“ประพันธ์” ตรวจความเรียบร้อยเปิดรับสมัคร ส.ส.เขต 10 กทม.วันแรก แนะผู้สมัครไม่ควรเดินหาเสียงเฉียดงานเลี้ยง เชื่อ ปชช.ใช้สิทธิไม่ต่ำกว่า 70% ด้านเครือข่าย ปชช.ภาคอีสานร้อง กกต.สอบคุณสมบัติ ส.ส.สัดส่วน “ชัย” พร้อมพวก 32 คน ยกมือโหวตนายกฯ
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายประพันธ์ นัยโกวิท ให้สัมภาษณ์
วันนี้ (22 ธ.ค.) ที่สำนักงานเขตบางขุนเทียน นายประพันธ์ นัยโกวิท กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ด้านบริหารการเลือกตั้ง ได้เดินทางไปตรวจเยี่ยมความเรียบร้อยในการเปิดรับสมัครรับสมัครเลือกตั้ง ส.ส.เขต 10 กทม.วันแรก แทนนายสุวัฒน์ วรรณศิริกุล ที่พ้นจาก ส.ส.เนื่องจากเป็นกรรมการบริหารพรรคพลังประชาชน โดยก่อนรับสมัครเวลา 08.30 น.ที่เป็นช่วงก่อนการเปิดรับสมัคร มีผู้ประสงค์จะสมัครเดินทางมาลงชื่อ 3 คน ประกอบด้วย นายจารุวงศ์ เรืองสุวรรณ ผู้สมัคร ส.ส.พรรคเพื่อไทย นายถนอมศักดิ์ นวลเศรษฐ พรรคสาธารณชน และนายณัฏฐพล ทีปสุวรรณ พรรคประชาธิปัตย์ ทำให้ต้องมีการจับสลากเพื่อได้เบอร์ผู้ลงสมัครรับเลือกตั้ง โดยนายจารุวงศ์ ได้เบอร์ 1 นายถนอมศักดิ์ ได้เบอร์ 2 และนายณัฏฐพล ได้เบอร์ 3
ผู้สื่อข่าวรายงานด้วยว่า ในส่วนของพรรคเพื่อไทยนั้น ร.ต.อ.เฉลิม อยู่บำรุง ส.ส.แบบสัดส่วนพรรคเพื่อไทย พร้อมด้วยนายวิชาญ มีนชัยนันท์ ส.ส.พรรคเพื่อไทย เดินทางมาให้กำลังใจผู้สมัคร ส่วนทางด้านพรรคประชาธิปัตย์มี นายถวิล ไพรสณฑ์ นายสากล ม่วงศิริ ที่ได้ย้ายพรรคมาสังกัดพรรคประชาธิปัตย์ พร้อมด้วย นายสุวัฒน์ ม่วงศิริ บิดานายสากลที่เป็นเจ้าของพื้นที่ดังกล่าวของพรรค ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ เดินทางมาให้กำลังใจผู้สมัครของพรรคเช่นกัน สำหรับบรรยากาศในการรับสมัครเลือกตั้งซ่อมนั้น มีเพียงพรรคเพื่อไทยเพียงพรรคเดียวที่ขนกองเชียร์มาสร้างสีสัน โดยมีการชูป้ายว่าที่ผู้สมัครพร้อมส่งเสียงเชียร์อย่างสนุกสนาน ภายหลังจากที่การจับเบอร์เรียบร้องทุกฝ่ายต่างทยอยกันเดินทางหาเสียงตามปกติ
