักษิณ 193 วัน ตั้งแต่ 25 พ.ค.ถึง 3 ธ.ค.51 ที่ผ่านมา
“สวัสดีครับคุณแอน จินดารัตน์ แล้วก็พ่อแม่พี่น้องที่อยู่ในห้องส่ง พ่อแม่พี่น้องที่ไม่ได้ออกไปเคาต์ดาวน์อะไรกับเขาแล้วก็นั่งอยู่ที่บ้าน ตลอดจนพ่อแม่พี่น้องที่อยู่ในต่างประเทศ วันนี้เป็นวันพิเศษจริงๆ เพราะว่า ธรรมดานั้นวันที่ 31 โทรทัศน์จะไม่มีอะไรนอกจากเอาเทปออกมาฉายกัน แล้วออกไปเที่ยวเตร่กัน แต่ผมคิดว่า ครอบครัวพันธมิตรฯ นั้น เรื่องเที่ยวเตร่รู้สึกลดน้อยลงไปเยอะไม่ค่อยสนใจเท่าไหร่นัก ผมก็เลยคิดอยู่ในใจว่า จริงๆ แล้วเรื่องราวเกี่ยวกับการเมืองนั้น พ่อแม่พี่น้องหลายๆ ท่านอาจจะยังไม่เข้าใจว่าจะต้องมาเล่าทบทวนกันใหม่ ทบทวนกันยังไง ทบทวนกันว่า ตั้งแต่ปี 2549 50 51 นั้นเราผ่านอะไรกันมาบ้าง ไม่ค่อยอยากจะให้รู้เฉพาะ 193 วันเท่านั้น เพราะว่ากันที่มันจะมาถึง 193 วันนั้น มันมีความไม่ชอบมาพากลอะไรเกิดขึ้น ผมจะได้สรุปให้พ่อแม่พี่น้องฟังว่า จริงๆ แล้วเราสู้กันมา 193 วันนั้น นอกจากชอบธรรม ถูกต้องแล้ว ยังเป็นการช่วยชาติและป้องกันชาติด้วย บางครั้งพ่อแม่พี่น้องอาจจะนึกถึงแค่ 193 วัน แต่จริงๆ แล้วมันมีมูลเหตุก่อนที่จะเกิด 193 วัน นอกจากนั้นแล้ว ในช่วงหลังที่คุณแอนพูดนั้น วันนี้เป็นวันที่ มันไม่ใช่เรื่องเปิดใจผมหรอก มันเป็นเรื่องที่ คุณแอนจะคุยกับผมในเรื่องหลายเรื่องที่ไม่ใช่เรื่องการเมือง แล้วจะเอาเบื้องหน้าเบื้องหลังมาซักไซ้ไล่เรียง ซึ่งคุณแอนก็กระเหี้ยนกระหือแล้วรับมีดดาบ รับหอก
เนื่องจากเป็นวันปีใหม่ ก็เลยมีของขวัญเล็กๆ น้อยๆ มาให้พ่อแม่พี่น้อง แต่ว่าเนื่องจากพ่อแม่พี่น้องที่มานั้นเยอะเกินไป ก็เลยต้องใช้วิธีจับสลาก สำหรับรูปของผม ยกตัวอย่างให้ฟัง รูปมีลายเซ็นให้ด้วยนะครับ แล้วก็ ลงวันที่ 31 เดือน 12 รูปมีอยู่ประมาณ 36 ชิ้น แต่ว่าท่านใดไม่ได้จะแจกปฏิทินให้แทน ปฏิทินหมดแล้วเอาผ้าทรงพระเจริญพร้อมลายเซ็นให้ เอาเป็นว่าพ่อแม่พี่น้องที่มาห้องส่งทุกท่านจะได้รับของกัน ไม่ว่าจะนั่งในห้องนี้หรืออยู่ข้างนอกนะครับ หวังว่าไม่อยู่ที่บ้านแล้วรีบนั่งแท็กซี่มานะครับ
ก่อนที่เราจะพูดถึงเรื่อง 193 วันนั้น ผมอยากจะให้พ่อแม่พี่น้องทบทวนเรื่องราวต่างๆ หลายๆ ท่านเพิ่งจะมาร่วมขบวนการกับเราเมื่อปี 2551 แต่หลายๆ ท่านมาร่วมตั้งแต่ปี 2548 แล้ว 2548 นั้น ทุกอย่างเริ่มต้นด้วยการสั่งยกเลิกรายการเมืองไทยรายสัปดาห์ ที่ผมและคุณแอ้ม สโรชา พรอุดมศักดิ์ ได้ออกรายการมาทุกๆ วันศุกร์ ที่ อสมท ช่อง 9 อย่างที่ผมได้เรียนให้พ่อแม่พี่น้อง และท่านผู้ชม และหลายๆ ท่านรับทราบมาก่อนล่วงหน้า หลายท่านยังไม่ทราบก็ถือโอกาสรับทราบไปด้วยก็ได้ เมืองไทยรายสัปดาห์ ช่วงแรกที่ออกนั้น ออกมาประมาณ 2 ปีกว่า ตอนแรกวัตถุประสงค์ก็ดี คือต้องการให้เป็นรายการที่จะช่วยเหลือ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ให้บริหารชาติบ้านเมืองไป รายการนั้นเป็นรายการที่ พยายามที่จะอธิบายการทำงานของคุณทักษิณ หรือพูดอีกนัยหนึ่งก็คือ แก้ตัวแทนเขา เหตุผลก็เพราะว่า เราไปเข้าใจว่า เขารวยแล้วเขาไม่โกง เขาตั้งใจที่จะทำงานให้ชาติบ้านเมือง ซึ่งถือว่าเป็นบาปอันหนึ่งที่เกิดขึ้นจากตัวผมเอง แล้วก็พี่ลองด้วยนะครับ พล.ต.จำลอง ศรีเมือง ซึ่งท่านบอกว่าท่านเป็นคนสร้างทักษิณออกมา ท่านปล่อยยักษ์ออกจากขวด ท่านก็ต้องจับยักษ์กลับเข้าใส่ขวดเหมือนเดิม
ในการทำรายการเมืองไทยรายสัปดาห์นั้นในช่วงแรกๆ นั้น ถ้าจำไม่ผิดทำตั้งแต่ปี 2546 45 ต่อ 46 ทำไปได้สักปีกว่าๆ ตัวผมเองก็เริ่มจะอึดอัดใจ อึดอัดมาก ที่อึดอัดเพราะมีความรู้สึกว่าตัวเองนั้นกำลังแก้ตัวให้ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร และบางครั้งแก้ตัวเสร็จเรียบร้อยแล้วหันมามองดูสิ่งซึ่งคุณทักษิณนั้นทำ เรามีความรู้สึกว่า เรากำลังโกหกแทนเขาหรือเปล่า ทำไปก็ไม่สบายใจไป จนกระทั่งมีอยู่ครั้งหนึ่ง เป็นเรื่องการแปรรูปรัฐวิสาหกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการไฟฟ้าฝ่ายผลิตฯ ผมเองต้องพูดกับพ่อแม่พี่น้องอย่างตรงไปตรงมาว่า ช่วงนั้นก็ทำผิดพลาดไป คือไปปกป้องคุณทักษิณในเรื่องของการแปรรูป ไม่ได้มีอะไรเสียหายคนเราถ้าทำผิดแล้วยอมรับผิด ก็ยอมรับออกมา มันผิด ผิดแล้วยังไง ไม่ผิดแล้วยังไง เมื่อผิดแล้วก็ต้องขอโทษ แล้วก็ต้องรับโทษทัณฑ์ไป โทษทัณฑ์ในฐานะที่ตัวเองนั้นไปปกป้องคุณทักษิณ สิ่งที่สะเทือนใจผมมากที่สุด ก็คือวันที่ผมแก้ตัวแทน พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร เรื่องการแปรรูปการไฟฟ้าฝ่ายผลิตนั้น มีแพทย์คนหนึ่งซึ่งเป็นสุภาพสตรี เกษียณอายุแล้ว เขียนจดหมายส่วนตัวมาหาผม ท่านเขียนธรรมดาสามัญมาก ท่านบอกว่า คุณสนธิเป็นคนที่มีความสามารถในการพูด สามารถที่จะพูดให้คนชั่วเป็นคนดีได้ พูดให้ความผิดดูเหมือนถูกได้ คุณสมบัติอันนี้ อิทธิพลอันนี้ ความสามารถอันนี้ น่าจะมาใช้ให้เป็นประโยชน์กับประเทศชาติ ไม่ใช่เอามาปกป้องการแปรรูปรัฐวิสาหกิจ โดยเฉพาะอย่างยิ่งการไฟฟ้าฝ่ายผลิต ดิฉันไม่เห็นด้วยกับการแปรรูป เมื่อฟังคุณสนธิพูดแล้วยังอดคล้อยตามไม่ได้ว่าแปรรูปมันดีนะ แต่สติมันดึง ทำให้ตัวเองนั้นหันกลับมาแล้วบอกว่า มันไม่ถูก ดิฉันเลยเขียนจดหมายมาเพื่อจะให้คุณสนธิรู้จักใช้ความสามารถของตัวเอง และความเชี่ยวชาญเฉพาะด้านทางด้านนี้ให้เป็นประโยชน์กับชาติบ้านเมืองดีกว่าจะมาปกป้องคนๆ หนึ่ง
