นายสมชัย จึงประเสริฐ กกต. ด้านสืบสวนสอบสวนและวินิจฉัย กล่าวถึงความคืบหน้า กรณีนายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ส.ว.สรรหา ร้องเรียนว่า นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ไปจัดรายการชิมไปบ่นไป เข้าข่ายขาดคุณสมบัติการเป็นรัฐมนตรีว่า อยู่ระหว่างการพิจารณาของคณะอนุกรรมไต่สวนฯ ที่มี พล.อ.ยอดชาย เทพยสุวรรณ เป็นประธาน ยังไม่ได้นำเข้าสู่ที่ประชุมกกต. ซึ่งโดยส่วนตัวเห็นว่ากกต.ไม่น่าจะมีอำนาจในการสอบสวนตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 182 วรรคท้าย เพราะรัฐธรรมนูญมาตราดังกล่าว กำหนดให้นำรัฐธรรมนูญมาตรา 91 และ 92 มาประกอบ ซึ่งกรณีนี้ผู้ร้องถือเป็นวุฒิสมาชิก ดังนั้นจึงควรดำเนินการตาม มาตรา 91 ที่กฎหมายระบุให้ส.ว.ต้องเข้าชื่อกันไม่น้อยกว่า 1 ใน 10 เพื่อส่งเรื่องให้ประธานวุฒิสภา เป็นผู้ดำเนินการส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญ ไม่ใช่มาผ่านกกต.
สำหรับกรณีคุณสมบัติของ นายไชยา สะสมทรัพย์ รมว.สาธารณสุข ที่ถูกป.ป.ช. ชี้มูล และส่งมาให้กกต.ดำเนินการนั้น ที่ประชุมจะมีการพิจารณาลงมติในวันที่ 10 มิ.ย. โดยดูว่า จะส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาตามที่ ป.ป.ช.เสนอมาหรือไม่ แต่จะไม่พิจารณากรณีไม่แจ้งบัญชีทรัพย์สินของภรรยา ที่ถือครองหุ้นเกินร้อยละ 5 ในบริษัท ทรัพย์ฮกเฮง จำกัด ว่าขัดต่อกฎหมาย และขาดคุณสมบัติการเป็นรัฐมนตรีตามรัฐธรรมมาตรา 269 หรือไม่
อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมกกต.จะไม่นำกรณีของวิรุฬ เตชะไพบูลย์ รมช.พาณิชย์ ที่ถูกชี้มูลในลักษณะเดียวกันมาพิจารณาพร้อมกับกรณีของนายไชยา เนื่องจาก กกต.ได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนขึ้นมาพิจารณาคนละชุด
"ผมเห็นว่าการที่ ป.ป.ช.ได้ดำเนินการส่งเรื่องนี้ให้วุฒิสภา และขณะนี้วุฒิสภาได้ส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญแล้ว เมื่อวุฒิสภาส่งเรื่องไปแล้วก็ไม่รู้ว่า กกต.จะส่งไปซ้ำซ้อนทำไม"
รายงานข่าวแจ้งว่า ในการประชุม กกต.เมื่อวันที่ 3 มิ.ย.ที่ผ่านมา กกต.ได้มีการหยิบยกกรณีที่ พล.อ.ยอดชาย เทพยสุวรรณ ประธานอนุกรรมการไต่สวนกรณีกล่าวหานายสมัคร สุนทรเวช ไปจัดรายการชิมไปบ่นไป เข้าข่ายขาดคุณสมบัติการเป็นรัฐมนตรี ที่ได้มีการสอบถามมายัง กกต.ว่า การสอบกรณีดังกล่าวนี้จะให้คณะอนุกรรมการฯ ใช้อำนาจตามกฎหมายใดในการสอบสวน เนื่องจากเกรงว่ากฎหมายที่มีอยู่ไม่ได้ให้อำนาจไว้ ซึ่งที่ประชุมได้มีการพิจารณามีความเห็นเป็น 2 แนวทาง โดยนายสมชัย จึงประเสริฐ กับนางสดศรี สัตยธรรม เห็นว่าอำนาจของกกต.เกี่ยวกับการตรวจสอบคุณสมบัติมีเฉพาะช่วงเลือกตั้งที่ กกต.อยู่ระหว่างตรวจสอบคุณสมบัติผู้มีสิทธิลงสมัครรับเลือกตั้งเท่านั้น แต่เมื่อเป็นรัฐมนตรีแล้ว การตรวจสอบถอดถอนกรณีขาดคุณสมบัติต้องเป็นหน้าที่ของส.ส. ดังนั้นเรื่องดังกล่าวนี้ จึงไม่เห็นว่ากกต.จะไปดำเนินการถอดถอนนายสมัครได้
