นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ส.ว.สรรหา แถลงว่า กรณีที่นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ รองโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี และ 1 ในผู้ดำเนินรายการ “ความจริงวันนี้” ออกอากาศทางสถานีโทรทัศน์ NBT กรมประชาสัมพันธ์ ออกมาระบุในรายการว่า ข้อมูลการถือหุ้นที่ตนนำมาเปิดเผยเป็นข้อมูลเก่าตั้งแต่ปี 2550 นั้น ก่อนหน้านี้ ตนได้ออกมาเปิดเผยข้อมูลการถือหุ้นของ นายณัฐวุฒิ นายจตุพร พรหมพันธุ์ และนาย วีระ มุสิกพงศ์ ที่ถือหุ้นในบริษัท เพื่อนพ้องน้องพี่ จำกัด โดยถือคนละ 100,000 หุ้น ซึ่งจากการตรวจสอบย้อนหลังไป ณ เมื่อวันที่ 30 เม.ย. 2550 ที่แสดงไว้ในแบบ บอจ.5 นาย วีระ เป็นกรรมการ ปรากฏว่า นาย ณัฐวุฒิ ถือหุ้น 200,000 หุ้นๆละ 100 บาท รวมเป็น 20 ล้านบาท นายจตุพร จำนวน 100,000 หุ้น เป็นเงิน 10 ล้านบาท และนายวีระ 100,000 หุ้น มูลค่า 10 ล้านบาท ตนจึงอยากตั้งข้อสังเกตว่าทั้ง 3 คน ได้เงินมากมายมหาศาลมาจากไหนถึงได้นำมาซื้อหุ้นบริษัทดังกล่าวได้
นอกจกนี้ ยังปรากฏว่า ในระหว่างเดือนเม.ย.- มิ.ย.50 นายณัฐวุฒิ ได้ขายหุ้น ให้กับ นายจักรภพ เพ็ญแข อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี 100,000 หุ้น จำนวน 10 ล้านบาท แต่เป็นที่น่าสังเกตว่าในการแสดงบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินต่อ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นายจักรภพ ได้แจ้งรายละเอียดทรัพย์สินเพียง 9 ล้านบาทเท่านั้น จึงตั้งข้อสังเกตว่า เงินจำนวน 10 ล้านบาท ที่นำมาซื้อหุ้นมาจากไหน
นายเรืองไกร กล่าวว่า ระหว่างช่วง มิ.ย.ถึง ต.ค.2550 ก่อนที่จะมีการเลือกตั้ง ในวันที่ 23 ธ.ค.2550 ได้มีการยักย้ายถ่ายโอนหุ้นของกรรมการและผู้ถือหุ้นหลายครั้ง โดยเฉพาะนายณัฐวุฒิ นายจตุพร และนายจักรภพ ที่มีการขายหุ้น ออกไปคนละ 100,000 หุ้น คิดเป็นจำนวนเงินคนละ 10 ล้านบาท จนทำให้ ณ วันที่ 15 ม.ค.2551 ทั้ง 3 คนไม่มีหุ้นในบริษัทดังกล่าวเลย จึงตั้งข้อสังเกตว่า ในช่วงระหว่างการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง เงินจำนวนดังกล่าวหายไปไหน ที่สำคัญทั้ง 3 คน ได้มีการแจ้งค่าใช้จ่ายการรณรงค์และหาเสียงเลือกตั้งต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) หรือไม่ เพราะตามกฎหมายของ กกต.ได้กำหนดค่าใช้จ่ายในการหาเสียง เลือกตั้งคนละไม่เกิน 1.5 ล้านบาท แต่ระหว่างนี้เงินที่ขายหุ้นได้หายไปนับ 10 ล้านบาท
ผมยังมีข้อสังเกตว่า ในระหว่างการหาเสียงเลือกตั้ง นายจักรภพได้ขายหุ้น 100,000 หุ้น จำนวนเงิน 10 ล้านบาทให้กับนายสุชาติ ประเสริฐศรี บ้านเลขที่ 38 หมู่ที่ 6 ตำบลอิสาน อำเภอเมือง จ.บุรีรัมย์ ซึ่งผมจะตรวจสอบที่ไปที่มาของเงินทั้งหมด ว่ามาจากไหน ใครเป็นจ่าย และหายไปไหน ต่อไปด้วย นายเรืองไกร กล่าว
นอกจกนี้ ยังปรากฏว่า ในระหว่างเดือนเม.ย.- มิ.ย.50 นายณัฐวุฒิ ได้ขายหุ้น ให้กับ นายจักรภพ เพ็ญแข อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี 100,000 หุ้น จำนวน 10 ล้านบาท แต่เป็นที่น่าสังเกตว่าในการแสดงบัญชีทรัพย์สินและหนี้สินต่อ คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) นายจักรภพ ได้แจ้งรายละเอียดทรัพย์สินเพียง 9 ล้านบาทเท่านั้น จึงตั้งข้อสังเกตว่า เงินจำนวน 10 ล้านบาท ที่นำมาซื้อหุ้นมาจากไหน
นายเรืองไกร กล่าวว่า ระหว่างช่วง มิ.ย.ถึง ต.ค.2550 ก่อนที่จะมีการเลือกตั้ง ในวันที่ 23 ธ.ค.2550 ได้มีการยักย้ายถ่ายโอนหุ้นของกรรมการและผู้ถือหุ้นหลายครั้ง โดยเฉพาะนายณัฐวุฒิ นายจตุพร และนายจักรภพ ที่มีการขายหุ้น ออกไปคนละ 100,000 หุ้น คิดเป็นจำนวนเงินคนละ 10 ล้านบาท จนทำให้ ณ วันที่ 15 ม.ค.2551 ทั้ง 3 คนไม่มีหุ้นในบริษัทดังกล่าวเลย จึงตั้งข้อสังเกตว่า ในช่วงระหว่างการรณรงค์หาเสียงเลือกตั้ง เงินจำนวนดังกล่าวหายไปไหน ที่สำคัญทั้ง 3 คน ได้มีการแจ้งค่าใช้จ่ายการรณรงค์และหาเสียงเลือกตั้งต่อคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) หรือไม่ เพราะตามกฎหมายของ กกต.ได้กำหนดค่าใช้จ่ายในการหาเสียง เลือกตั้งคนละไม่เกิน 1.5 ล้านบาท แต่ระหว่างนี้เงินที่ขายหุ้นได้หายไปนับ 10 ล้านบาท
ผมยังมีข้อสังเกตว่า ในระหว่างการหาเสียงเลือกตั้ง นายจักรภพได้ขายหุ้น 100,000 หุ้น จำนวนเงิน 10 ล้านบาทให้กับนายสุชาติ ประเสริฐศรี บ้านเลขที่ 38 หมู่ที่ 6 ตำบลอิสาน อำเภอเมือง จ.บุรีรัมย์ ซึ่งผมจะตรวจสอบที่ไปที่มาของเงินทั้งหมด ว่ามาจากไหน ใครเป็นจ่าย และหายไปไหน ต่อไปด้วย นายเรืองไกร กล่าว