ตรงนั้นละครับพี่น้องคือจุดเปลี่ยนในชีวิตของผม ทำให้ผมนั้นมีความรู้สึกว่า ถ้ามีชีวิตอยู่แล้ว มีบ้างต้องพึงกระทำและมีบ้างต้องไม่ทำ ผมคิดว่า สิ่งที่ต้องไม่ทำ คือต้องเลิกปกป้องคุณทักษิณ จากนั้นเป็นต้นมา รายการเมืองไทยรายสัปดาห์จึงเริ่มวิพากษ์วิจารณ์คุณทักษิณโดยตรง สมัยก่อนนั้นจะเป็นการวิพากษ์วิจารณ์คนรอบด้านคุณทักษิณว่า คนพวกนี้ทำให้นายเสีย นายไม่รู้ตัว ช่วงหลังเลยพุ่งเป้าไปที่คุณทักษิณ การพุ่งเป้าไปที่คุณทักษิณทำให้กระบวนการการทำงานของพวกเราอึดอัดใจมาก ประการแรก เราออกที่ช่อง 9 อสมท ซึ่งเป็นช่องรัฐบาล แล้วคุณมิ่งขวัญก็เป็นผู้อำนวยการ อสมท ซึ่งเป็นเด็กในคาถาของคุณทักษิณ คุณคำนูณ คุณแอ้ม พวกเราก็ตกลงใจว่า เราทำกันอาทิตย์ต่ออาทิตย์ หมายความว่า อาทิตย์นี้เราทำแล้วอาทิตย์หน้าเขาสั่งให้เลิกเราต้องทำใจยอมรับไปได้ คุณคำนูณ สิทธิสมาน เป็นผู้ซึ่งภาษาโทรทัศน์เขาเลือกเป็นโปรดิวเซอร์ให้ผม แกจำได้ว่า ทุกๆ ครั้งที่เวลาจะมาวันศุกร์นั้น ผมจะบอกแก่ว่า นูณพี่อยากจะอ้วกเพราะพี่ไม่รู้จะพูดอะไร แล้วก็พี่ทนไม่ไหว เพราะฉะนั้นแล้วจากนี้ไปพี่จะพูดตามความรู้สึกของพี่เองก็แล้วกัน ขอให้พลังศีลธรรม พลังจริยธรรม มันได้เกิดในตัวพี่ก็แล้วกัน นั่นคือที่มาของการที่ ผมเริ่มเป็นกบฏต่อระบอบทักษิณ โดยที่กบฏในระบบของเขาเอง คือในระบบฟรีทีวีของเขา
เหตุการณ์เกิดขึ้นมาเรื่อยๆ จนกระทั่งลูกน้องคุณทักษิณไปฟ้องคุณทักษิณ ไม่ว่าจะเป็นญาติพี่น้องเขา หรือคนใกล้ชิดเขาก็เริ่มวิพากษ์วิจารณ์ เริ่มเพ่งเล็งมา จนกระทั่งผมเองก็รู้ว่ากระบวนการนี้คงจะอยู่ได้ไม่นาน จนในที่สุดก็เลยบอกทาง คุณมิ่งขวัญก็บอกไปว่า ถ้าคุณอยากให้รายการนี้เลิกเมื่อไหร่คุณก็บอกแล้วกัน บอกเงียบๆ แล้วผมจะหยุดไป วันแตกหักนั้นเริ่มมาจากวันที่ คุณทักษิณมีข่าวว่าไปทำพิธีในอุโบสถวัดพระแก้ว โดยทำตัวเปรียบเหมือนเป็นกษัตริย์ นั่งเป็นประธานในพิธี ตลอดจนการแต่งตั้งรักษาการสมเด็จพระสังฆราช โดยเอาสมเด็จเกี่ยว ซึ่งเป็นคนที่ใกล้ชิดกับธรรมกายอย่างสูง และเป็นคนซึ่งให้การสนับสนุนธรรมกาย มาเป็นรักษาการสมเด็จพระสังฆราช ตลอดจนมาถึงเรื่องของ คุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา ซึ่งคุณหญิงจารุวรรณนั้น คุณทักษิณให้กระบวนการทางการเมืองถอดถอนคุณหญิงจารุวรรณ แต่ยังไม่มีหนังสือโปรดเกล้าฯ ให้คุณหญิงจารุวรรณนั้นออกจากตำแหน่ง และคุณทักษิณไปตั้งคนซึ่งเป็นผู้ว่าฯ สตง.คนใหม่ขึ้นไป แล้วส่งหนังสือขึ้นไปให้พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวโปรดเกล้าฯ แต่หนังสือโปรดเกล้าฯ ก็ไม่ลงมาเป็นเดือนๆ ตรงนั้นเป็นจุดแตกหัก จุดแตกหักซึ่งคุณทักษิณไม่พอใจอย่างมาก โกรธ คุณทักษิณกำลังจะเดินทางไปต่างประเทศ ก็เลยตัดสินใจที่จะโทรศัพท์ไปบอกคุณมิ่งขวัญว่าให้ถอดรายการออกทันที ทีนี้การถอดรายการออกทันทีนั้น ถ้ากระซิบบอกผมเหมือนอย่างที่ผมพูดให้ฟังว่า จะหยุดก็หยุดบอกมาแล้วก็จะหยุด แต่ทีนี้คุณทักษิณไม่ต้องการให้ถอดแบบเงียบๆ ต้องการให้ถอดแบบโครมครามแล้วใส่ร้ายป้ายสีผม ก็เลยมีการออกมาแถลงข่าวที่ช่อง 9 แถลงว่า ผมนั้นก้าวล่วงละเมิดพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในการแต่งตั้งคุณหญิงจารุวรรณ อะไรหลายอย่าง จนกระทั่งถึงคุณทักษิณก็ได้วิ่งเต้นให้ทางสำนักพระราชวังเอาหนังสือมาแจ้งให้คุณธงทอง จันทรางศุ ซึ่งเป็น ช่วงนั้นเป็นรองปลัดกระทรวงยุติธรรม แล้วเป็นคนที่อยู่ในระบอบทักษิณ ปัจจุบันยังเป็นคนของคุณทักษิณอยู่ นั่งอยู่ในกรรมการบอร์ด อสมท ออกมาโดยอ้างความใกล้ชิดสนิทสนมกับราชบัลลังก์ แล้วมากล่าวโจมตีผมในทำนองว่าผมนั้นไม่รู้เรื่อง มูลเหตุที่ต้องถอดรายการเพราะเหตุนี้ ด้วยเหตุนี้ผมจึงมีความจำเป็นต้องออกมาแถลงข่าว แล้วชี้แจงให้ประชาชนฟังว่า สิ่งที่ผมทำนั้นไม่ผิด ถ้าพี่น้องจำได้
ถ้าจำไม่ผิดช่วงนั้นเป็นช่วงเดือนกันยายน 2548 หลังจากแถลงข่าวแล้ว ความที่เรามีความรู้สึกว่า ถ้าเราหยุดไปตอนนั้นก็คงไม่มีวันนี้ ชีวิตก็คงจะสงบ อยู่อย่างเงียบๆ ทำมาหากินไป ทำมาหากินอะไรได้ก็ทำ ทำมาหากินอะไรไม่ได้ก็ไม่ต้องทำ แต่เผอิญมโนธรรมและพลังแห่งศีลธรรมและพลังแห่งจริยธรรมนั้นไม่ยอมให้หยุด มันมีความรู้สึกว่า สังคมไทยทั้งสังคมนั้นสยบอยู่ใต้อำนาจคุณทักษิณ คุณทักษิณมีอำนาจจะสั่งให้สังคมหันซ้ายก็ได้หันขวาก็ได้ สื่อมวลชนแทบจะทุก หนังสือพิมพ์แทบจะทุกฉบับ อาจจะยกเว้นหนังสือพิมพ์ไทยโพสต์และหนังสือพิมพ์ผู้จัดการ นอกนั้นอยู่ใต้เงื้อมือคุณทักษิณหมด โทรทัศน์ วิทยุ ทุกอย่าง ไม่มีใครกล้าพูดความจริง ผมมีความรู้สึกว่า ถ้าปล่อยให้เหตุการณ์เป็นเช่นนี้ต่อไปสังคมไทยคงไม่มีที่ยืน
ในที่สุดผมเลยตัดสินใจทำเมืองไทยรายสัปดาห์ สัญจร และนั่นคือที่เกิดของการชุมนุมและทำรายการเมืองไทยรายสัปดาห์สัญจร จากธรรมศาสตร์หอประชุมเล็กสู่หอประชุมใหญ่ และจากหอประชุมใหญ่ก็สู่สวนลุมพินี ในที่สุดเลยตัดสินใจว่า คุณทักษิณนั้นไม่เหมาะจะเป็นนายกรัฐมนตรี เลยเกิดการชุมนุมใหญ่ครั้งแรก ถ้าพี่น้องยังจำได้ที่ลานพระบรมรูปทรงม้า ซึ่งวันนั้นเป็นวันแรกที่ผมได้แปลงร่างของผม จากการที่ผมเป็นนักสื่อสารมวลชนมาเป็นผู้นำการเคลื่อนไหวมวลชนที่ลานพระบรมรูปทรงม้า โดยก่อนที่จะเกิดการเคลื่อนย้ายมาที่นั่นก็มีการกลั่นแกล้งทางกฎหมาย ไม่ว่าจะเป็นการแจ้งความจับผมโดยกองบังคับการตำรวจภูธร จ.ยโสธร ซึ่งผู้บังคับการจังหวัดเป็นลูกน้องคนสนิทของ พล.ต.ท.ชลอ ชูวงษ์ ซึ่งปัจจุบันนี้ยังมีอำนาจอยู่ในสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แล้วก็คุณชลอ ชูวงษ์ เป็นนายตำรวจรุ่นที่ 26 รุ่นเดียวกับ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ด้วยเหตุนี้ก็มีการกลั่นแกล้งกันมาตลอด ไม่ว่าในแง่กฎหมายหรือในแง่ของการใช้ความเถื่อน โดยมีเจ้าหน้าที่ป่าไม้ ลูกจ้างชั่วคราว ยกคนมาขว้างระเบิดประทัดยักษ์ใส่พวกเรา รวมทั้งหาทางกลั่นแกล้งทุกวิถีทาง
ด้วยจิตใจที่มุ่งมั่น อย่างไรก็ตาม ถ้าเราเอาธรรมนำหน้า เอาความจริงนำหน้า เอาความถูกต้องนำหน้ายังไงเราก็ไม่แพ้ เราก็เลยเดินเอาธรรมนำหน้าตลอด แม้กระทั่งจะถูกข่มขู่ฆ่า ถูกตามไปลอบสังหาร หลังจากมีการจัดรายการเมืองไทยรายสัปดาห์ ที่วัดป่าบ้านตาด ซึ่งพ่อแม่ครูบาอาจารย์ คือหลวงตามหาบัว ท่านก็มีเมตตาสูง ให้จัดได้ที่วัด ซึ่งเป็นครั้งแรกในประวัติศาสตร์วัดป่าบ้านตาด ที่อนุญาตให้มีการจัดรายการทางการเมือง หลวงตาท่านก็มาเดินตรวจดูความเรียบร้อย หลังจากนั้นมากระแสก็เริ่มเกิดขึ้น อย่างที่ผมบอกพ่อแม่พี่น้องตลอดเวลาว่า เมื่อมีการจุดเทียนเล่มแรกขึ้นมาแล้ว คนที่จุดเทียนเล่มแรกต้องบาดเจ็บ และต้องมีอันเป็นไป ลำบากลำบน เดี๋ยวผมขอพักสักครู่ สัก 3 นาที เพราะเดี๋ยวจะต้องขออนุญาตเอาเก้าอี้มาให้ผมนั่งสักนิดหนึ่ง เพราะว่าขาขวามันชา แล้วก็มันรู้สึก กระดูกทับไขสันหลัง ขอพักสัก 3 นาที แล้วเดี๋ยวค่อยกลับมาอีกที
