xs
xsm
sm
md
lg

ใครทำดี ใครอัปรีย์?

เผยแพร่:   โดย: สุวิชชา เพียราษฎร์

“รายการความจริงวันนี้ 3 คนที่เขาพูดกันในโทรทัศน์มีข้อมูลคลาสสิก ไม่เหยียบย่ำไม่ดูหมิ่น อธิบายด้วยเหตุด้วยผลแต่รายการอย่างนี้เรียกว่าทำดีอัปรีย์กินหัวนะครับ เพราะ ป.ป.ช.ตั้งกรรมการเล่นงาน แต่การทำชั่วอย่างรายการเอเอสทีวีออกอากาศด่าหยาบค่าย 24 ชั่วโมง กลับมีคนปกป้อง” นายสมัคร สุนทรเวช พูดในรายการ ‘สนทนาประสาสมัคร’ เมื่อวันอาทิตย์ที่ผ่านมา

ที่นายสมัครเอาเรื่องนี้มาพูดก็เพราะก่อนหน้านี้ การประชุมคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เมื่อวันที่ 14 สิงหาคม ที่ประชุมได้หยิบยกคำร้องเรียนรายการ “ความจริงวันนี้” ที่ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์เอ็นบีที (ช่อง 11 กรมประชาสัมพันธ์เดิม) ทุกวันจันทร์-ศุกร์ เวลา 22.00-23.00 น. ที่ถูกกล่าวหาว่า รายการมีเนื้อหาใส่ร้ายบุคคลอื่น และไม่เปิดโอกาสให้บุคคลนั้นได้ชี้แจงข้อเท็จจริง ผิดวิสัยของการเป็นสื่อมวลชนที่ดี อันเป็นการละเมิดสิทธิความเป็นส่วนตัวและสิทธิความเป็นมนุษย์ และมีข้อสรุปให้ตั้งอนุกรรมการไต่สวน นายเผชิญ ขำโพธิ์ อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ และผู้อำนวยการสถานีโทรทัศน์เอ็นบีที ฐานละเว้นและปฏิบัติหน้าที่โดยมิชอบ ตามประมวลกฎหมายอาญามาตรา 157

นายสมัครออกอาการโกรธเกรี้ยวปกป้องรายการดังกล่าวนี้ ทำทีเป็นเดือดร้อนแทนอธิบดีกรมประชาสัมพันธ์นั้น นอกจากจะเฉลยข้อสงสัยที่ว่า รายการนี้นายสมัครใช้อำนาจนายกฯ เข้าแทรกแซงสื่อให้การหนุนหลังกลุ่มก๊วน แกนนำกลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการ (นปก.) ปลุกระดมสร้างความขัดแย้ง ใช้สื่อรัฐ ใช้เวลาของโทรทัศน์ที่มาจากภาษีของประชาชนใส่ร้ายป้ายสี ฟาดฟันกับฝ่ายตรงข้ามทางการเมือง อาทิ เอเอสทีวี พันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย พรรคประชาธิปัตย์ ไม่เว้นแม้แต่องค์กรอิสระที่ทำงานไม่เป็นคุณกับพรรคพลังประชาชนอย่างชัดเจนแล้ว ยังสะท้อนให้เห็นอีกตัวอย่างหนึ่งว่า กลุ่มก๊วนนายสมัครและพรรคพลังประชาชนเป็นกลุ่มคนอะไรไม่รู้ที่กลัวการตรวจสอบยิ่ง

เหมือนกับผีกลัวพระ! เหมือนคนอัปรีย์ชั่วช้ากลัวความจริง!

หากว่าพฤติกรรมการจัดรายการของแก๊ง 3 เกลอซึ่งประกอบด้วย นายวีระ มุสิกพงศ์ ในฐานะเป็นผู้ดำเนินรายการ นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วนพรรคพลังประชาชน และนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ที่ผูกขาดเป็นแขกรับเชิญประจำ ‘ทำดี’ จริงแล้วกลัวทำไมเรื่องตรวจสอบ

ตรงกันข้ามกับ เอเอสทีวีที่นายสมัครบอกว่า สื่อชั่ว นั้นไม่เคยเกรงกลัวการตรวจสอบ ที่ผ่านมา ตั้งแต่รัฐบาลทักษิณเรื่อยมาจนถึงรัฐบาลหุ่นเชิด ถูกข่มขู่ คุกคาม กลั่นแกล้งด้วยวิธีการต่างๆ นานาก็ยังยืนหยัดทำหน้าที่ของตนด้วยอุดมการณ์สื่อมวลชนไม่เคยเปลี่ยนแปลง

เอเอสทีวีต่อสู้โดยลำพัง ประกาศตนชัดเจนเลือกข้างความถูกต้อง มีผลงานที่มวลชนยอมรับว่า ข่าวหรือรายงานหลายเรื่องที่นำเสนอนั้นปรากฏในภายหลังว่า เป็นข้อเท็จจริงนำมาสู่การเปลี่ยนแปลง เป็นผลประโยชน์ของสังคม โดยเฉพาะการเปิดโปงระบอบทักษิณที่กัดกินสร้างความเสียหายให้ประเทศชาติมหาศาล

แก๊ง 3 เกลอเป็นนักการเมืองจะตะแบงตามกมลสันดานของนักการเมืองชั้นเลวเพียงใดก็ย่อมทราบอยู่แก่ใจว่า กระบวนการตรวจสอบเป็นของคู่กันในระบอบประชาธิปไตย เป็นประชาธิปไตยที่ตนเองประกาศว่ารักนักรักหนามิใช่หรือ?