ส่วนอีก 2 เสียง คือนายประพันธ์ นัยโกวิท และนายสุเมธ อุปนิสากร ก็มองว่า กกต.มีอำนาจในการสอบสวน และเห็นว่ารัฐธรรมนูญมาตรา 182 เขียนไว้ชัดเจน แต่เรื่องดังกล่าวก็ไม่ได้ข้อยุติ เนื่องจากนายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธานกกต. ติดภารกิจไปต่างประเทศ ไม่ได้อยู่ร่วมประชุม จึงต้องเลื่อนการพิจารณาเรื่องดังกล่าวออกไปก่อน
สำหรับกรณีคุณสมบัติของ นายไชยา สะสมทรัพย์ รมว.สาธารณสุข ที่ถูกป.ป.ช. ชี้มูล และส่งมาให้กกต.ดำเนินการนั้น ที่ประชุมจะมีการพิจารณาลงมติในวันที่ 10 มิ.ย. โดยดูว่า จะส่งให้ศาลรัฐธรรมนูญพิจารณาตามที่ ป.ป.ช.เสนอมาหรือไม่ แต่จะไม่พิจารณากรณีไม่แจ้งบัญชีทรัพย์สินของภรรยา ที่ถือครองหุ้นเกินร้อยละ 5 ในบริษัท ทรัพย์ฮกเฮง จำกัด ว่าขัดต่อกฎหมาย และขาดคุณสมบัติการเป็นรัฐมนตรีตามรัฐธรรมมาตรา 269 หรือไม่
อย่างไรก็ตาม ที่ประชุมกกต.จะไม่นำกรณีของวิรุฬ เตชะไพบูลย์ รมช.พาณิชย์ ที่ถูกชี้มูลในลักษณะเดียวกันมาพิจารณาพร้อมกับกรณีของนายไชยา เนื่องจาก กกต.ได้ตั้งคณะกรรมการสอบสวนขึ้นมาพิจารณาคนละชุด
"ผมเห็นว่าการที่ ป.ป.ช.ได้ดำเนินการส่งเรื่องนี้ให้วุฒิสภา และขณะนี้วุฒิสภาได้ส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญแล้ว เมื่อวุฒิสภาส่งเรื่องไปแล้วก็ไม่รู้ว่า กกต.จะส่งไปซ้ำซ้อนทำไม"
รายงานข่าวแจ้งว่า ในการประชุม กกต.เมื่อวันที่ 3 มิ.ย.ที่ผ่านมา กกต.ได้มีการหยิบยกกรณีที่ พล.อ.ยอดชาย เทพยสุวรรณ ประธานอนุกรรมการไต่สวนกรณีกล่าวหานายสมัคร สุนทรเวช ไปจัดรายการชิมไปบ่นไป เข้าข่ายขาดคุณสมบัติการเป็นรัฐมนตรี ที่ได้มีการสอบถามมายัง กกต.ว่า การสอบกรณีดังกล่าวนี้จะให้คณะอนุกรรมการฯ ใช้อำนาจตามกฎหมายใดในการสอบสวน เนื่องจากเกรงว่ากฎหมายที่มีอยู่ไม่ได้ให้อำนาจไว้ ซึ่งที่ประชุมได้มีการพิจารณามีความเห็นเป็น 2 แนวทาง โดยนายสมชัย จึงประเสริฐ กับนางสดศรี สัตยธรรม เห็นว่าอำนาจของกกต.เกี่ยวกับการตรวจสอบคุณสมบัติมีเฉพาะช่วงเลือกตั้งที่ กกต.อยู่ระหว่างตรวจสอบคุณสมบัติผู้มีสิทธิลงสมัครรับเลือกตั้งเท่านั้น แต่เมื่อเป็นรัฐมนตรีแล้ว การตรวจสอบถอดถอนกรณีขาดคุณสมบัติต้องเป็นหน้าที่ของส.ส. ดังนั้นเรื่องดังกล่าวนี้ จึงไม่เห็นว่ากกต.จะไปดำเนินการถอดถอนนายสมัครได้
ส่วนอีก 2 เสียง คือนายประพันธ์ นัยโกวิท และนายสุเมธ อุปนิสากร ก็มองว่า กกต.มีอำนาจในการสอบสวน และเห็นว่ารัฐธรรมนูญมาตรา 182 เขียนไว้ชัดเจน แต่เรื่องดังกล่าวก็ไม่ได้ข้อยุติ เนื่องจากนายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธานกกต. ติดภารกิจไปต่างประเทศ ไม่ได้อยู่ร่วมประชุม จึงต้องเลื่อนการพิจารณาเรื่องดังกล่าวออกไปก่อน