ช่วงที่2
ครับกลับมาอีกครั้งนะครับ หลังจากนั้นแล้วการต่อสู้ก็เข้มข้นเรื่อยๆ คุณทักษิณไม่หยุดยั้งในการพยายามกลืนประเทศไทย ด้วยเหตุนี้ พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ตอนนั้นเลยมีการจะเข้ามาร่วมบูรณาการการต่อสู้กัน เลยมีการจัดสรรกัน พี่พิภพ ธงไชย ก็มาจากสาย NGO ส่วนพี่สมศักดิ์ มาจากสายแรงงาน แล้วเป็นตัวแทนของสหพันธ์ คุณพิภพ คุณสมศักดิ์ ร่วมกับหมอเหวง ให้จำเอาไว้นะครับ ตอนนั้น เหวง โตจิราการ ก็เป็นหนึ่งในกระบวนการการต่อต้านและต่อสู้คุณทักษิณ แล้วก็มี พี่จำลอง ศรีเมือง ผมจำได้ว่า ได้คุยกันแล้วพี่จำลองบอกว่า อยากจะเข้ามาร่วมด้วย เพราะพี่จำลองรู้สึกผิดที่ตัวเองเป็นคนสร้างคุณทักษิณขึ้นมา นั่นคือเหตุผลของการเกิด พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยขึ้นมา แล้วมีการชุมนุมกัน หลังจากนั้นเป็นประวัติศาสตร์ของการขับไล่คุณทักษิณ ซึ่งเป็นการชุมนุมอย่างสงบและสันติตลอดเวลา และการชุมนุมอย่างสงบและสันติขณะนั้นไม่มีเหตุการณ์ร้ายแรงอย่างที่เกิดขึ้นในปี 2551 ด้วยเหตุผลที่ว่า คุณทักษิณยังมีความมั่นใจว่าตัวเองยังกุมอำนาจรัฐได้ทุกอย่าง ไม่ว่าจะเป็น ตำรวจ ทหาร การเมือง คุณทักษิณเลยมองการชุมนุมในช่วงนั้นเป็นเรื่อง คนจรจัด จำได้ใช่ไหมที่เขาเคยว่าเราเป็นพวกจรจัด ไม่มีความหมาย คุณทักษิณไม่เคยให้ความสำคัญกับการเมืองภาคประชาชนเลยแม้แต่นิดเดียว ส่วนหนึ่งที่คุณทักษิณไม่ให้ความสำคัญกับการเมืองภาคประชาชน ก็เพราะว่า ในบรรดาที่ปรึกษาคุณทักษิณนั้นก็มีบรรดาฝ่ายซ้ายร่วมอยู่ด้วยเยอะ คนที่เคยเข้าไปในป่า ไม่ว่าจะเป็น นายแพทย์พรหมินทร์ เลิศสุริย์เดช หรือนายจาตุรนต์ ฉายแสง นายเกรียงกมล เลาหะไพโรจน์ คนพวกนี้เป็นพวกเคยสัมผัสมวลชนและเคยสร้างมวลชนมา รวมไปถึงนายจตุพร พรหมพันธุ์ แล้วนายวีระ มุสิกพงศ์ ในตอนนั้น เขาเรียกว่า ม้านอกสายตาอยู่ เขายังไม่ใช้ ยังไม่มีหน้าที่อะไรที่ต้องเอามาใช้ รวมไปถึง นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ซึ่งเป็นใครก็ไม่รู้ในขณะนั้น ยังไม่ได้ผุดไม่ได้เกิดจากวงการสภาโจ๊ก ปรากฏว่า การต่อสู้ระหว่างฝ่ายซ้าย ที่เคยทำงานมวลชนมาก่อน ซึ่งอยู่ข้างคุณทักษิณ กับภาคประชาชนของเรา ก็สู้กันอย่างเข้มข้น เราสู้อย่างชิงไหวชิงพริบ ในการต่อสู้นั้นหลายต่อหลายครั้งเราเกือบจะพ่ายแพ้เขา พ่ายแพ้แบบไหน เพราะเขายืนหยัดการต่อสู้ในระบอบรัฐสภา เราก็ไม่ได้ขัดข้อง เพียงแต่รัฐสภาที่คุณมีนั้นเป็นรัฐสภาในลักษณะเผด็จการรัฐสภาไม่ได้เป็นประชาธิปไตยที่แท้จริง พวกนี้จะอ้างหาเหตุตลอดเวลาในการทำงาน
แต่เผอิญโชคร้ายของประเทศชาติ แต่โชคดีของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ตรงที่ว่า คุณทักษิณยังไม่หยุดยั้งความโลภ ในการที่จะสูบเอาเลือดเนื้อของชาติบ้านเมืองไป เพราะฉะนั้นโครงการต่างๆ ก็เกิดขึ้นตลอดเวลา ถึงแม้เราจะประท้วงอยู่ ไม่ว่าจะเป็นการปล่อยเงินกู้ให้พม่า 4,000 ล้านบาท เรื่องหวยบนดิน มันเลยทำให้คนที่เริ่มเห็นว่า สิ่งที่เราสู้นั้นไม่ชอบธรรม ก็เริ่มเข้าใจเรามากขึ้น หลายๆ คนค่อยๆ เอนเอียงมาทางเรา แต่ปริมาณการเอนเอียงนั้นไม่มากพอ จนกระทั่งเราเองก็ชุมนุมอยู่ที่สนามหลวงมาหลายวันหลายคืน และเราเองต้องยอมรับว่าตอนนั้นเราไม่มีประเด็นอะไรมาสู้คุณทักษิณอีกต่อไป เพราะว่าเขาใช้รูปแบบความหน้าด้าน ความไม่สนใจ เขาถือว่าผมมาจากการเลือกตั้ง ผมมีเสียงประชาชน 16 ล้านเสียง คุณคือใครคุณไม่มีสิทธิ์ ถ้าคุณแน่จริงคุณลงไปเลือกตั้ง จังหวะดี คนคำนวณไม่สู้ฟ้าลิขิต เขาขายหุ้นเขา 76,000 ล้าน แล้วเขาไม่ยอมเสียภาษีเลยแม้แต่บาทเดียว
จริงๆ แล้ววัตถุประสงค์เขาขายหุ้นครั้งนั้น เขาขายหุ้นเพียงเพื่อต้องการให้คนเห็นว่า ผมไม่เกี่ยวแล้วนะกับธุรกิจด้านโทรคมนาคม ผมจะมาเล่นการเมืองเต็มตัว แต่ความโลภ ความเห็นแก่ตัว ยังทำให้เขาดิ้นรนไม่ยอมเสียภาษีให้รัฐแม้แต่บาทเดียว นั่นคือมูลเหตุที่ทำให้คนหลายๆ คนซึ่งวางตัวเป็นกลาง ไม่เข้าใจเรา เริ่มเข้าใจเรามากขึ้น จนกระทั่งในที่สุดก็เข้ามาหาเรา มาร่วมกับเรา แล้วทำให้กระบวนการภาคประชาชนเจริญเติบโตขึ้นมาชนิดที่เรียกว่าห้ามไม่ได้ ทำให้ปริมาณคนที่เข้ามาร่วมต่อสู้นั้นมากขึ้น และคนทุกชนชั้น ทุกวงการ ทุกสังคม ได้เข้ามาร่วมต่อสู้กัน ตรงนี้แหละทำให้คุณทักษิณกลัว
เมื่อคุณทักษิณกลัวก็เลยไม่รู้จะทำอย่างไร เลยคิดวิธีการง่ายๆ ก็คือ ใช้ลักษณะกระบวนทัศน์ของการยุบสภา เพื่อเป็นการแก้เกม นั่นคือการยุบสภา เขาต้องการยุบสภาทันที เพื่อให้ประชาชนที่เขาไปซื้อหรือเขาไปลงทุนทางการเมือง เลือกเขามามากกว่าเก่า จาก 16 ล้านเสียง ให้มี 18 หรือ 19 ล้านเสียง แล้วเขาจะได้อ้างว่า ประชาชน 19 ล้านเสียงนั้นเลือกเขาเข้ามามากกว่าครั้งแรก เพราะฉะนั้นเมื่อมากกว่าครั้งแรกหรือครั้งที่ 2 แล้ว พวกจรจัดทั้งหลายที่ประท้วงอยู่สนามหลวง ต้องยุติไป แต่เผอิญโชคดีว่า เหมือนกับการที่ไม่ยอมเสียภาษี 76,000 ล้าน การเลือกตั้งนั้นก็ไม่กล้าจะให้เวลานานนัก เลยให้เวลาเพียง 45 วันเท่านั้นเอง การให้เวลา 45 วัน เหมือนเป็นการมัดมือชก เลยทำให้พรรคการเมืองหลายพรรคในขณะนั้นมีความรู้สึกว่า เขาเล่นเกมที่ไม่ยุติธรรม เพราะฉะนั้นแล้วการเลือกตั้งครั้งนี้เลยเริ่มจากเจตนาที่ไม่บริสุทธิ์ยุติธรรม เขาเลยบอยคอตไม่ลงเลือกตั้ง ไม่ว่าจะเป็นพรรคประชาธิปัตย์ หรือพรรคชาติไทย ซึ่งในขณะนั้น คุณบรรหารยังเป็นคนที่มีสติ และมีสัมปชัญญะที่ดีอยู่ ไม่เหมือนตอนนี้ ด้วยเหตุนี้ คุณทักษิณเลยไม่มีทางเลือก เมื่อไม่มีทางเลือกเลยจำเป็นต้องเอาพรรคตัวเองลงเลือกตั้ง แต่การที่พรรคของตัวเองลงเลือกตั้งพรรคเดียวนั้นมันจะดูน่าเกลียด ก็เลยเกิดที่มาของพรรคนอมินีต่างๆ
