“สมเกียรติ” จวกกระทรวงการต่างประเทศ ยังงัวเงียอ้างลมอ้างฝน ไม่เร่งยึดพาสปอร์ต “อาชญาแม้ว” ทั้งที่มีหมายจับร่อนไปทั่วประเทศแล้ว แฉ “บิ๊ก ขรก.” กท.ต่างประเทศ ผวาคุกถามหา วิ่งหาเงินจ้างทนายมือดีให้วุ่น หลังสำนวนเอาผิดฐานรวมหัวลูกกรอกขายชาติ ยกพระวิหารให้เขมร เตรียมเข้าศาลฎีกาฯเร็วๆนี้ ขณะเดียวกัน ตำหนิครูทมิฬ ตีเด็กโยธินฯ เข้าข่ายผิด กม.อาญาและระเบียบศธ.
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ปราศรัย
วันนี้ (19 ส.ค.) เมื่อเวลา 21.59 น. นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย กล่าวบนเวทีพันธมิตรฯ สะพานมัฆวานรังสรรค์ ว่า นายสุรพงษ์ ชัยนาม อดีตทูต ได้ให้ข้อมูลกรณีพาสปอร์ตของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ว่าจำเป็นต้องถอนพาสปอร์ตทั้งสามประเภททั้งสีแดง สีน้ำเงิน และสีน้ำตาล แต่กระทรวงต่างประเทศบอกว่าต้องรอตำรวจและอัยการก่อนถึงจะพิจารณาถอนให้ องค์กรไหนที่ออกหมายจับไม่ใช่ตำรวจหรือ ตำรวจออกหมายจับแล้ว เป็นผู้ร้ายหลบหนีคดีอาญาแล้วไม่มีเหตุผลเพียงพอที่จะถอนพาสปอร์ตทั้งสามประเภทหรือ แต่มาอ้างว่าต้องรอหนังสือมาก่อน หมายจับมองไม่เห็น
นายสมเกียรติ กล่าวต่อว่า นายสุรพงษ์บอกด้วยว่าลองเราถอนพาสปอร์ตทั้งสามอันแล้ว เพราะเป็นผู้ร้ายหลบหนีคดีอาญาและศาลออกหมายจับ ตำรวจประกาศไปทั่วประเทศแล้ว ถ้าเราถอนอังกฤษจะออกให้ก็ออกไปแสดงว่าประเทศอังกฤษส่งเสริมโจรที่ออกพาสปอร์ตให้ อย่างไรก็ตาม อก 7วันเราจะไปที่สถานทูตอังกฤษอีกครั้งหนึ่ง
ทั้งนี้ นายสมเกียรติกล่าวถึงเรื่องเขาพระวิหารว่า วันนี้กระทรวงต่างประเทศไปเจรจาที่หัวหินเรื่องเขาพระวิหาร เราบอกว่าให้ไปเจรจาใกล้ๆเขาพระวิหาร แต่กระทรวงฯ บอกว่าไม่ได้ ใกล้เกินไป เดี๋ยวมองเห็นว่ากัมพูชารุกเข้ามาใกล้เรา ต้องประชุมใกล้ๆจะได้มองไม่เห็น ครั้งหนึ่งคณะนายทหารไทยประชุมกัน ที่มี พล.อ.บุญสร้าง เนียมประดิษฐ์ ผบ.สส.ร่วมด้วย ได้แถลงข่าวว่าบรเวณล้อมรั้วลวดหนามหายไปจำเป็นต้องจัดการให้เฉพาะพระวิหารเป็นของเขมร ส่วนพื้นดินเป็นของเราหมด ประการที่สอง กัมพูชาที่มาตั้งร้าน และพระภิกษุที่มาตั้งวัดนั้น ต้องผลักดันออกไปในรัศมี 4.6 กม. และต้องยกเลิกแถลงการณ์ร่วมทั้งวันที่ 22 พ.ค. และมติครมเมื่อวันที่ 17 มิ.ย.51 แต่ปรากฏว่ากระทรวงต่างประเทศเจรจาได้ข้อเดียว คือ เรื่องถอนกำลังทหาร ให้เหลือเพียงเล็กน้อย แต่กลับบอกประสบความสำเร็จสูงสุดคือลดกำลังทหาร
