สามเกลอ” ตื้อไม่เลิก หลังใช้ “รายการความจริงวันนี้” โจมตี “จรัญ ภักดีธนากุล” ว่า ทำผิด รธน.เพราะไปรับจ้างสอนหนังสือ แล้วไม่มีใครออกมาตอบโต้ คลั่งจัด พาดพิงถึง “คุณหญิงจารุวรรณ” อ้างเป็นผู้บริหาร สตง.แต่กลับไปรับจ้างสอนหนังสือ มีความผิดโทษฐานเดียวกัน จี้ให้ออกมาตอบคำถามสังคมพร้อมกัน-ด่ากราด อธิการ มธ.“สุรพล นิติไกรพจน์” ออกแถลงการณ์ไม่สนุน “หมัก” กลับเป็นนายกฯ ป้ายสี เป็นนักวิชาการสมุน คมช.เชื่อไม่ได้
วานนี้ (11 ก.ย.) นายวีระ มุสิกพงศ์ อดีตกรรมการบริหารพรรคไทยรักไทย ดำเนินรายการความจริงวันนี้ ทางสถานีโทรทัศน์ เอ็นบีที โดยมีแขกรับเชิญประจำรายการ คือ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วนพรรคพลังประชาชน และ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รองโฆษกรัฐบาล
โดยเมื่อเริ่มรายการ ผู้ดำเนินรายการได้กล่าวถึงเรื่องของ นายจรัญ ภักดีธนากุล หนึ่งในตุลาการรัฐธรรมนูญ ที่วานนี้พวกตนได้เสนอข้อมูลไปแล้วว่า นายจรัญ ทำความผิดในฐานความผิดเดียวกับ นายสมัคร สุนทรเวช อดีตนายกรัฐมนตรี คือ ไปรับจ้างสอนหนังสือตามมหาวิทยาลัยต่างๆ ซึ่งหากมีความผิดจริง ก็จะต้องออกจากตำแหน่งตุลาการ รธน.
นอกจากนี้ ผู้ดำเนินรายการ ยังกล่าวว่า พวกตนได้รับข้อมูลมาเพิ่มเติมมาด้วยว่า แม้ นายจรัญ นอกจากจะรับจ้างสอนหนังสือแล้ว นายจรัญ ยังไปเป็นแขกรับเชิญประจำรายการให้กับคลื่น FM 96.5 ทุกวันศุกร์ด้วย ซึ่งก็ทำมานานแล้วจนแม้เป็นตุลาการ รธน.ก็ยังทำอยู่ ดังนั้น การกระทำดังกล่าวจึงน่าจะเป็นบอกได้ชัดเจนว่านายจรัญ เป็นลูกจ้างให้กับองค์กรอื่นจริงๆ
แต่กระนั้นพวกตนก็ยังไม่ได้รับการติดต่อเพื่อชี้แจ้งข้อเท็จจริงจาก นายจรัญ แต่อย่างใด ดังนั้น ในวันนี้พวกตน จึงขอให้ประชาชนร่วม ส่งเอสเอ็มเอส เข้ามาแสดงความคิดเห็นว่า นายจรัญ สมควรออกมาชี้แจ้ง ข้อเท็จจริงของเรื่องดังกล่าวต่อประชาชนหรือไม่ หากสมควรให้พิมพ์ 1 ไม่สมควรให้พิมพ์ 2
จากนั้นผู้ดำเนินรายการได้กล่าวทำลายความน่าเชื่อถือของนายจรัญ ต่ออีกโดยการกล่าวหาว่าเมื่อครั้ง พล.อ.สนธิ บุญยรัตกลิน อดีตประธาน คมช.ทำการยึดอำนาจได้แล้ว นายจรัญ ได้เคยไปร่วมงานเลี้ยงสังสรรค์กับ แนวร่วมที่ต้องการให้เกิดการยึดอำนาจที่ร้านโอเล้ง ย่านอาร์ซีเอ และหลังจากรัฐบาลสุรยุทธ์ จุลานนท์ เข้ามาบริหารงานแล้ว นายจรัญ ก็ได้ดี เข้ามามีบทบาทในการร่าง รธน.50โดยยึดหลักการที่ว่าจะร่าง รธน.โดยมีพื้นฐานที่ว่า มองนักการเมืองเป็นคนชั่ว คนเลว ดังนั้น นายจรัญ จึงเป็นคนฟากเดียวกับเผด็จการ
นอกจากนี้ ผู้ดำเนินรายการยังพยายามโยงประเด็นว่า นายจรัญ เกี่ยวข้องกับกลุ่มพันธมิตรฯ โดยการตั้งข้อสังเกตว่า ครั้งหนึ่ง นายจรัญ เคยได้รับปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิตติมศักดิ์ จากมหาวิทยาลัยรังสิต ด้านกฎหมาย ซึ่งเป็นการรับในคราวเดียวกับ นายสนธิ ลิ้มทองกุล ไปรับปริญญาดุษฎีบัณฑิตกิติมศักดิ์ ด้านสื่อสารมวลชน ดังนั้น จึงเป็นที่น่าสนใจว่าเหตุใดทั้งสองจึงรับพร้อมกัน