เป็นที่น่าสังเกตว่า ที่คุณทักษิณสามารถจะยึดครองประเทศไทยทางการเมืองได้เพราะว่า 1. ใช้นโยบายประชานิยม ใช้ภาษีอากรของประชาชนนั้นไปซื้อรากหญ้า และในขณะเดียวกันไปบริหารจัดการ กกต. ซึ่งเป็นกรรมการในการเลือกตั้ง ซึ่งเราก็รู้แล้วปัญหาของสามหนาห้าห่วงอยู่ที่ไหน ในที่สุดก็มีการฟ้องร้องกัน และก็มาในที่สุดแล้ว คุณทักษิณเองถูกความกดดันอย่างหนัก พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว พระองค์ทรงให้ศาลนั้นออกมาจัดการใช้กฎหมายอย่างเที่ยงตรง ตรงไปตรงมา ศาลเลยมีมติว่า การเลือกตั้งครั้งนั้นไม่บริสุทธิ์ยุติธรรม เลยให้เป็นโมฆะไปเพื่อให้มีการเลือกตั้งใหม่ คุณทักษิณเลยเสียพื้นที่ไปมาก ทำให้คุณทักษิณต้องถดถอยออกไปเยอะ จนกระทั่งตัวเองนั้น สรุปง่ายๆ ตัวเองก็ไปขอเข้าเฝ้าฯ พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ในเวลานั้น วัตถุประสงค์เพื่อไปแจ้งว่า ขอลาออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรี ซึ่งเป็นประเด็นสำคัญของการต่อสู้ เหมือนที่เราต่อสู้ให้คุณสมัครลาออก ให้คุณสมชายลาออก แต่คุณทักษิณไปเข้าเฝ้าฯ แล้วไปกราบบังคมทูลว่าขอลาออก แล้วพอกลับมาที่ทำเนียบรัฐบาล หลังจากนั้นอีก 2 วัน ก็บอกไม่ออกแล้ว ขอแค่พักร้อนเฉยๆ นี่คือความตระบัดสัตย์ของคุณทักษิณ และความที่ยังคงต้องการครอบครองอำนาจอยู่ เขาก็เลยตั้งให้ พล.ต.อ.ชิดชัย วรรณสถิตย์ ซึ่งเป็นคนในระบอบทักษิณเช่นกัน ที่จะเข้ามาดูแลแทนเขา โดยที่เขายังสั่งการอยู่ข้างหลัง ที่เหลือก็เป็นประวัติศาสตร์ไป โดยที่คุณทักษิณนั้น ความขัดแย้งรุนแรงระหว่างภาคประชาชนกับคุณทักษิณ
ขัดแย้งรุนแรง จนในที่สุดแล้วคุณทักษิณเริ่มไม่ไว้ใจทหาร ก็คือ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ตอนนั้น พล.อ.สนธิ เป็นผู้บัญชาการทหารบก และ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ตอนนั้นเป็น พล.ท. เป็นแม่ทัพภาคที่ 1 แล้วคุณทักษิณพยายามวิ่งเต้นโยกย้ายทหารเพื่อที่จะไม่ให้คุณอนุพงษ์ขึ้นมา แต่ว่าคุณอนุพงษ์ได้รับการสนับสนุนจากผู้หลักผู้ใหญ่ขึ้นมาเป็นแม่ทัพภาคที่ 1 ในที่สุดคุณทักษิณก็พ่ายแพ้ในเรื่องทหารไป คุณทักษิณเลยบินไปมหานครนิวยอร์ก เพื่อไปประชุมองค์การสหประชาชาติ แล้ววางแผนจะกลับมาหลังจากประชุมเสร็จ แล้วอย่างที่ทราบกันภายในว่า เมื่อคุณทักษิณกลับมาแล้วคุณทักษิณจะย้าย พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน และ พล.ท.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ออกจากแม่ทัพภาคที่ 1 และนั่นคือที่มาของการยึดอำนาจ พี่น้อง
การยึดอำนาจในปี 2549 เดือนกันยายน 19 ก.ย.นั้น ไม่ได้ยึดอำนาจเพราะต้องการเข้าข้างประชาชน พี่น้องจำเอาไว้ เขาไม่เคยยืนข้างพวกเรา เขายึดอำนาจครั้งนี้เพราะเขากลัวถูกย้าย พี่น้องจำเอาไว้เลย เพราะฉะนั้นแล้ว พล.อ.สนธิ กลัวถูกย้าย พล.ท.อนุพงษ์ ก็กลัวถูกย้าย ด้วยเหตุนี้ นี่คือที่มาว่าทำไมช่วงหลังทหารถึงต้องเอาใจนักการเมือง เพื่อไม่ให้ตัวเองถูกย้าย เพราะการเป็นทหาร ผู้บัญชาการนั้น มีผลประโยชน์อยู่มากมาย ไม่ว่าจะเป็นงบในการซื้ออาวุธ
ด้วยเหตุนี้ การยึดอำนาจของทหารครั้งนั้นก็เลยไม่มีเจตนารมณ์ของการปฏิรูปทางการเมืองอย่างแท้จริง ไม่มีเจตนารมณ์ของการล้างระบอบทักษิณอย่างแท้จริง พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน และพล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ คือผู้ที่เป็นกุญแจสำคัญในการก่อให้เกิดวิกฤตในปี 2551 พี่น้องต้องจำเอาไว้ อย่าไปพลาด วิกฤตที่เกิดขึ้นมานั้นมันมีที่มาที่ไป ที่มาที่ไปคือ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ไม่ได้ทำหน้าที่เป็นหัวหน้าคณะปฏิวัติด้วยความเต็มใจ ด้วยความจริงใจ และไม่ได้ทำด้วยความสบายใจ แต่ทำเพื่อตัวเองและพรรคพวกตัวเอง ก็คือนายทหารรุ่น 6 เตรียมทหารรุ่น 6 เท่านั้นเอง พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ อยากจะมีอำนาจเป็นนายกรัฐมนตรี เข้ามาก็เพียงต้องการให้ผ่านพ้นไป ขอเพียงให้ตัวเองได้เป็นนายกรัฐมนตรีเท่านั้นเอง และเร่งร่างรัฐธรรมนูญเพื่อให้มีการเลือกตั้งใหม่ คนพวกนี้ไม่ทราบว่าจะไร้เดียงสาทางการเมืองหรือโง่อย่างบริสุทธิ์ หรือว่าฉลาดแกมโกง ดูไม่ออก รู้อย่างเดียว
คนพวกนี้มองปัญหาง่ายๆ ว่าขอยึดอำนาจแล้ว มีอำนาจอยู่ในมือแล้ว คุณทักษิณจะไม่กล้าทำอะไรทั้งสิ้น โดยคนพวกนี้ไม่เข้าใจถึงรากเหง้าของระบอบทักษิณซึ่งฝังลงไปลึก 6 ปีที่เขาอยู่ในอำนาจนั้นเขาฝังลงไปลึก ไม่ใช่เฉพาะรากหญ้า แต่เขาฝังลงไปลึกถึงระบบราชการ ไม่ว่าจะเป็นทหาร ตำรวจ เจ้าหน้าที่กระทรวงต่างๆ คนเหล่านี้มีความรู้สึกว่า ถ้าปฏิวัติมีอำนาจแล้วก็จบ ประกอบกับ คุณสุรยุทธ์ จุลานนท์ ขับรถไม่เป็นก็เลยใส่แต่เกียร์ว่างตลอดเวลา เลยทำให้ประเทศชาติไม่เดินหน้าไปไหนเลยแม้แต่นิดเดียว ยังคงอยู่เหมือนเดิม ระบอบทักษิณคงอยู่เหมือนเดิม เป็นเพียงแต่เปลี่ยนรัฐมนตรีเท่านั้นเอง รัฐมนตรีก็เอาตัวรอด รัฐมนตรีบางคนก็ทำหน้าที่ทำมาหากินต่อจากระบอบทักษิณ เพียงแต่ว่าขนาดของการทำมาหากินนั้นไม่ใหญ่เท่าคุณทักษิณ แต่ก็มีการรับประทาน ทำมาหารับประทานในเรื่องโครงการต่างๆ ต่อเนื่องกันไป
ที่สังเกตได้ง่ายๆ คือ กระทรวงคมนาคม กระทรวงคมนาคมในยุค พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ไม่มีอะไรเปลี่ยนแปลงเลยแม้แต่นิดเดียว ไม่มีการเปลี่ยนแปลง ไม่มีการแก้ไข ถ้าจะมีก็มีเพียงรัฐมนตรีเพียงไม่กี่คนเท่านั้นเองที่ตั้งใจทำงาน และหนึ่งในไม่มีกี่คนนั้นก็คือ รัฐมนตรีสิทธิชัย โภคัยอุดม รัฐมนตรีกระทรวงไอซีที ท่านเป็นคนทำงานจริง ท่านเป็นคนซึ่งส่งให้กฤษฎีกาตีความว่า สัญญาระหว่างไทยคมกับกระทรวงไอซีทีนั้นผิดหรือเปล่า เพราะไทยคมทำผิดเงื่อนไขหลายประการ ดาวเทียมชินแซท ทำผิดเงื่อนไขหลายประการ ปรากฏส่งไปที่กฤษฎีกาให้ตีความ ปรากฏว่ามีผู้ใหญ่ในรัฐบาล ใหญ่มากๆ โทรไปบอกกฤษฎีกากรุณาอย่าตีความ เพราะถ้าตีความแล้ว ในที่สุดชินแซทจะต้องถูกยกเลิกสัมปทาน แล้วรัฐบาลไทยจะยึดดาวเทียมไทยคมคืนมา แต่คนในรัฐบาลชุด พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ใหญ่มากๆ อย่าให้ผมเอ่ยชื่อ เป็นคนโทรไปเอง
