ผู้จัดการออนไลน์ – สามเกลอ NBT ตีขลุม จี้เส้น ระบุ “สภาโจร” ต้องเป็นผู้ตั้ง ส.ส.ร.ไว้แก้กฎหมายจับโจร เชียร์รัฐบาลบรรจุการแก้รัฐธรรมนูญไว้แถลงเป็นนโยบายต่อสภาในวันที่ 7-8 ต.ค.นี้ หวังสอดไส้ ร่างแก้ไข รธน.ฉบับ นปก.ของ “จรัล-เหวง” เข้าสภาอีกครั้ง ขุดเรื่องเก่าโจมตีคุณหญิงเป็ด ตั้งลูก-น้องชายเป็นเลขาฯ และผู้ช่วย ทั้งๆ ที่เคยแจงต่อสภาชัดแล้ว
วานนี้ (30 ก.ย.) รายการความจริงวันนี้ ที่ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์เอ็นบีที กรมประชาสัมพันธ์ ซึ่งดำเนินรายการโดยนายวีระ มุสิกพงศ์ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคพลังประชาชน และนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ ได้กล่าวถึงประเด็นเรื่องการปฏิรูปการเมือง ที่ในการประชุมครม.รัฐบาลประกาศว่าจะบรรจุแก้ไขรัฐธรรมนูญไว้ในนโยบายที่จะแถลงต่อรัฐสภา ในวันที่ 7-8 ต.ค.นี้
โดยขณะที่ รัฐบาล พรรคพลังประชาชน และพรรคร่วมรัฐบาล พยายามที่จะผลักดันให้ตั้ง สมาชิกสภาร่างรัฐธรรมนูญ 3 (ส.ส.ร.3) โดยจะดำเนินการแก้ไขรัฐธรรมนูญ มาตรา 291 เพื่อเปิดทางให้สามารถมีการตั้ง ส.ส.ร.ได้ เนื่องจากรัฐธรรมนูญ มาตรา 291 กำหนดไว้ว่า ญัตติขอแก้ไขเพิ่มเติม รธน.ต้องมาจากคณะรัฐมนตรี สมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จากสมาชิกวุฒิสภามีจำนวนหรือจากประชาชนผู้มีสิทธิเลือกตั้งเท่านั้น
“ต้องยอมรับว่ารัฐบาลมีความรู้สึกรู้ร้อนรู้หนาว คือ รู้ถึงปัญหาของประเทศไม่ได้เพิกเฉยเพียงแค่บรรจุเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญ คืออย่างน้อยเพียงแค่การประกาศว่าจะพิจารณาบรรจุเรื่องนี้ไว้ในร่างนโยบายก็ใช้ได้แล้ว ถ้าบรรจุเอาไว้จริงก็ถือว่ายอดเยี่ยม เพราะแสดงว่าไม่ปฏิเสธเหตุการณ์ต่างๆ ที่เกิดขึ้นในสังคม” นายวีระกล่าว
จากนั้น นายณัฐวุฒิ ได้กล่าวถึง คำให้สัมภาษณ์ของ พล.ต.สนั่น ขจรประศาสน์ รองนายกรัฐมนตรีและประธานที่ปรึกษาพรรคชาติไทยที่ระบุว่า เห็นด้วยกับการแก้ไข รธน.มาตรา 291 พร้อมยืนยันด้วยว่าในส่วนของการตั้ง คณะกรรมการ ส.ส.ร.นั้นให้นักการเมืองโดยสภาผู้แทนราษฎรเป็นคนเลือก
ด้าน นายวีระได้กล่าวถึงกรณีอธิการบดีบางส่วนในคณะอธิการบดี 24 สถาบันเสนอให้ตั้ง นพ.ประเวศ วะสี ขึ้นมาเป็นประธานในเรื่องนี้นั้น โดยระบุว่า นพ.ประเวศ ไม่ได้เป็นกลาง แต่อยู่ข้างพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ส่วนการเสนอชื่อนายอานันท์ ปันยารชุน อดีตนายกรัฐมนตรี ก็ถือว่าไม่แตกต่างจาก นพ.ประเวศ
ต่อมา นายวีระได้กล่าวถึงข้อเสนอของนายคณิน บุญสุวรรณ อดีต ส.ส.ร.สมัยรัฐธรรมนูญ 2540 เกี่ยวกับการแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2550 ว่าระบุไว้คล้ายๆ กับข้อเสนอของ 24 อธิการบดี โดยให้มีการตั้งคณะกรรมการอิสระจำนวน 9-10 คน เพื่อนำรัฐธรรมนูญ 2540 มาเป็นตัวตั้งในการปรับแก้ในระยะเวลา 120 วัน โดยเมื่อปรับแก้เสร็จแล้วก็นำเสนอต่อรัฐบาล เพื่อลงประชามติต่อไป
“แนวความคิดของคุณคณิน บุญสุวรรณ ต้องยอมรับว่าก้าวหน้ากว่าแนวคิดของทุกกลุ่มที่ได้นำเสนอมา โดยเฉพาะกลุ่มที่อยู่ในทำเนียบรัฐบาล” นายวีระระบุ
