นายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการคณะกรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) เปิดเผยว่า กกต.มอบหมายให้สำนักงานกฎหมายและคดีทำความเห็น กรณีที่ นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ส.ว.สรรหา ร้องขอให้ตรวจสอบการกระทำของ นายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภา ที่ไม่ยอมส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัย กรณี 16 ส.ว. ถือหุ้นสัมปทานรัฐและสื่อสารมวลชน ขัดรัฐธรรมนูญ ซึ่งเห็นว่าประธานวุฒิสภากระทำผิดเข้าข่ายขัดรัฐธรรมนูญ มาตรา 266 (1) ที่ ส.ส.และ ส.ว. จะต้องไม่ใช้สถานะตัวเอง ก้าวก่ายแทรกแซงการดำเนินงานในหน้าที่ประจำของข้าราชการ ไม่ว่าทางตรงหรือทางอ้อม
นายสุทธิพล กล่าวว่า นอกจากนี้ ยังมีมติให้แต่งตั้งคณะอนุกรรมการตรวจสอบ ข้อกฎหมายข้อเท็จจริงพิจารณาให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน ส่วนจะต้องเชิญนายประสพสุข มาชี้แจงหรือไม่ ขึ้นอยู่กับกรอบการทำงานของอนุกรรมการฯ แต่โดยระเบียบจะต้องให้ผู้ที่เกี่ยวข้องได้มาชี้แจง และขอยืนยันว่า กกต.ไม่ได้ต้องการจะเล่นงานใคร แต่เรื่องนี้มีผู้ร้องเข้ามา จึงเป็นหน้าที่ของ กกต.ที่ต้องพิจารณาไปตามกระบวนการ
การตั้งประเด็นสอบสวน คงไม่เกี่ยวข้องกับกรณีการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ มาตรา 157 เนื่องจากผู้ร้องได้ร้องให้สอบสวนเพียง มาตรา266 (1) เท่านั้น ซึ่งหากพบว่ามีความผิดจริง กกต.จะดำเนินการตาม มาตรา 91 ของรัฐธรรมนูญ เพื่อส่งเรื่องไปยังประธานแห่งสภา ที่ผู้นั้นเป็นสมาชิกอยู่ และให้ประธานแห่งสภานั้น ส่งเรื่องต่อไปยังศาลรัฐธรรมนูญเพื่อชี้ว่า ขาดคุณสมบัติหรือไม่ นายสุทธิพล กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่าหากนายประสพสุขส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญ ในระหว่างที่มีการไต่สวน กกต.จะต้องสั่งยุติเรื่องหรือไม่ นายสุทธิพล กล่าวว่า ยังตอบไม่ได้ เพราะเพิ่งเป็นข้อเท็จจริงที่เพิ่มขึ้นมา ต้องรอให้คณะอนุกรรมการฯ ตรวจสอบดูก่อน
สำหรับความความคืบหน้า 13 ส.ส.ของพรรคประชาธิปัตย์ ที่ กกต. เสนอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสมาชิกภาพ เนื่องจากการถือหุ้นขัดรัฐธรรมนูญนั้น นายสุทธิพล กล่าวว่า ได้ส่งเรื่องไปให้นายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฎร แล้ว ตามขั้นตอนกฎหมาย คาดว่าเรื่องจะถึงมือประธานสภาเร็ว ๆ นี้ และไม่น่าจะมีปัญหาอะไรในการประสานงาน
ดาน นายประสพสุข บุญเดช กล่าวว่าเรื่องนี้คดียังอยู่ที่ศาลปกครองเนื่องจาก 16 ส.ว.ได้ไปยื่นเรื่องต่อศาลปกครองแล้ว โดยศาลฯนัดพิจารณาคดีในเดือนตุลาคม อีกทั้ง 16 ส.ว.ยังได้รับความคุ้มครองจากศาลปกครองให้ชะลอมติกกต.ในการชี้มูลนี้ ตนได้พิจารณาว่าไม่ควรส่งเรื่องไปชนกันทั้ง 2 ศาลในเวลาเดียวกัน เพราะหาก 2 ศาลมีคำวินิจฉัยออกมาไม่ตรงกันจะทำให้เกิดปัญหา ดังนั้นควรรอให้มีการพิจารณาจบ ไปทีละศาล
อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าไม่ได้ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่หรือเพิกเฉย เพราะทุกคนล้วนต่างทราบข้อเท็จจริงอยู่แล้ว และไม่ติดใจที่กกต.ตั้งกรรมการตรวจสอบตนเรื่องนี้ เนื่องจากมีส.ว.ส่งเรื่องไปให้กกต.ตรวจสอบเช่นกัน ซึ่งส.ว.คนดังกล่าวน่าจะเข้าใจกระบวนการและขั้นตอนการทำงาน หากไม่เข้าใจก็สามารถมาถามตนได้ว่าเหตุใดจึงยังไม่ส่งเรื่อง 16 ส.ว.ไปให้กับศาลรัฐธรรมนูญ
นายสุทธิพล กล่าวว่า นอกจากนี้ ยังมีมติให้แต่งตั้งคณะอนุกรรมการตรวจสอบ ข้อกฎหมายข้อเท็จจริงพิจารณาให้แล้วเสร็จภายใน 30 วัน ส่วนจะต้องเชิญนายประสพสุข มาชี้แจงหรือไม่ ขึ้นอยู่กับกรอบการทำงานของอนุกรรมการฯ แต่โดยระเบียบจะต้องให้ผู้ที่เกี่ยวข้องได้มาชี้แจง และขอยืนยันว่า กกต.ไม่ได้ต้องการจะเล่นงานใคร แต่เรื่องนี้มีผู้ร้องเข้ามา จึงเป็นหน้าที่ของ กกต.ที่ต้องพิจารณาไปตามกระบวนการ
การตั้งประเด็นสอบสวน คงไม่เกี่ยวข้องกับกรณีการละเว้นการปฏิบัติหน้าที่ มาตรา 157 เนื่องจากผู้ร้องได้ร้องให้สอบสวนเพียง มาตรา266 (1) เท่านั้น ซึ่งหากพบว่ามีความผิดจริง กกต.จะดำเนินการตาม มาตรา 91 ของรัฐธรรมนูญ เพื่อส่งเรื่องไปยังประธานแห่งสภา ที่ผู้นั้นเป็นสมาชิกอยู่ และให้ประธานแห่งสภานั้น ส่งเรื่องต่อไปยังศาลรัฐธรรมนูญเพื่อชี้ว่า ขาดคุณสมบัติหรือไม่ นายสุทธิพล กล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่าหากนายประสพสุขส่งเรื่องไปยังศาลรัฐธรรมนูญ ในระหว่างที่มีการไต่สวน กกต.จะต้องสั่งยุติเรื่องหรือไม่ นายสุทธิพล กล่าวว่า ยังตอบไม่ได้ เพราะเพิ่งเป็นข้อเท็จจริงที่เพิ่มขึ้นมา ต้องรอให้คณะอนุกรรมการฯ ตรวจสอบดูก่อน
สำหรับความความคืบหน้า 13 ส.ส.ของพรรคประชาธิปัตย์ ที่ กกต. เสนอให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยสมาชิกภาพ เนื่องจากการถือหุ้นขัดรัฐธรรมนูญนั้น นายสุทธิพล กล่าวว่า ได้ส่งเรื่องไปให้นายชัย ชิดชอบ ประธานสภาผู้แทนราษฎร แล้ว ตามขั้นตอนกฎหมาย คาดว่าเรื่องจะถึงมือประธานสภาเร็ว ๆ นี้ และไม่น่าจะมีปัญหาอะไรในการประสานงาน
ดาน นายประสพสุข บุญเดช กล่าวว่าเรื่องนี้คดียังอยู่ที่ศาลปกครองเนื่องจาก 16 ส.ว.ได้ไปยื่นเรื่องต่อศาลปกครองแล้ว โดยศาลฯนัดพิจารณาคดีในเดือนตุลาคม อีกทั้ง 16 ส.ว.ยังได้รับความคุ้มครองจากศาลปกครองให้ชะลอมติกกต.ในการชี้มูลนี้ ตนได้พิจารณาว่าไม่ควรส่งเรื่องไปชนกันทั้ง 2 ศาลในเวลาเดียวกัน เพราะหาก 2 ศาลมีคำวินิจฉัยออกมาไม่ตรงกันจะทำให้เกิดปัญหา ดังนั้นควรรอให้มีการพิจารณาจบ ไปทีละศาล
อย่างไรก็ตาม ยืนยันว่าไม่ได้ละเว้นการปฏิบัติหน้าที่หรือเพิกเฉย เพราะทุกคนล้วนต่างทราบข้อเท็จจริงอยู่แล้ว และไม่ติดใจที่กกต.ตั้งกรรมการตรวจสอบตนเรื่องนี้ เนื่องจากมีส.ว.ส่งเรื่องไปให้กกต.ตรวจสอบเช่นกัน ซึ่งส.ว.คนดังกล่าวน่าจะเข้าใจกระบวนการและขั้นตอนการทำงาน หากไม่เข้าใจก็สามารถมาถามตนได้ว่าเหตุใดจึงยังไม่ส่งเรื่อง 16 ส.ว.ไปให้กับศาลรัฐธรรมนูญ