นี่คือข้อเท็จจริงที่เกิดขึ้นในสังคมไทย ซึ่งจำเป็นต้องมาเล่าให้พ่อแม่พี่น้องฟัง ว่าเมื่อเขายึดอำนาจวันที่ 19 เราก็หยุดชุมนุมเลย ทั้งๆ ที่เราเตรียมจะชุมนุมวันที่ 20 อยู่แล้ว เขามายึดก่อนล่วงหน้า เขามายึดก่อนเพื่ออะไร เพื่ออ้างการชุมนุมของเราวันที่ 20 ว่าถ้าเขาไม่เข้ามายึดอำนาจแล้วจะมีการนองเลือด เพราะฉะนั้นเขาก็อ้างตรงนี้ ทั้งๆ ที่ไม่มีอะไรเลยเขาก็มายึด แต่ในขณะเดียวกัน คนของเราตายไป 8 คน บาดเจ็บ 700 กว่าคน พิการไป 10 กว่าคน เขาก็นั่งเฉยๆ เพราะฉะนั้นแล้วเขามีมาตรฐานซึ่งเขาทำตามใจของเขาเอง เขาพอใจจะทำแบบนั้นเขาก็ทำ เขาไม่พอใจจะทำเขาก็ไม่ทำ พี่ต้องจะเห็นได้ชัด ถ้าเข้าใจเรื่องราวพวกนี้ต้องดูให้ดี
เมื่อคุณทักษิณถูกยึดอำนาจไปแล้ว คุณทักษิณก็วางยุทธศาสตร์ยังไง คุณทักษิณวางยุทธศาสตร์ว่า ต้องรีบเร่งให้มีการเลือกตั้งโดยเร็ว เพราะเขารู้ว่าเมื่อมีการเลือกตั้งโดยเร็วแล้วเขาจะกลับมามีอำนาจอีกครั้งหนึ่งอย่างแน่นอนที่สุด แล้วเขาจะใช้อำนาจทางการเมืองเข้ามาแก้กฎหมาย เข้ามาดำเนินการเพื่อให้เขาหลุดจากเรื่องราวต่างๆ ซึ่งเขาเคยโดนกล่าวหามาตลอดเวลา นั่นคือที่มาว่าทำไมคนในพรรคพลังประชาชน คนของระบอบทักษิณ ถึงออกมาชมเชยพล.อ.สุรยุทธ์ กันทุกวัน สมัยนั้น จำได้รึเปล่าพี่น้อง ชมเชยว่าคุณสุรยุทธ์เป็นคนดี คุณสุรยุทธ์เน้นเรื่องประชาธิปไตย คุณสุรยุทธ์นั้น ไม่มีใครตำหนิคุณสุรยุทธ์แม้แต่นิดเดียว ชมเชยคุณสุรยุทธ์ คุณสุรยุทธ์ก็ยิ้มแก้มป่อง ยิ้มตลอดเวลา บอกดี ผมต้องการให้มันจบ ผมต้องการให้มีการเลือกตั้ง เขามองว่า เมื่อมีการเลือกตั้งทุกอย่างมันจบ โดยที่เขาไม่ได้พิจารณาเลยว่า ระบอบทักษิณนั้นได้หว่านเงินมัดจำลงไปในที่ต่างๆ เรียบร้อยแล้ว ตั้งแต่มีการทำประชามติเรื่องรัฐธรรมนูญ 2550 นั่นคือการวางมัดจำไว้กับหัวคะแนนต่างๆ แล้วระบอบทักษิณใช้เงินหลายพันล้านบาทจะแจกจ่าย พี่น้องอย่าลืมว่า ระบอบทักษิณ ครั้งแรกที่ถูกยึดอำนาจไปนั้น บรรดาอดีตรัฐมนตรีของเขาหลายคนมีเงินเป็นถุงเป็นถัง รัฐมนตรีบางคนถูกค้นบ้าน ปรากฏว่าซ่อนเงินอยู่ในกำแพง สร้างกำแพง 2 ชั้นเอาเงินไว้ข้างใน แล้วถูกยึด ถูกอม ถูกยักยอกไปโดยคนที่เข้าไปค้นด้วย รู้เห็นเป็นใจกัน
เพราะฉะนั้นแล้วนี่คือวาระที่ทำให้ระบอบทักษิณยังคงมีชีวิตอยู่แล้วเข้มแข็งไม่อ่อนแอลงไปเลยแม้แต่นิดเดียว เพราะระบอบทักษิณสามารถจะใช้เงินใช้ทองในระบอบได้ ให้กับคนซึ่งยังมีจิตใจพร้อมจะรับสินบาทคาดสินบนได้ตลอดเวลา พี่น้องไม่เคยสังเกตอะไรหรือ ว่าคนบางคนถูกข้อกล่าวหาว่าคอร์รัปชั่นที่กระทรวงคมนาคม แต่ไม่โดนดำเนินคดีซะที เพราะคนๆ นั้นยัดเงิน จ่ายเงินจ่ายทองให้ทหารบางคน ให้รัฐมนตรีบางคน ให้คนบางคนในรัฐบาลสุรยุทธ์ เพื่อไม่ให้ดำเนินคดีอะไรทั้งสิ้น ด้วยเหตุนี้การปล้นชาติปล้นแผ่นดินนั้น เมื่อปล้นชาติปล้นแผ่นดินไปแล้วคนปล้นก็มีเงินอยู่ในกระเป๋า แล้วพอมีรัฐบาลมายึดอำนาจ เขาก็เอาเงินก้อนนั้น เศษเนื้อติดกระดูก โดยให้รัฐมนตรีและคนมีอำนาจชุดใหม่เข้ามา เพื่อจะให้อยู่เฉยๆ เพราะสิ่งที่เขาต้องการคือ ต้องการซื้อเวลาให้มีการเลือกตั้ง
แล้วในการเลือกตั้งก็กลับมาถึง ในการเลือกตั้งนั้นผมส่วนตัวรู้อยู่แล้วว่ายังไงพรรคพลังประชาชนต้องได้ร้อยเปอร์เซ็นต์ ต้องมาที่ 1 ผมไม่เคยคิดว่าพรรคประชาธิปัตย์จะได้ เหตุผลคือ เครือข่ายเขามีพร้อม แม้กระทั่งสื่อมวลชนในช่วงนั้นยังเป็นของเขาอยู่ พี่น้องจำได้หรือเปล่า ผมเคยเล่าให้พี่น้องฟังว่า รัฐบาลชุด พล.อ.สุรยุทธ์ ให้ผมออกช่อง 11 เป็นเวลา 11 วันเท่านั้นที่ผมเอาความจริงในสังคมมาเล่าให้สังคมไทยฟัง เริ่มวันที่ 1 ผมก็โดนด่า วันที่ 2 เสียงด่าก็มีมาก วันที่ 3 น้อยลงๆ เพราะคนเริ่มรู้ความจริง ไม่ว่าจะเป็นการทุบตีประชาชนที่หน้าเซ็นทรัลเวิลด์ หรือเรื่องราวต่างๆ เรื่องของคนภาคเหนือถูกพิษของการเปิดเสรีกับการค้าจีน ทำให้คนปลูกระเทียม ปลูกหอมต้องพังทลายไป ความจริงเริ่มโผล่ออกมา จนกระทั่งวันที่ 11 พล.อ.สุรยุทธ์ โทรศัพท์มาหาผมด้วยตัวเอง บอกว่า รายการที่คุณสนธิออกนั้นขอให้หยุดนับตั้งแต่วันพรุ่งนี้เป็นต้นไป เพราะฉะนั้นแล้วอันนี้คือคำตอบเห็นชัดว่า การเอาปัญญาสู่ประชาชนเป็นสิ่งซึ่งคุณทักษิณไม่ต้องการ เพราะถ้าปัญญาไปถึงประชาชนเมื่อไหร่แล้ว ระบอบทักษิณจะขายไม่ได้ จะออกไม่ได้ จะเกิดไม่ได้ เพราะฉะนั้นแล้วเขาก็ใช้ จนกระทั่งวันนี้ก็ยังไม่มีเหตุผล ผมเชื่อว่า พล.อ.สุรยุทธ์ ก็ไม่สามารถให้คำตอบได้ว่า ทำไมคุณถึงสั่งหยุดรายการนี้ ทั้งๆ ที่เป็นรายการที่ให้ปัญญากับประชาชน ด้วยเหตุนี้พี่น้องจะเห็นว่า ระบอบทักษิณพร้อมจะซื้อคนนู้นพร้อมจะซื้อคนนี้ ทั้งหมดนี้เป็นการปูพื้นให้คุณทักษิณพร้อมจะกลับมา คุณทักษิณเองปฏิเสธตลอดเวลาว่าไม่เล่นการเมือง พรรคพลังประชาชนไม่ใช่พรรคของเขา เดี๋ยวผมจะเล่าให้ฟังว่า ทุกอย่างที่เกิดขึ้นจนกระทั่งวันนี้ เป็นฝีมือคุณทักษิณ ชินวัตร คนเดียวเท่านั้นเอง และทุกวันนี้พิสูจน์ได้ชัดไม่ต้องปฏิเสธกันแล้ว พรรคพลังประชาชนก็คือนอมินีของคุณทักษิณ ทุกอย่าง