นายสมเกียรติ กล่าวว่า ภายหลังพันธมิตรฯเข้าชื่อระบุว่ารัฐบาลหุ่นเชิดขายชาติ ลงมติรับรองแถลงการณ์ร่วมที่ปารีส และศาลรัฐธรรมนูญบอกว่ารัฐบาลไม่ได้นำเสนอต่อรัฐสภาผิดกฎหมายรัฐธรรมนูญ มาตรา 19 และป.ป.ช.เตรียมชี้มูลความผิดส่งคดีให้ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ตอนนี้มีข้าราชการ 4 คนเริ่มวิตก คือปลัดกระทรวงต่างประเทศ อธิบดีกรมสนธิสัญญาและกฎหมาย รองอธิบดีกรมเอเชียตะวันออก และผู้เชี่ยวชาญระดับ 9 กรมสนธิสัญญาและกฎหมาย เพราะกำลังจะถูกดำเนินคดีอาญาในฐานะที่ทรยศต่อชื่อ
นายสมเกียรติ กล่าวต่อว่า นายสุรพงษ์ บอกตนว่า 4 คนนี้รู้ชะตาตัวเองในฐานะผลักดันเขาพระวิหารให้ขึ้นมรดกฝ่ายเดียว และยังผลร้ายแก่ประเทศ รวมทั้งยังผิดกฎหมายรัฐธรรมนูญ แล้วจะต้องถูกส่งตัวไปศาลฎีกาฯอีก ซึ่ง 4 คนนี้ได้ขอให้อัยการสูงสุดมาเป็นทนายให้ แต่อัยการสูงสุดปฎิเสธ เพราะพวกคุณทำความผิดส่วนตัว ด้วยความไม่รับผิดชอบ เป็นเรื่องของพวกคุณเราไม่ไปเป็นทนายให้ ทำให้ต้องจ้างทนายที่มีราคาแพงสูงลิ่วและคาดว่าอาจจะมีการไปนำเงินที่สโมสรสราญรมย์ ซึ่งข้าราชการกระทรวงต่างประเทศทั้งที่เกษียณแล้วและยังไม่เกษียณช่วยกันจ่ายเงินค่าบำรุงมาจ่าย และกระทรวงต่างประเทศเตรียมประท้วง 4 คนขายชาตินี้
“เขาพระวิหาร เรายืนยันว่าเป็นจุดตายของเขา จุดจบของรัฐบาลขายชาติ ไปที่ไหนใช้ไม่ได้หมด คนประณามว่าคุณคอรัปชั่นโครงการเขื่อนก็ยังพอฟัง แต่บอกว่าไอ้ขายชาติ ไอ้ทรยศชาติ มันจบ ฉะนั้นพวกนี้ไม่มีแผ่นดินอยู่” นายสมเกียรติ กล่าว
นายสมเกียรติ กล่าวต่อว่า แต่อย่าเพิ่งดีใจ ยังมีอีก 2-3 ที่ต้องถูกดำเนินคดีด้วย คือกรมแผนผังและเลขาสมช. เดี๋ยวจะบอกว่ากระทรวงต่างประเทศตกเป็นจำเลยสังคมอย่างเดียวฝ่ายทหารก็ต้องรับผิดชอบด้วย ที่ยืนยันว่าไม่เสียดินแดนแม้แต่ตารางนิ้วเดียว แต่เสียประมาณ 3พันไร่เท่านั้น ตอนเราเสียเขาพระวิหารครั้งแรก พล.ต.จำลอง ศรีเมือง บอกว่าเพราะข้าราชการเลวๆคนหนึ่งขายแผนที่ให้ฝรั่งเศสและเขมร เขาจึงเอามาเป็นกฎหมายให้เราเสียดินแดน แต่คราวนี้มีผู้ทรยศต่อชาติหลาบคน ขณะนี้กำลังเข้าสู่กระบวนการพิจารณาของศาลฎีกาฯ ซึ่งคาดว่าความคืบหน้าของคดีน่าจะรู้เรื่องภายในเดือน ก.ย.นี้
นอกจากนั้น นายสมเกียรติยังกล่าวถึงกรณีที่ครูโรงเรียนโยธินบูรณะตีเด็กนักเรียนที่ไปชุมนุมคัดค้านการรื้อโรงเรียนไปสร้างรัฐสภาแห่งใหม่ ด้วยโดยระบุว่า กฎหมายของกระทรวงศึกษาธิการ พ.ศ.2545 ใครลงโทษโดยเฆี่ยนนักเรียนมีความผิดและอาจถูกจำคุกในคดีอาญาด้วย
อย่างไรก็ตาม นายสมเกียรติยังได้กล่าวชื่นชมผู้ปกครองและนักเรียนที่กล้าจะไปแจ้งความดำเนินคดีกับครูในกรณีดังกล่าว และขอให้พันธมิตรฯ ส่งกำลังใจให้แก่นักเรียนโยธินบูรณะ พร้อมกับตำหนิการกระทำครูที่ตีนักเรียนคนนั้นว่า “เด็กทำงานเพื่อชาติ จะทำความดี แต่ครูหวดอย่างนี้ใช้ได้ที่ไหน”