กกต.ยึดหลักข้อเท็จจริง พิจารณา"หมักชิมไปฯ"

นายประพันธ์ นัยโกวิท กกต.ด้านบริหารการเลือกตั้ง กล่าวถึงกรณีที่นาย เรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ส.ว.สรรหา ยื่นเรื่องให้ กกต.ตรวจสอบคุณสมบัติของนาย สมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี เนื่องจากเกรงว่า การเป็นพิธีกรในรายการ ชิมไป บ่นไป จะขาดคุณสมบัติการเป็นรัฐมนตรี ว่า ขณะนี้ยังไม่ได้รับหนังสือชี้แจงจากนายสมัคร แต่ถ้าไม่ส่ง ก็ไม่เป็นการปัญหาต่อการพิจารณา เพราะประเด็นที่คณะอนุกรรมการฯ จะพิจารณาอยู่ที่ว่า การทำรายการ และมีรายได้ เป็นความผิดหรือไม่ โดยต้องดูข้อเท็จจริง หากคณะอนุกรรมการฯ เสนอผลสอบสวนเข้ามาว่า การกระทำของนายสมัคร ไม่มีสภาพเป็นลูกจ้าง ก็เป็นดุลพินิจของ กกต. ที่จะยกคำร้องก็ได้ แต่ถ้าอนุกรรมการฯ เห็นว่ามีมูล กกต.ก็จะส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญ
"เรื่องนี้ต้องนำข้อเท็จจริง พฤติการณ์ต่างๆ มาประกอบว่า การเข้าไปทำรายการของนายสมัคร มีสัญญาว่าจ้างหรือไม่ มีการให้ค่าตอบแทนในลักษณะใด เพราะรัฐธรรมนูญ มาตรา 267 ระบุแบบกว้างๆว่า ห้ามเป็นลูกจ้างของบุคคลใดแม้แต่บุคคลเดียว ซึ่งไม่ได้เป็นหลักการใหม่ หรือเป็นกับดักของรัฐธรรมนูญอย่างที่มีการกล่าวหากัน เพราะหลักการนี้อยู่ในรัฐธรรมนูญฉบับปี 40 อยู่แล้ว"
เมื่อถามว่า นายสมัคร ระบุว่า การกระทำดังกล่าวไม่ถูกต้อง กกต. ก็ควรทำหนังสือมาเตือนก็น่าเพียงพอแล้ว นายประพันธ์ กล่าวว่า เราไม่มีอำนาจไปเตือนใคร กกต.มีหน้าที่ตามกฎหมายกำหนด คือ พิจารณาว่า คุณทำผิดคุณสมบัติหรือไม่
ด้านนายสมัคร สุนทรเวช กล่าวถึงเรื่องที่จะส่งคำชี้แจง กก.สอบสวนว่า ได้ทำคำชี้แจงเรียบร้อยแล้ว แต่เมื่อให้ทนายความนำไปตรวจก่อนส่งให้กก.สอบสวน ปรากฏว่า ทนายความบอกว่า เขียนอย่างนี้ไม่ได้ เพราะเป็นนักกฎหมายโบราณ เขาต้องเขียนให้รอบคอบ เขาจึงขอเขียนให้ใหม่ เวลานี้กำลังพิมพ์อยู่