เมื่อพรรคพลังประชาชนเกิดขึ้น ยังโชคดีที่ยังมีคนซึ่งอยู่ในระบบราชการที่ไม่เอาคุณทักษิณ และต้องการเอาความยุติธรรมเข้ามา ปัญหาที่เกิดขึ้นในปี 2551 ปัญหาที่เกิดขึ้นจริงๆ คือการที่ กกต.ไม่ได้ทำหน้าที่ของตัวเอง การที่ กกต. 2 คนใน 5 คนถูกคุณทักษิณซื้อไปเรียบร้อยแล้ว ด้วยการให้เงินให้ทองเป็นร้อยๆ ล้าน บางคนได้เพชรไป บางคนก็ได้หลายๆ อย่างไป เพราะฉะนั้นจะเห็นได้ชัดว่า กกต. เมื่อ กกต.จะต้องเป็นคนซึ่งคอยตรวจสอบที่มาที่ไปของ ส.ส. แต่ กกต.ไม่ทำหน้าที่ หรือทำหน้าที่ไม่เต็มที่ เหมือนกรณีคุณยงยุทธ ติยะไพรัช คุณยงยุทธ ติยะไพรัช โดนตำรวจสันติบาลที่ กกต.เป็นคนตั้ง เข้าไปสอบสวนตรวจสอบ จนกระทั่งจับได้ว่าคุณยงยุทธซื้อเสียง จ้างกำนันมา แล้วคนที่เป็นพยานคือ กำนันชัยวัฒน์ ฉางข้าวคำ ตำรวจที่ทำคดีนี้ทำเรื่องแล้วส่งไปที่ กกต.ทันที กกต.เมื่อดูหลักฐานแล้วสามารถตัดสินใจได้ทันที หลักฐานนี้ส่งไปให้ก่อนมีการเลือกตั้งซะอีก เพราะฉะนั้น กกต.สามารถให้ใบแดงคุณยงยุทธได้ทันที สามารถให้ใบแดงได้ แล้วในฐานะคุณยงยุทธเป็นกรรมการบริหารพรรค สามารถทำเรื่องนี้ส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญพิพากษาตัดสินว่าสมควรยุบพรรคหรือไม่ ซึ่งถ้าเขาทำหน้าที่ที่เขาควรจะทำ โดยที่ไม่รับเงินรับทองจากทักษิณ พรรคพลังประชาชนจะต้องถูกยุบก่อนจะมีการประกาศผลการเลือกตั้งซะด้วยซ้ำ เพราะฉะนั้นแล้วการเมืองจะเปลี่ยนไป การเมืองจะเปลี่ยนประชาชนไม่ต้องออกสู่ท้องถนน การตายของประชาชน 8 คนก็ไม่ต้องมี คนพิการ 10 กว่าคนก็ไม่ต้องมี คนบาดเจ็บ 700 กว่าคนก็ไม่ต้องมี
พ่อแม่พี่น้องครับ เราเป็นคนที่รักสงบ มันไม่สนุกหรอกครับที่จะออกไปนอนกลางดินกินกลางทราย เสี่ยงเป็นเสี่ยงตาย โดนปืนยิง โดนเอ็ม 16 ผมไม่สนุกหรอกครับที่ผมไปไหนมาไหนจะต้องมีคนตามฆ่าผมเป็นชุดๆ นั่งดู ASTV อยู่ ไม่สนุกหรอกครับที่นั่งทำงานอยู่แล้วมีการยิงเอ็ม 79 มาจากอีกฝั่งหนึ่งของแม่น้ำ ทั้งหมดนี้ประเทศชาตินี้ฉิบหายเพราะ กกต.เท่านั้นเอง แล้วเป็น กกต.บางคนในชุดปัจจุบันด้วย การที่เขาไม่ยอมส่งเรื่องคุณยงยุทธไปก็ทำให้พรรคพลังประชาชนสามารถจะคงอยู่ได้ พี่น้องนึกดู จากวันซึ่งเขาจับได้ว่าคุณยงยุทธโกงการเลือกตั้งแล้วส่งเรื่องเข้าไป กกต. เมื่อปลายปี 2550 กว่าเขาจะยุบพรรคได้ ก็เอาสักว่าประมาณเดือนธันวาคม พี่น้อง 12 เดือน 12 เดือนชาติบ้านเมืองพินาศฉิบหายไปมากแค่ไหน คุณสมัคร สุนทรเวช เข้ามาปู้ยี่ปู้ยำชาติบ้านเมือง คุณสมชาย วงศ์สวัสดิ์ เข้ามาปู้ยี่ปู้ยำชาติบ้านเมือง มีการโกงกินบ้านกินเมืองมาตลอด เห็นหรือยัง 12 เดือนนี้ไม่ควรจะเกิดขึ้นเลยแม้แต่นิดเดียว ชาติบ้านเมืองไม่ควรพินาศ ไม่ควรมีกระบวนการมาจาบจ้วงพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ไม่ควรจะมีกระบวนการเข้ามาก่อกวน ไม่ควรจะมีกระบวนการเลวทรามต่ำช้าอะไรทั้งสิ้น สังคมควรจะอยู่อย่างสงบ อย่างสันติได้ และชาติบ้านเมืองควรจะมีจริยธรรม ศีลธรรม และเดินหน้าต่อไปได้ เป็นเพราะ กกต.เท่านั้นเอง และเป็นเพราะ กกต. 2 คนที่รับเงินรับทองจากระบอบทักษิณ ผมเลยจำเป็นต้องพูดวันนี้
พี่น้องต้องเข้าใจเหตุการณ์ทั้งหมดซะก่อน ทำไมคุณทักษิณก็รู้ ระบอบทักษิณก็รู้ ก็เลยต้องใช้เงินซื้อ กกต. เพื่อให้ผ่านไป เมื่อผ่านไปแล้วก็มีการเลือกประธานสภา เมื่อผ่านไปแล้วก็มีการจัดตั้งรัฐบาล เสนอชื่อนายกฯ ขึ้นไปทันที คุณสมัคร สุนทรเวช ก็เป็นนอมินี ทำไมคุณทักษิณต้องเอาคุณสมัคร เหตุผลเพราะคุณทักษิณขณะนั้นกำลังโดนกล่าวหาว่า อยู่เบื้องหลังกระบวนการจวบจ้วงสถาบันกษัตริย์ ก็เลยคิดว่า คุณสมัครนั้นเป็นลูกเจ้าพระยา (อาบอบนวด) ก็เลยคิดว่าเอาคุณสมัครมาเป็นแล้ว คุณสมัครคงจะไปโม้ว่า มีความใกล้ชิดกับในรั้วในวังมาก จะทำให้ในรั้วในวังเข้าใจคุณทักษิณว่ายังเป็นคนซึ่งยังจงรักภักดีอยู่ อีกประการหนึ่ง พี่น้องสังเกตไหมว่าทำไม คุณเฉลิม อยู่บำรุง ถึงได้เป็นรัฐมนตรีว่าการกระทรวงมหาดไทย เพราะคุณเฉลิมไปโม้โดยผ่านคอลัมนิสต์หนังสือพิมพ์บางฉบับซึ่งทำงานให้คุณทักษิณเต็มตัวว่า ถ้าเอาคุณเฉลิมขึ้นมาเป็นรัฐมนตรีมหาดไทย คุณเฉลิมจะปราบพวกเราได้ พี่น้องจำได้ใช่ไหมครับที่เขาพูด ที่เขาพูดถึงผมว่ายังไง ที่เขาพูดถึงผมว่า ไอ้ธิ ยังไงก็สู้ไม่ได้ ไอ้ษิณมันชนะแน่นอน มึงแพ้แน่นอน มึงมาเป็นพวกกันดีกว่า ในกระบวนการต่างๆ พวกนี้ มีกระบวนการทั้งเอาคุณเฉลิมเข้ามา เพราะคุณเฉลิมไปสัญญาว่าจะปราบพวกเรา คุณสมัครก็สัญญาจะปราบพวกเรา จนในที่สุดแล้ว ขบวนการที่พยายามจะแก้รัฐธรรมนูญก็แก้ไม่ได้
เราจำเป็นต้องเรียกพวกเรามาชุมนุมกันอีกครั้งหนึ่ง เมื่อเดือนกุมภาพันธ์ ปี 2551 เพราะเราเห็นแล้วว่าไม่ได้ เราต้องฟื้นพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย แล้วเราไม่ได้ฟื้นด้วยความไร้สาระ เราฟื้นเพราะเราเห็นแล้ว เราออกแถลงการณ์ 9 ฉบับ 11 ฉบับเตือนเขาใช่ไหม เราเตือนเขาบอกอย่าทำนะ สิ่งแรกที่เขาทำคือ เขาย้ายอธิบดีดีเอสไอ สุนัย มโนมัยอุดม ไป แล้วเขาเอา พ.ต.อ.ทวี สอดส่อง ซึ่งเป็นคนของคุณทักษิณเข้ามา มาจัดการคดีเอสซี แอสเซท แล้วเขาแกล้งคุณสุนัยถึงขนาดที่เรียกว่า ให้ตำรวจ จ.พระนครศรีอยุธยา ออกหมายจับคุณสุนัย เขาต้องการทำลายชื่อเสียง เขาต้องการกลั่นแกล้งทุกอย่าง เราถึงต้องออกมา บอกว่าไม่ได้ เขาย้าย พล.ต.ต.ชัยยะ ศิริอำพันธุ์กุล ซึ่งเป็นหัวหน้าพนักงานสืบสวนสอบสวน ที่จับคุณยงยุทธ ติยะไพรัช แล้วลูกน้องคุณชัยยะที่ร่วมทำงาน เข้าย้ายกระเด็นหมดไปอยู่ภาคใต้ เขาย้าย พล.ต.ต.ทรงธรรม อัลภาชน์ ผู้การเชียงราย ซึ่งเป็นตัวจักรสำคัญในการสืบเสาะแสวงหาข้อมูลคุณยงยุทธ ย้ายเข้ามาประจำสำนักงานตำรวจแห่งชาติ แล้วย้ายคนของคุณทักษิณไปเป็นผู้การจังหวัดเชียงราย ซึ่งเป็นนายตำรวจรุ่น 34 เป็นรุ่นเดียวกับ พล.ต.ต.ชัยยะ ศิริอำพันธุ์กุล เป็นตำรวจซึ่งร่ำรวยอย่างมหาศาลตอนนี้ มีโรงพยาบาลเป็นของตัวเอง ทั้งๆ ที่ ที่มาที่ไปของฐานะครอบครัวไม่ได้เป็นคนมีเงินมีทอง ไม่ทราบว่าเอามาจากไหน นี่ผมยกตัวอย่างให้พ่อแม่พี่น้องฟัง
ด้วยเหตุนี้เขาเลยทำร้ายทำลาย กลั่นแกล้งหมดทุกอย่าง เพราะเขาต้องการล้างแค้น 2. เขาต้องการล้างแค้นคนซึ่งไปทำเขา ที่ไปทำเขาไม่ได้ทำเขา ไปแสดงจุดยืนที่ถูกต้องในเรื่องความเป็นธรรม คุณทำผิดต้องถูกจับไม่ว่าคุณเป็นใครก็ตาม เสร็จแล้วเขาจะใช้อำนาจทางการเมืองแก้รัฐธรรมนูญ ด้วยเหตุนี้ พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยถึงต้องเกิดขึ้นอีกครั้งหนึ่ง เมื่อเกิดขึ้นอีกครั้งหนึ่ง การรวมตัวการแสดงออกนั้น ถึงจุดสุดท้ายที่จะต้องแตกหัก คือการแสดงออกด้วยการเดินขบวนและปักหลักประท้วง ก็คือการซึ่งเขาจะแก้รัฐธรรมนูญปี 2550 ถ้าไม่มีพวกเรารวมตัวกันที่อนุสาวรีย์ประชาธิปไตยแล้วเดินขบวนไปสะพานมัฆวาน แล้วปักหลักตรงนั้น การแก้รัฐธรรมนูญเรียบร้อยแล้ว แล้วถ้าแก้รัฐธรรมนูญแล้วคุณทักษิณก็ไม่ผิด คดีความต่างๆ ก็หมด สามารถกลับไปได้อีก แม้กระทั่ง 111 ศพของไทยรักไทย สามารถกลับมาเล่นการเมืองได้
