“สนธิ” ซึ่งน้ำใจพี่น้องพันธมิตรฯ สละกำลังทรัพย์ส่วนตัวช่วยกันโอบอุ้มเอเอสทีวีให้เป็นสื่ออิสระ-เสรี และเป็นของทุกคน ย้ำบ้านเมืองวิกฤตทุกวันนี้เพราะสื่อไม่ทำหน้าที่เสนอความจริงยอมเป็นเครื่องมือของ “ระบอบทักษิณ”
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายสนธิ ลิ้มทองกุล ปราศรัย
วันนี้ (19 ส.ค.) เมื่อเวลา 21.00 น. นายสนธิ ลิ้มทองกุล แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้กล่าวขอบคุณทุกเงินบริจาคของพี่น้องประชาชนที่ช่วยเหลือเอเอสทีวี พร้อมทั้งเปิดเผยว่าในช่วงที่เดินทางไปเรียกร้องที่สถานทูตอังกฤษให้ส่งตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร กลับมาดำเนินคดีในประเทศไทยนั้น ได้มีการบริจาคเงินโดยยัดใส่กล่องท้ายรถเป็นแบงก์ร้อยบ้าง แบงก์ 20 บ้าง แบงก์ห้าร้อยบ้าง ทำให้คนที่เห็นแล้วถึงกับน้ำตาไหล
นายสนธิ ได้เล่าประวัติการทำหน้าที่สื่อมานานกว่า 41 ปีได้เห็นอะไรมามากมาย พร้อมทั้งระบุว่าสังคมไทยที่เป็นแบบนี้เป็นเพราะสื่อไม่ได้ทำหน้าที่อย่างแท้จริงและที่ผ่านมาระบอบทักษิณสามารถขยายเครือข่ายเติบโตเพราะใช้สื่อเหล่านี้บิดเบือนความจริง
“ถ้าสื่อรายงานข้อเท็จจริงในยุครัฐบาลคุณทักษิณว่ามีการแทรกแซงกระบวนการยุติธรรมอย่างไร มีการซื้อเสียงอย่างไร มีการโยกย้ายข้าราชการอย่างไร บ้านเมืองก็ไม่เป็นแบบนี้ และความเสียหายของบ้านเมืองทุกวันนี้สื่อเหล่านี้ก็ต้องรับผิดชอบด้วย” นายสนธิ ระบุ และว่า แต่ที่น่าผิดหวังอย่างยิ่งก็คือ โทรทัศน์สีกองทัพบกช่อง 5 ชื่อก็บอกอยู่แล้วว่าเป็นของกองทัพบก แต่ในช่วงที่มีการจาบจ้วงสถาบันพระมหากษัตริย์สถานีโทรทัศน์ช่องนี้กลับไม่ดำเนินการใดๆ ขณะที่สื่อสิ่งพิมพ์ก็มีผลประโยชน์ทั้งกับรัฐและบริษัทเอกชน
นายสนธิ ได้เปรียบกรณีที่เคยจัดรายการถ่ายทอดผ่านทางช่อง 11 ที่ออกอากาศได้เพียงแค่ 11 วันได้ถูกกระแนะกระแหนแดกดันไปทั่ว แม้กระทั่งคนบางคนที่ให้การช่วยเหลือกันก็เคยกล่าวหาว่าเข้าไปยึดช่อง 11 แต่เชื่อหรือไม่ว่าถ้าตัวเองยังอยู่ที่ช่อง 11 วันนี้บ้านเมืองจะไม่เป็นแบบนี้แน่นอน
“แต่วันนี้มีนายจตุพร พรหมพันธุ์ นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ และนายวีระ มุสิกพงศ์ ไปยึดรายการทางช่อง 11 กลับไม่มีใครพูดอะไรสักคำ” นายสนธิ ระบุ
นายสนธิ ย้ำว่า วันนี้ถึงเวลาแล้วที่ต้องสร้างสื่อของเรา (เอเอสทีวี) ที่เราจะต้องภูมิใจและต้องช่วยกันรักษาสื่อของตัวเองที่เป็นอิสระเสรี ส่วนตัวเองนั้นของกล่าวต่อหน้าสิ่งศักดิ์สิทธิ์ว่าไม่เคยยึดติด ต้องการทำภารกิจเพื่อชาติให้สำเร็จและรักษาเอเอสทีวีไว้เป็นเกราะป้องกันบ้านเมือง
นายสนธิ กล่าวว่า ที่ผ่านมาได้เคยแนวความคิดเรื่องการจำหน่ายสินค้าอุปโภคบริโภคเช่นข้าวสารเอเอสทีวีเพื่อหารายได้เลี้ยงตัวเองในระยะยาว แต่มีเสียงท้วงติงว่าจะมีปัญหายุ่งยากในทางปฏิบัติหลายเรื่องทั้งการไปหาซื้อข้าวเปลือก จ้างโรงสี การบรรจุหีบห่อ จำหน่าย การเก็บเงินก็จะมีปัญหา ดังนั้นจึงได้เสนอแนวทางใหม่โดยขอให้พี่น้องช่วยกันเป็นสมาชิกรับข่าวเอเอสทีวีทางโทรศัพท์มือถือแต่อาจจะแพงหน่อยคนละ 200 บาทต่อเดือน และถ้ามีจำนวนแสนกว่าคนเอเอสทีวีก็จะอยู่ได้แล้ว โดยนายสนธิ สอบถามว่าพี่น้องประชาชนรับได้หรือไม่(เสียงตอบรับกึกก้อง) และว่า เมื่อมีเสียงสนับสนุนแบบนี้จะเริ่มดำเนินภายใน 3-4 วันนี้ ซึ่งรายละเอียดในการตอบรับเป็นสมาชิกจะแจ้งให้ทราบภายหลัง
“ถ้าเป็นอย่างนี้เอเอสทีวีจะเป็นสื่อที่ไม่ต้องพึ่งพาทั้งรัฐบาล บริษัทโฆษณา หรือนายทุนใดๆทั้งสิ้น” นายสนธิ กล่าว