ผู้ดำเนินรายการ ยังได้กล่าวเล่นลิ้นว่า พวกตนไม่เห็นด้วย หาก ส.ว.จะไปยื่นถอดถอนนายจรัญ เพราะหากทำเช่นนั้นสังคมจะไม่ได้รับรู้ ดังนั้น นายจรัญ ควรออกมาชี้แจงข้อกล่าวหาดังกล่าวต่อสังคมด้วยตัวเองซึ่งในชั้นนี้ พวกตนไม่ได้สรุปว่า เรื่องดังกล่าวผิดต่อ รธน.หรือไม่ แต่อยากจะบอกว่าสังคมกำลังรอคำตอบของนายจรัญอยู่ ซึ่งพวกตนหวังว่า นายจรัญ ควรจะออกมาชี้แจงโดยเร็วที่สุด ซึ่งหากชี้แจงได้ก็ขอให้ชี้แจงมา แต่หากชี้แจงไม่ได้ก็ยอมรับว่าทำผิดจริง แล้วก็ควรลาออกเสีย
นอกจากนี้ ผู้ดำเนินรายการ ยังกล่าวด้วยว่า สำหรับกฎหมายเรื่องของการเป็นลูกจ้างนั้น นอกจากจะส่งผลไปถึง นายกรัฐมนตรี และ ตุลาการ รธน.แล้ว ยังครอบคลุมถึงผู้บริหารระดับสูงในสำนักงานตรวจเงินแผ่นดิน (สตง.) ด้วย แต่กระนั้นพวกตนก็ได้ทราบข่าวมาว่า คุณหญิงจารุวรรณ เมณฑกา ผู้ว่าการ สตง.ก็ไปเป็นอาจารย์พิเศษประจำมหาวิทยาลัยแห่งหนึ่ง ซึ่งได้รับค่าตอบแทนนับแสนบาท ดังนั้น จึงขอให้ คุณหญิงจารุวรรณ ออกมาตอบคำถามดังกล่าวพร้อมกับนายจรัญ เสียเลย
จากนั้น นายจตุพร กล่าวว่า ในฐานะที่ตนเป็น ส.ส.พรรคพลังประชาชน ก็จะขอกล่าวถึงความคืบหน้าของการโหวตเลือกนายกฯ ในวันพรุ่งนี้ ว่า ขณะนี้พรรคพลังประชาชน ได้มีมติเห็นชอบว่าจะเสนอชื่อนายสมัคร เป็นนายกรัฐมนตรีอีกครั้ง ซึ่งเรื่องนี้ก็ได้แจ้งให้ที่ประชุม พรรคร่วมรัฐบาลทั้ง 6 พรรคแล้ว ซึ่ง นายจตุพร กล่าวว่า นายสมัคร พร้อมที่จะสู้ต่อ มาถือหางเสือ บริหารประเทศต่อ
ส่วนกรณีที่ ส.ส.บางส่วนของพรรคพลังประชาชนไม่เห็นด้วยที่จะเสนอชื่อนายสมัคร เป็นนายกรัฐมนตรีนั้น ตนอยากชี้แจงว่าเป็นปรากฏการณ์ธรรมดาของพรรคการเมือง ที่อาจจะมีความเห็นต่างกันไปบ้าง แต่ที่สุดแล้วก็สามารถพูดคุยทำความเข้าใจกันจนกลายเป็นมติพรรคได้
ส่วนกรณีที่หลายฝ่ายเป็นห่วงว่า หากนายสมัคร จะต้องเข้ารับฟังคำตัดสินของศาลอุทธรณ์ในคดีหมิ่นประมาทในวันที่ 25 ก.ย.นี้ แล้วศาลอุทธรณ์ยืนตามศาลชั้นต้น นายสมัคร อาจจะถูกตัดสินจำคุกนั้นจนต้องออกจากตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอีกครั้งนั้น นายจตุพร กล่าวว่า ไม่ต้องเป็นห่วง เพราะนายสมัคร ถือเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร ดังนั้นจึงได้รับสิทธิ์ไม่ต้องไปฟังการพิจารณาของศาล หรือแม้หากถูกจำคุกจริง ประธานสภาก็มีอำนาจในการร้องขอให้มีการปล่อยตัวในสมัยประชุมสภาได้อีกด้วย ดังนั้นการมาดำรงตำแหน่งนายกรัฐมนตรีอีกครั้งของนายสมัคร จึงไม่มีปัญหาใดๆ ทั้งสิ้น
ในช่วงท้ายราย ผู้ดำเนินรายการได้กล่าว ตอบโต้ความคิเห็นของ นายสุรพล นิติไกรพจน์ อธิการบดีมหาวิทยาลัยธรรมศาสตร์ ที่ออกแถลงการณ์ระบุว่าไม่ควรเลือกให้นายสมัคร กลับมาเป็นนายกรัฐมนตรี เพราะเป็นเหมือนเป็นการตบหน้าศาล ท้าทายคำตัดสินของศาล ที่ระบุแล้วว่าหมดคุณสมบัติเป็นนายกฯ แต่ก็ยังเลือกกลับมาเป็นอีก ซึ่งสิ่งนี้เองอาจก่อให้เกิดความรุนแรงในสังคมมากขึ้น
ผู้ดำเนินรายการได้กล่าวตอบโต้อย่างดุเดือด ว่า แถลงการณ์ของ นายสุรพล เป็นสิ่งที่ไม่น่าเชื่อถือ เพราะตัวนายสุรพลเอง เป็นนักวิชาการที่ไม่ควรจะมีคนฟัง เพราะเป็นนักวิชาการที่สนับสนุนเผด็จการ เป็นสมุน คมช.ดังนั้น ความคิดที่เสนอออกมาแต่ละอย่างจึงเชื่อถือไม่ได้ และการที่ นายสมัคร กลับมาดำรงตำแหน่งไม่ได้ถือเป็นการตบหน้าศาล เพราะศาลตัดสินว่าผิดให้พ้นจากตำแหน่ง นายสมัคร ก็ยอมรับผิด ออกจากตำแหน่งมาแล้ว ดังนั้น ความผิดในอดีตจึงไม่เกี่ยวกับปัจจุบันแล้ว