นายประพันธ์ กล่าวว่า ตนขอเตือนผู้สมัคร ส.ส.ว่า ช่วงนี้ใกล้ช่วงเทศกาลปีใหม่ ขอให้ผู้สมัคร ส.ส.ระมัดระวังการหาเสียง โดยเฉพาะเรื่องการขึ้นเวทีปราศรัย เพราะในพื้นที่อาจจะมีการจัดเลี้ยงในช่วงเทศกาล ดังนั้น หากเป็นไปได้ของให้หลีกเลี่ยงงานดังกล่าวเพื่อไม่ให้เกิดการร้องเรียนหลังจากที่มีการเลือกตั้ง อย่างไรก็ตาม เรื่องคุณสมบัติผู้สมัครนั้น กกต.จะยึดตามรัฐธรรมนูญ คือจะต้องสังกัดพรรคการเมืองพรรคเดียวติดต่อกัน 90 วัน จนถึงวันเลือกตั้ง ทั้งนี้ ในการเปิดรับสมัครเลือกตั้งในวันแรกทั้ง 29 ตำแหน่ง 26 เขต 22จังหวัดนั้นเป็นไปด้วนความเรียบร้อยไม่มีปัญหา และคาดว่าจะมีประชาชนออกมาเลือกตั้งซ่อมไม่ต่ำกว่า 70%
นายประพันธ์ กล่าวถึงกรณีที่พรรคร่วมรัฐบาลจะจับมือกันไม่ส่งผู้สมัครลงแข่งขันกันเองว่า การจับมือกันเป็นพันธมิตรก็ไม่มีปัญหาอะไร แต่หากทราบว่ามีการแลกเปลี่ยนให้ได้มาซึ่งผลประโยชน์ และทำให้การเลือกตั้งไม่สุจริตเที่ยงธรรม หากมีการสอบสวนพบว่ามีข้อเท็จจริงจริงก็อาจจะโดนใบเหลือง-ใบแดงได้ อย่างไรก็ตาม การเปิดทางให้เพื่อให้ลงสมัครก็สามารถทำได้ ถือว่าเป็นสิทธิของพรรคการเมืองที่จะไม่ส่งผู้สมัคร แต่หากมีการร้องเรียนเข้ามา และมีพยานหลักฐาน ข้อเท็จจริงปรากฏได้ว่ามีการฮั้วกัน มีการเทคะแนนให้กันก็อาจจะโดนใบเหลือง-ใบแดงได้เหมือนกัน
เมื่อถามถึงกรณีที่มีการให้เงิน 80 ล้านที่มีการออกมระบุว่า มีการบริจาคให้พรรคประชาธิปัตย์เพื่อแลกกับตำแหน่งรัฐมนตรีว่า การบริจาคเงินให้พรรคการเมืองมีกฎหมายบังคับไว้อยู่แล้วว่า ใครบริจาคเท่าไหร่ อย่างไร ซึ่งมีหลักฐานบัญชีการบริจาค สามารถตรวจสอบได้ ทั้งนี้ ตนยังไม่ทราบข้อเท็จจริง เพราะยังไม่มีคนร้องเข้ามา หากมีการร้องเข้ามาก็พร้อมจะตรวจสอบว่า เป็นไปตามหลักเกณฑ์หรือไม่อย่างไร ซึ่งการบริจาคเงินให้พรรคการเมืองจะต้องมีการลงบัญชีบันทึกไว้ และต้องรายงานให้ กกต.ทราบทุกครั้ง หากไม่รายงานก็ถือว่าเป็นการกระทำผิดต่อกฎหมาย
ต่อมานายประพันธ์ ได้เดินทางไปยังสำนักงานตำรวจแห่งชาติ (สตช.) เพื่อไปประชุมชี้แจงแนวทางในการปฏิบัติ พร้อมกับเปิดศูนย์อำนวยการรักษาความสงบเรียบร้อยการเลือกตั้ง ใน29 ตำแหน่ง 26 เขต 22 จังหวัด โดยนายประพันธ์เน้นให้เจ้าหน้าที่ตำรวจเห็นถึงความสำคัญในการเลือกตั้งในวันที่ 11 ม.ค.2552 เพราะเสียงทั้ง 29 เสียงนั้นมีความสำคัญมากในการเลือกตั้ง เพราะสามารถเปลี่ยนแปลงและพลิกผันได้ จึงทำให้การเลือกตั้งครั้งนี้มีการแข่งขันอย่างรุนแรง และเต็มที่ ดังนั้น ขอให้ทาง สตช.ควรมอบหมายแนวนโยบายให้ชัดเจนเพื่อให้ประเทศชาติได้ประโยชน์อย่างชัดเจน ที่ผ่านมายังไม่เห็นเจ้าหน้าที่ตำรวจทำความเสียหายตั้งแต่เข้ามาช่วยงานเลือกตั้ง จึงอยากให้ยึดแนวทางเดิมที่ ผบ.ตร.เคยได้ให้นโยบาย