จากนักการเมืองปลายแถวที่ได้ดิบได้ดีด้วยวีรกรรมพาพวก นปก.บุกทำลายทรัพย์สินทางราชการหน้าบ้านสี่เสาฯ ขององคมนตรี รัฐบุรุษ จวบจ้วง พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์อยู่เนืองๆ จนมีโอกาสออกทีวีที่ผู้นำรัฐบาลจัดให้ ท้าทายคนอื่นเหยงๆ ไม่ทันไรพอจะเข้าสู่กระบวนการตรวจสอบตัวเองก็ร้องเอะอะโวยวาย ตีโพยตีพายกล่าวพาดพิงพาลมาถึงการออกอากาศของเอเอสทีวีว่าทั้งหยาบคายและบิดเบือน แต่ทำไม ป.ป.ช.จึงไม่เข้าไปตรวจสอบบ้าง มิหนำซ้ำกลับมีคำสั่งคุ้มครองของศาลปกครองสูงสุดอีก

พฤติกรรม วิธีคิด และวิชามารแบบนี้ถอดแบบมาจาก ‘นายใหญ่’ และ ‘นายหญิง’ ของตนที่หนีคดีไปอังกฤษไม่ผิดเพี้ยน!

แก๊ง 3 เกลอ และนายสมัครที่ชื่นชูกันเอง หากเป็นคนทำดี กลัวทำไมกับการที่ป.ป.ช.จะตรวจสอบเอ็นบีที ไม่ใช่เรื่องที่คนทำดีอัปรีย์จะกินหัว แต่เป็นเรื่องที่ต้องพิสูจน์กันด้วยความจริง...ความจริงวันนี้ไม่ใช่ความเท็จวันนี้ที่พยายามบ่ายเบี่ยง หลบเลี่ยง ปกปิด ซ่อนเร้นอำพราง

กล่าวเฉพาะพฤติกรรมในแง่นี้ของทั้ง 3 คน และอาจจะรวมถึงนายจักรภพ เพ็ญแข อดีตแกนนำ นปก.อีกคน ผู้กำลังจะถูกดำเนินคดีหมิ่นเบื้องสูงซึ่งมีส่วนร่วมกันถือหุ้นมาตั้งแต่ยุคทำพีทีวี ทีวีผ่านดาวเทียมของระบอบทักษิณภายใต้ชื่อบริษัท เพื่อนพ้องน้องพี่ จำกัด มาด้วยกันนั้นก็น่าสงสัยไม่แพ้วาระการจัดรายการความจริงวันนี้

บริษัทเพื่อนพ้องน้องพี่ ซึ่งมีทุนจดทะเบียน 50 ล้านบาทมีพิรุธ เงื่อนปมหลายจุดในการถือครองหุ้น ขายหุ้น โอนถ่ายหุ้นของกลุ่มก๊วน นปก.โดยนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ส.ว.สรรหาได้ตั้งข้อสังเกต และยื่นให้ ป.ป.ช.สอบแล้ว เนื่องจากจะเกี่ยวพันกับปกปิดบัญชีทรัพย์สินของนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ และนายจตุพร พรหมพันธุ์ ไม่ได้ยื่นบัญชีทรัพย์สินต่อ ป.ป.ช.ซึ่งถือว่าเข้าข่ายปกปิดข้อเท็จจริง และมีความผิดตามมาตรา 263 ของกฎหมาย ป.ป.ช.

มาถึงตรงนี้ ยิ่งมองยิ่งเทียบระหว่างเอเอสทีวี กับนายสมัคร แก๊งก๊วน นปก. ณ รายการความจริงวันนี้แล้วโยนให้สังคมตัดสิน ใครทำดี ใครทำชั่วช้าอัปรีย์?

คำตอบคาดเดาไม่ลำบาก ว่าแต่คนอย่างนายสมัครกล้าพอจะรับฟังความจริงหรือไม่เท่านั้น.

ท่านผู้อ่านสามารถแลกเปลี่ยนความคิดเห็นเพิ่มเติมได้ที่ เอ็มบล็อก http://mblog.manager.co.th/suwitcha67 หรือ E-mail suwitcha@manager.co.th
กำลังโหลดความคิดเห็น