เพราะฉะนั้นด้วยเหตุนี้นั่นคือที่มาของพวกเรา เมื่อที่มาของพวกเราเกิดขึ้นแล้ว การต่อสู้ทางภาคประชาชนยิ่งวันยิ่งเข้มข้น ประชาชนทั่วประเทศไทยเริ่มเห็นแล้วว่าเรานั้นต่อสู้เพื่อปกป้องวิถีทางประชาธิปไตยที่แท้จริง ด้วยเหตุนี้เราถึงบอกว่า การเมืองในลักษณะที่คุณทักษิณเล่น เป็นการเมืองที่ไม่ควรมาใช้ต่อในเมืองไทย นั่นคือที่มาของคำว่า ประชาภิวัตน์ นั่นคือที่มาของ การเมืองใหม่ เราไม่ได้ขัดข้องถ้าทหารจะปฏิวัติ เราขัดข้องข้อเดียว ถ้าจะปฏิวัติต้องไม่ปฏิวัติแบบ พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน ถ้าปฏิวัติต้องเปลี่ยนแปลงประเทศไทย ต้องสร้างการเมืองใหม่ ต้องให้ภาคประชาชนมีสิทธิ์มีส่วน และต้องทำเรื่องผิดให้เป็นผิดถูกให้เป็นถูกโดยไม่เว้นหน้าใคร นั่นคือสิ่งซึ่งเราเรียกร้อง เมื่อเราเรียกร้องเช่นนี้แล้ว ทหารซึ่งมีอำนาจอยู่เป็นกลุ่มคนซึ่งกลัวการเมืองใหม่ ที่กลัวการเมืองใหม่ เพราะกลัวว่าการทำงานของทหารถูกตรวจสอบด้วยการเมืองใหม่เข้มข้นกว่าเก่า การซื้ออาวุธ การสร้างทาง การย้ายโรงเรียนโยธินบูรณะเพื่อสร้างสภาใหม่ แล้วใครได้เงินได้ทองจากงบการก่อสร้าง มันไม่สามารถทำได้สะดวกเหมือนสมัยก่อนถ้าการเมืองใหม่เกิดขึ้น ทหารจึงพอใจที่จะเล่นกับการเมืองเก่า ด้วยเหตุนี้กระบวนการเปลี่ยนขั้วจึงเกิดขึ้น เพราะอย่างน้อยที่สุดการเปลี่ยนขั้วครั้งนี้ พล.อ.ประวิตร วงษ์สุวรรณ ซึ่งเป็นเจ้านายของ พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ก็ยังเป็นรัฐมนตรีกลาโหม คุณอนุพงษ์ยังนั่งอยู่ตำแหน่งผู้บัญชาการทหารบกอย่างสบายใจ ต่อไปว่าไม่มีใครมาย้ายเขา นี่คือวิถีทางที่ทหารพอใจการเมืองเก่า
แต่ผมบอกพ่อแม่พี่น้องว่า ยังไงก็ตามเราต้องให้โอกาส คุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และการเมืองเก่าของพรรคประชาธิปัตย์ เพราะว่า ถ้าคุณอภิสิทธิ์ทำได้สำเร็จมันก็ดีไป แต่ถ้าทำไม่สำเร็จ จะเป็นบทพิสูจน์บทสุดท้ายว่า การเมืองเก่านั้นยังไงก็ไปไม่ได้ ถึงแม้ว่าจะได้พรรคที่มีภาพลักษณ์ดี มีนายกฯ ที่มีคุณธรรม เหตุผลก็เพราะว่า องค์ประกอบของการเมืองเก่ามันเน่าเฟะไปหมดแล้ว อุปมาอุปไมยเหมือนปลาที่เน่าทั้งข้องแล้วเอาปลาสดๆ 1 ตัวใส่ลงไป ไม่นานนักปลาสดตัวนั้นต้องเน่าไปด้วย แต่ว่าอย่าเพิ่งไปต่อต้านเขา ผมเป็นคนพูดตลอดเวลาว่า ต้องให้โอกาสคุณอภิสิทธิ์ เพราะว่า คุณอภิสิทธิ์มีชาติวุฒิ คุณวุฒิที่ดี เขาตั้งใจทำงาน ต้องให้กำลังใจ และเปิดโอกาสให้เขาทำงาน
อีกประการหนึ่งที่สำคัญที่สุด พี่น้องจะเห็นว่า 193 วันที่ต่อสู้กันมานั้น ถ้าไม่มีพวกเราอยู่ 193 วัน จะไม่มีเหตุการณ์ที่ก่อให้เกิดขึ้น ศาลจะไม่พิพากษาออกมา ขนาด 193 วันยังใช้เวลาตั้งนานจะพิพากษา ถ้าไม่มีพวกเราเลยเมื่อไหร่ศาลจะพิพากษาออกมาหรือ เพราะการแสดงฉันทามติ การแสดงประชามติด้วยการออกมาประท้วงนั้น อย่างน้อยที่สุดท่านผู้พิพากษาศาลรัฐธรรมนูญ ศาลปกครอง ท่านเห็นแล้วว่าชาติบ้านเมืองอยู่ในวิกฤต ท่านต้องรีบเอาศาลออกมาแก้วิกฤตตรงนี้ ถ้าไม่มีทุกอย่างก็เป็นไปตามสบาย ถ้าไม่มีพวกเราจะมีใครรู้หรือว่า กกต.บางคนคอร์รัปชั่น เพราะฉะนั้นแล้วพวกเราได้ทำทุกอย่าง
อย่างน้อยที่สุด สังคมไทยวันนี้ได้มอง กกต.ด้วยสายตาที่เคลือบแคลงและสงสัย เหมือนอย่างกรณีที่คนเขาบอกว่า ร้องไปที่ กกต.ว่า ส.ส.สัดส่วน สมควรจะต้องถูกยุบไปตามพรรคหรือไม่ กกต.ควรส่งเรื่องนี้ไปให้ศาลรัฐธรรมนูญชี้ขาด แต่ กกต.กลับไม่ส่ง เพราะ กกต.บอกว่า เรื่องนี้ต้องเป็นเรื่องที่ ส.ส.ส่ง จะให้โจรส่งตัวเองเข้าไปให้ตำรวจพิพากษาได้อย่างไร เพราะฉะนั้น กกต.ก็ไม่ได้ทำหน้าที่ที่ตัวเองควรจะทำเช่นกัน เพราะถ้า กกต.ตัดสินใจส่ง ถ้าศาลรัฐธรรมนูญพิพากษาเห็นชัดว่า ส.ส.สัดส่วน ไม่จำเป็นจะต้องยุบไปตามพรรค เป็นมติศาลรัฐธรรมนูญ ก็ให้เป็นมติไป อย่างน้อยเป็นมาตรฐาน ถ้าศาลรัฐธรรมนูญบอกว่า ส.ส.สัดส่วน จำเป็นต้องยุบไปตามพรรคด้วย เพราะฉะนั้นในสภา ส.ส.สัดส่วน จะต้องหายไปอีก 101 คน แล้วจะต้องมีการเลื่อน ส.ส.สัดส่วน ลำดับต่อไปขึ้นมา ในเมื่อ กกต.ไม่ยอมรักษากติกาพวกนี้ เพราะฉะนั้นแล้วชาติบ้านเมืองจะไปหวังพึ่ง กกต.ต่อไปได้อย่างไร แล้วการเลือกตั้งงวดหน้าจะมีความยุติธรรมยังไง เราจะมีความไว้วางใจอย่างไรว่าการเลือกตั้งครั้งต่อไปจะบริสุทธิ์ยุติธรรม ด้วยเหตุนี้ พลังของพี่น้อง พลังของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย จึงเป็นพลังซึ่งต้องไม่หมดสิ้น ต้องยังคงอยู่ เหมือนตอนนี้
พี่น้องครับ พี่น้องที่อยู่ทางบ้านไม่ต้องตกใจ ผมตบโต๊ะเพื่อให้บางคนหายง่วงนอน ก็ขนาดนักการเมืองทำความชั่วยังไม่พ้นสายตาผมแล้วแอบนอนจะพ้นสายตาผมได้ยังไง
เพราะฉะนั้นแล้ว พ่อแม่พี่น้องครับ 3 เดือนข้างหน้าจะเป็น 3 เดือนที่วิกฤต เราต้องให้กำลังใจคุณอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ และพรรคประชาธิปัตย์ ผมคิดว่าพ้น 3 เดือนแล้วเราค่อยมาประเมินกันอีกที
หลายคนถามว่า แล้วผมจะเล่นการเมืองไหม ผมไม่เล่นพี่น้อง ผมจะกราบเรียนพ่อแม่พี่น้องไว้ตรงนี้สักนิดหนึ่ง หลายคน ไม่ว่าจะเป็น คุณเทิดภูมิ ใจดี คุณประพันธ์ คูณมี อยากจะตั้งพรรคการเมือง คุณสุริยะใส ก็อยากจะตั้งพรรคการเมือง ผมมองว่า การเมืองนั้นมันไม่เข้าใครออกใคร ถึงจุดๆ หนึ่งแล้ว ผมเรียนให้พ่อแม่พี่น้องทราบนิดหนึ่ง ถ้าจะไปเล่นการเมือง ถ้ามีอุดมการณ์ร่วมกันผมไม่ขัดข้อง แต่ขอเก็บผมและพี่ลองไว้สัก 2 คนเถอะ หรือว่าขอเก็บผม พี่ลอง พี่พิภพ และพี่สมศักดิ์ เอาไว้สักหน่อย อย่างน้อยที่สุดก็ยังมีบ้านที่ยังอบอุ่น แล้วเป็นบ้านแห่งความเที่ยงตรง บ้านแห่งศีลธรรมจริยธรรมเก็บเอาไว้ เผื่อวันหน้าวันหลังออกไปผจญภัยข้างนอก อกหัก เจ็บตัว คิดถึงบ้านหลังเก่าก็ยังกลับมาได้