“ให้วางตัวเป็นกลาง ไม่ช่วยเหลือใครในสิ่งที่ไม่ถูกต้อง ไม่กลั่นแกล้งใคร การตั้งรัฐบาลต่างๆเป็นเรื่องธรรมชาติของฝ่ายการเมือง เมื่อตั้งรัฐบาลได้แล้วก็เป็นเรื่องของประชาธิปไตย ดังนั้น เรามีหน้าที่รักษาความสงบเรียบร้องจะต้องดำเนินการให้อย่างถูกต้อง เชื่อว่า สตช.จะทำหน้าที่ได้ดีและไม่เกิดปัญหาอะไร” นายประพันธ์ กล่าว และว่า นอกจากนี้อยากขอให้สอดส่องเจ้าหน้าที่ประจำหน่วย เพราะที่ผ่านมานั้นเคยมีการร้องเรียนว่าเจ้าหน้าที่ประจำหน่วยทำการทุจริตยกหน่อวจึงขอให้เจ้าห้าที่ตำรวจตรวจสอบเป็นกรณีพิเศษ หากพบว่ามีการทำทุจริตก็ให้ดำเนินการตามกฎหมายทันที หากไม่ดำเนินการ เจ้าหน้าที่จะดูแลหน่วยดังกล่าวนั้นก็จะถูกดำเนินคดีไปด้วยว่ามีส่วนรู้เห็นการกระทำดังกล่าว
ขณะที่อาคารศรีจุลทรัพย์ นายเทพพนม นามลี ประธานเครือข่ายประชาชนภาคอีสานพิทักษ์รัฐธรรมนูญได้เดินทางมายื่นเรื่องร้องเรียนต่อ กกต.เพื่อให้พิจารณาวินิจฉัยความเป็นสมาชิกภาพของนายชัย ชิดชอบ และพวก 32 คน ที่เป็น ส.ส.สัดส่วน และส.ส.เขต นั้นยังไม่สังกัดพรรคการเมืองใดพรรคการเมืองหนึ่งในช่วงที่มีการโหวตเลือกนายกฯ สามารถทำได้หรือไม่ เพราะถือว่าเป็นการกระทำที่ขัดต่อรัฐธรรมนูญ พ.ศ.2550 อาจขาดคุณสมบัติความเป็น ส.ส.
มาตรา 122 ที่กำหนดให้ ส.ส.ต้องสังกัดพรรคการเมือง ต้องส่งสมาชิกตามมาตรา 103 จึงจะเป็นสมาชิกสภาผู้แทนราษฎร จึงจะปฏิบัติหน้าที่ได้ อีกทั้ง กกต.กำหนดให้มีการเลือกตั้งใหม่ใน 26 เขต 29 ตำแหน่ง แทนตำแหน่งที่ว่าง ที่กรรมการบริหารพรรคถูกเพิกถอนสิทธิทางการเมือง และพรรคการเมืองดังกล่าวถูกยุบ และผู้ที่เป็นส.ส.อยู่ต้องหาพรรคสังกัดภายใน 90 วัน ตามมาตรา 101วรรค ดังนั้นตนจึงเชื่อว่า นายชัย และพวกทั้ง 32 คนขาดคุณสมบัติความเป็นสมาชิกภาพ ส.ส. เพื่อเข้าไปปฏิบัติหน้าที่ในสภา ทั้งนี้หาก กกต.ไม่สามารถวินิจฉัยเองได้ก็ขอให้ กกต.ส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธํรรมนูญเพื่อพิจารณาสถานภาพของนายชัย และพวกอีก 32 คน รวมไปถึงขั้นตอนการประชุมสภาเพื่อเลือกนายกเมื่อวันที่ 15 ธ.ค.2551 นั้นขัดต่อรัฐธรรมนูญมาตรา 172 วรรคสามหรือไม่