ต่อมา นายวีระ และจตุพรได้กล่าวถึงร่างรัฐธรรมนูญฉบับที่ร่างโดยอดีตแนวร่างประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการ (นปก.) ในนามคณะกรรมการประชาชนเพื่อแก้ไขรัฐธรรมนูญ 2550 (คปพร.) ที่นำโดย นายจรัล ดิษฐาอภิชัย นพ.เหวง โตจิราการ นางประทีป อึ้งทรงธรรม นายชินวัฒน์ หาบุญพาด (นายกสมาคมพิทักษ์ผลประโยชน์ผู้ขับรถแท็กซี่ ซึ่งเพิ่งถูกหลานชายตัวเองยิงจนได้รับบาดเจ็บ) เป็นต้น เคยเสนอผ่าน ส.ส.พลังประชาชนเพื่อนำไปพิจารณา โดยกล่าวว่าร่างฯ ดังกล่าว ถือเป็นร่างรัฐธรรมนูญฉบับประชาชนอย่างแท้จริง ทั้งยังกล่าวอ้างด้วยว่ารัฐธรรมนูญฉบับนี้มีประชาชนกว่าแสนรายชื่อลงนามเสนอต่อสภา โดยปัจจุบันเมื่อตรวจสอบแล้วมี 70,000 กว่ารายชื่อที่เป็นผู้มีสิทธิ์เลือกตั้ง
“ทั้งหมดที่ว่ากันมา ต้องเรียนตรงๆ ว่ามันอยู่ในกระแสของผู้คนแล้วล่ะ แต่มีอยู่รายหนึ่งที่ผมต้องพูดแทนเขาเสียหน่อย ในฐานะที่ว่าเขาเป็นประชาชนธรรมดา ทั้งปัญญาชน นักธุรกิจ และประชาชนรากหญ้า คนพวกนี้ได้เสนอร่างรัฐธรรมนูญมาฉบับหนึ่ง ก่อนหน้านี้ เสนอมานานแล้วด้วย เสนอพร้อมๆ กับที่ พรรคพลังประชาชนเขาเสนอร่างรัฐธรรมนูญ จนกระทั่งพันธมิตรฯ ออกมาประท้วงห้ามไม่ให้เสนอ แต่ประชาชนกลุ่มนี้ได้รวบรวมรายชื่อไว้เกินกว่าแสนรายชื่อ” นายวีระกล่าว พร้อมชูร่างรัฐธรรมนูญฉบับดังกล่าวขึ้นทางหน้าจอโทรทัศน์ พร้อมทั้งเรียกร้องให้มีการนำร่างรัฐธรรมนูญฉบับนี้ไปพิจารณาในสภาฯ
ทั้งนี้ทั้งนั้น เป็นที่ทราบกันดีว่า ร่างรัฐธรรมนูญฉบับดังกล่าวที่พิธีกรรายการความจริงวันนี้ อ้างว่าเป็นร่างรัฐธรรมนูญฉบับประชาชนนั้น เป็นการหยิบเอา รัฐธรรมนูญ พ.ศ.2540 กลับขึ้นมาปัดฝุ่นอีกครั้ง โดยมีจุดประสงค์เพื่อแก้มาตรา 237 และ 309 เพื่อยกเลิกคดียุบพรรค ยกเลิกการดำเนินคดีทุจริตของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ฟื้นฟู “ระบอบทักษิณ” ให้กลับมาอีกครั้ง และมีจุดมุ่งหมายที่จะเปลี่ยนแปลงรายละเอียดของรัฐธรรมนูญในหมวดสถาบันกษัตริย์และศาสนาอีกด้วย
ต่อมา นายณัฐวุฒิได้มีการหยิบยกเอกสารที่เจ้าตัวอ้างว่าเป็นเอกสารทางราชการ ขึ้นมาโจมตี คุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา ผู้ว่าการตรวจเงินแผ่นดิน ว่าตั้งบุตรชายตัวเองเป็นเลขานุการ ผู้ว่าฯ สตง. และ การแต่งตั้งน้องชายเป็น ผู้ช่วยผู้ว่าฯ สตง. โดยระบุว่าเป็นการกระทำที่ผิดจริยธรรม พร้อมทั้งระบุว่า ผู้ว่าฯ สตง.ต้องเป็นตัวอย่างให้บรรดานักการเมืองทั้งหลาย ทั้งๆ ที่กรณีดังกล่าวในการประชุมสภาเมื่อวันที่ 20 ส.ค. คุณหญิงจารุวรรณได้เคยชี้แจงไว้อย่างชัดเจนแล้ว (อ่านข่าว : “จารุวรรณ” งัดหลักฐานตบหน้า พปช.ป้ายสีตั้ง “ลูกชาย” นั่งเลขาฯ)
อย่างไรก็ตาม เป็นที่น่าสังเกตว่า เรื่องราวต่างๆ ที่พิธีกรและผู้ร่วมรายการ รายการความจริงวันนี้นำเสนอนั้น ไม่ว่าจะเป็นกรณีโจมตี ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ ป.ป.ช. สตง. รวมถึงหน่วยงานภาครัฐอื่นๆ ที่มีท่าทีเป็นปฏิปักษ์ต่อรัฐบาลและพรรคพลังประชาชนนั้นกลับไม่ได้ถูกนำไปฟ้องร้อง หรือ พิจารณาในสภาฯ แต่อย่างใด ทั้งๆ ที่นายจตุพรก็มีตำแหน่งเป็น ส.ส.พรรคพลังประชาชน ขณะที่ก่อนหน้านี้ที่พิธีกรทั้งสามอ้างว่าจะนำเรื่องคุณสมบัติของนายจรัญ ภักดีธนากุล ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ เข้าสอบถามต่อประธานศาลรัฐธรรมนูญก็ยังไม่ได้มีการดำเนินการใดๆ