เพราะว่าวันนี้คุณไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ มาพบผมหลังจากกลับจากอเมริกา ก็พูดเรื่องการเมือง ผมก็อธิบายให้ฟัง คุณไชยวัฒน์น่าจะรู้ดีที่สุดเคยอยู่พรรคพลังธรรมมาก่อนไม่ใช่หรอ ผมบอกว่า คนเราเวลามีอุดมการณ์ทุกคนก็ร่วมด้วย แต่พอได้สัก 50 - 60 เสียง 70 เสียงแล้ว มันจะมีความเห็น 2 ทาง ทางหนึ่งจะบอกว่า เราจะยึดถืออุดมการณ์ของเรา ต้องไม่เข้าไปร่วมรัฐบาล อีกทางบอก ถ้าไม่ร่วมแล้วจะแก้ไขปัญหาบ้านเมืองได้อย่างไร ต้องเข้าไปร่วมถึงแก้ปัญหาบ้านเมืองได้ พอไปร่วมก็มีตำแหน่งรัฐมนตรีอยู่ 8 ตำแหน่ง คราวนี้ก็ต้องแย่งกันแล้ว ผมถึงบอกว่า เอาเถอะไม่เป็นไร ถ้าจะเป็นนักรบ ขี่ม้าออกไปรบในสงครามต่างๆ ไป ขออวยชัยให้พร ขอให้ไปได้ดี
แต่ขอให้ผมรักษาบ้านรักษาเมืองตรงนี้เอาไว้ อยู่กับ ASTV อยู่กับหนังสือพิมพ์ ASTVผู้จัดการ อยู่กับเว็บไซต์ผู้จัดการ อยู่กับคลื่นวิทยุ 97.75 ขอให้เป็นคนซึ่งกล้าพูดในเรื่องที่ควรจะพูด ไม่ว่าจะเป็นใครก็ตาม ขอเก็บเอาไว้ตรงนี้ รักษาไว้ แล้วอีกประการหนึ่ง ไม่ใช่โอ้อวดตัวเอง ผมกลายเป็นสมบัติของพ่อแม่พี่น้องไปแล้ว ซึ่งมันเป็นเรื่องที่ ไม่รู้ว่าเป็นเรื่องที่น่ายินดีหรือเปล่า
วันนี้ เมื่อเช้านั่งรถไปหาพระอาจารย์ชัยณรงค์ ที่สำนักสงฆ์ของหลวงปู่บุญเฮง ที่ อ.โป่งกระทิง จ.ราชบุรี ระหว่างทางก็แวะกินข้าวเช้าแถวๆ สมุทรสงคราม ริมถนน เข้าไปก็สั่งข้าวแกงกิน ก็ รปภ.ก็กินด้วย กินเสร็จท่านเจ้าของร้านก็เดินมาสวัสดี แล้วก็เอานามบัตรให้ ขอนามบัตรผม ผมบอกไม่มี แกบอกว่าแกร่วมชุมนุมตลอดเวลา ก็บอกว่า ขอบพระคุณมากครับ เสร็จแล้วพอดีเด็กแกกำลังมาคิดเงิน แกก็ตะหวาด ไม่คิด ไม่คิด คิดไม่ได้ ผมก็ควักเงินขึ้นมา ผมจะวาง ผมคำนวณไม่เป็นไม่รู้จะวางเท่าไหร่ คือผมอยากบอกพ่อแม่พี่น้องที่ วันหลังเจอหน้าผม เป็นเจ้าของร้านอาหาร กรุณาคิดเงินผมเถอะ ลดให้หน่อยก็ไม่เป็นไร ไม่ลดก็ไม่ว่า เพราะถ้าไม่คิดเงินแล้วผมจะจ่ายค่าอาหารแพงกว่าที่ผมควรจะจ่าย เพราะว่าผมจะคำนวณไม่เป็น ผมจะเพื่อตัดปัญหา ผมกลัวจ่ายน้อยไปเดี๋ยวจะไม่พอ กินข้าวแกง 8 จาน จ่ายไป 1,000 แล้วเดินออก ผมคิดไม่เป็น เพราะฉะนั้นแล้วพ่อแม่พี่น้องต้องคิดเงินนะครับ
พี่น้องครับ วันนี้เป็นการเอาความรู้มาให้พี่น้องฟังว่าเหตุการณ์ทั้งหมดมันเกิดขึ้นอย่างไร คุณทักษิณจะไม่มีวันหยุดเรื่องนี้ วันนี้คนบอกคุณทักษิณเงินน้อยลง เหลือ 500 ล้านเหรียญ บอกว่าโดนอายัดทรัพย์ไป 4,000 ล้านเหรียญ เจ๊งหุ้นไป 5,000 ล้านเหรียญ 9,000 ล้านเหรียญ สรุปเบ็ดเสร็จคุณทักษิณมีเงินประมาณ 350,000 ล้านบาท คำถามมีอยู่ว่า ทุกคนบอกคุณทักษิณจนลง แต่ไม่มีใครถามคำถามนี้ ผมจะถามคำถามนี้กับพ่อแม่พี่น้อง คุณทักษิณพูดมาตลอดเวลาไม่ใช่หรอว่า ธุรกิจที่แกมีชินคอร์ปใช่ไหม แล้วแกขายสิงคโปร์ 76,000 ล้านบาท แล้ว 3,000 ล้าน 5,000 ล้าน บวกเบ็ดเสร็จแล้ว 300,000 กว่าล้าน ลบ 70,000 กว่าล้าน มีประมาณ 300,000 ล้าน เงินนี้คุณเอามาจากไหนกัน ถ้าคุณไม่ได้โกงชาติโกงบ้านโกงเมือง เพราะฉะนั้นแล้วด้วยตัวเลขอันนี้ เท่ากับว่าในยุคคุณทักษิณ ชาติบ้านเมืองเงินหายไป 300,000 ล้านบาท 300,000 ล้านบาทนี่สร้างโรงเรียนได้กี่โรงเรียน 300,000 ล้านบาท ทำรถไฟรางคู่ได้ทั่วประเทศไทย สามารถขนส่งคนด้วยความเร็ว 160 กิโลเมตรต่อชั่วโมง คนสามารถไปอยู่นครสวรรค์แล้วนั่งรถไฟเข้ามาทำงานในกรุงเทพฯ ด้วยใช้เวลาวิ่งชั่วโมงกว่าๆ มีบ้านอยู่นครสวรรค์ อยู่ปากน้ำโพ มีสิ่งแวดล้อมที่ดี อสังหาริมทรัพย์สามารถไปสร้างหมู่บ้านจัดสรรได้ ชุมชนก็เกิดขึ้นได้ ผลไม้ พืชไร่ที่อยู่ทางใต้ ทางอีสาน สามารถใช้รถไฟรางคู่ วิ่งไม่ถึง 5 ชั่วโมงมาถึงกรุงเทพฯ ลดค่าขนส่งไปได้ 70 เปอร์เซ็นต์ มูลค่าของพืชไร่จะสูงขึ้น ผลไม้สูงขึ้น คนเชียงใหม่ค้าขายได้ คนกรุงเทพฯ ไปได้ กรุงเทพฯ คนจะอยู่น้อยลง ทุกอย่างดีขึ้นหมด เศรษฐกิจดีขึ้นหมด ถ้าเอาเงิน 300,000 ล้านบาท ที่ถูกโกงไป เอามาทำแค่รถไฟรางคู่
ผมอยากให้บรรดาพวกเสื้อแดง คนที่รักคุณทักษิณ ช่วยกรุณาคิดเรื่องนี้หน่อย คนที่รักคุณทักษิณช่วยคิดหน่อยได้ไหมว่าคุณทักษิณ ตามข่าวสารจากหนังสือพิมพ์ฝรั่งที่ออกมา 300,000 กว่าล้านบาท คุณทักษิณเอามาจากไหนครับ กรุณาตอบผมหน่อยได้ไหม ก็คุณทักษิณเป็นนายกรัฐมนตรีมา 6-7 ปี ก็มีแค่ชินคอร์ป ก็บอกว่าตัวเองทำโทรศัพท์มือถือ ตัวเองทำโอเคแคปิตอล ตัวเองทำชินแซทเทิลไลท์ ตัวเองทำชินคอร์ป ก็มูลค่า 76,000 ล้าน แต่วันนี้คุณขาดทุนไปทั้งหมด โดนยึดทรัพย์โดนอายัดทรัพย์ที่อังกฤษ เจ๊งหุ้นไปทั้งหมด 300,000 กว่าล้าน คุณเอาเงินมาจากไหนถ้าคุณไม่ได้เอามาจากการคดโกงชาติคดโกงบ้านคดโกงเมือง นี่พิสูจน์ชัด ทุกคนพูดคุณทักษิณจนลง แต่ลืมนึกถึงว่าคุณทักษิณมีที่มาที่ไปจากไหน แม้กระทั่ง 500 ล้าน คุณทักษิณต้องตอบเอามาจากไหน เพราะเงินคุณยังอยู่ในประเทศไทย 76,000 ล้าน ไม่ใช่หรอ แล้วที่คุณเหลือ 500 ล้าน เอามาจากไหน พี่น้องจำได้หรือเปล่า ผมเคยปราศรัยที่ทำเนียบ 2 เดือนที่แล้วก่อน ผมเคยบอกใช่ไหมคุณทักษิณเจ๊งหุ้น ผมบอกคุณทักษิณไปซื้อน้ำมันล่วงหน้า
พี่น้องครับหมดเวลาแล้ว แต่ก่อนจะหมดเวลาผมอยากจะฝากถึงกัปตันการบินไทยคนหนึ่ง ชื่อคุณศิริเดช คุณเป็นคนซึ่งเรียกลูกเรือมาประชุม แล้วคุณพูดให้ทุกคนเห็นใจคุณทักษิณ ว่าคุณทักษิณน่าสงสารต้องเร่ร่อนพเนจร แล้วคุณยังพูดต่อ ว่าเหตุผลที่คุณทักษิณต้องเร่ร่อนพเนจรนั้นเป็นเพราะคนๆ หนึ่ง คุณจาบจ้วงสถาบันอย่างรุนแรง ต่อหน้าคน ผมมีพยาน ถ้าคุณศิริเดชคุณไม่หยุดเรื่องนี้ ผมจะบุกไปที่การบินไทยแล้วผมจะประจัญหน้ากับคุณแล้วผมจะไปเอาเรื่องคุณ พี่น้องการบินไทยที่ได้ยินข่าวนี้ช่วยเอาไปบอกให้เขารู้ด้วย ว่าผมจะบุกเข้าไปที่การบินไทย แล้วผมจะชี้หน้าคุณแล้วผมจะบอกว่า คนอย่างคุณไม่ควรจะเป็นคนไทยเลยแม้แต่นิดเดียว
พี่น้องครับพักสักครู่แล้วเจอวงดนตรี วงโฮป แล้วค่อยกับมาเจอผมกับคุณแอนอีกทีหนึ่ง
(โปรดติดตามคำต่อคำ "สนธิ ลิ้มทองกุล" เปิดทุกเรื่องราวชีวิตกับจินดารัตน์ เจริญชัยชนะ)