“พิภพ” แฉวิชามารรัฐตำรวจ ไล่สอบผู้บาดเจ็บหวังยัดเยียดให้เป็นจำเลย ขณะที่ตัวเองควรเป็นจำเลย จะพลิกเป็นโจทก์เอง จวก ส.ส.ร.3 เล่นเกมปีศาจเร่งเขียน รธน.ใหม่เสร็จใน 30 วัน ซ่อนเงื่อนล้ม ม.309, 237 หวังนิรโทษ 111 ศพ และฟอกผิด “แม้ว” เตือน “สมชาย” ปล่อย “พี่เมีย” พูดเท็จผ่าน NBT เจอฟ้องแน่ ฐานหมิ่นศาล-ร่วมทำผิดกับอาชญากร พร้อมเผยราชนิกุล “โสณกุล” ร่วมบริจาคช่วยผู้บาดเจ็บ 1.5 แสนบาท
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายพิภพ ธงไชย ปราศรัย
เมื่อเวลา 21.35 น.วันที่ 23 ต.ค. นายพิภพ ธงไชย แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ขึ้นเวทีปราศรัยที่ทำเนียบรัฐบาล โดยได้เปิดเผยข้อมูลว่า ขณะนี้ตำรวจซึ่งควรจะเป็นจำเลยจากการใช้กำลังสลายการชุมนุมเมื่อวันที่ 7 ต.ค. กำลังจะทำตัวเป็นโจทก์เสียเอง โดยมีคำสั่งสำนักงานตำรวจแห่งชาติไปยังผู้บาดเจ็บทุกคน และตำรวจในจังหวัดที่ผู้บาดเจ็บมีบ้านอาศัยอยู่ ให้มารายงานตัวเพื่อที่จะสอบในฐานะพยานในเหตุการณ์ นี่เป็นวิธีการแอบแฝง เป็นการสอบเพื่อบันทึกว่า ผู้บาดเจ็บได้ไปอยู่หน้ารัฐสภาเพราะอะไร และจะเปลี่ยนจากการที่จะกันเป็นพยานให้เป็นจำเลย
เรื่องนี้มีการร้องเรียนกันมามากว่าจะให้ทำตัวกันอย่างไร เพราะตำรวจเข้าไปจี้ ถ้าไม่ให้การก็จะมีหมายตำรวจออกมา และไปตามโรงพบยาบาลด้วย ซึ่งวันนี้ทนายความได้ชี้แจงแล้ว โดยทางที่ดีคือไม่ต้องให้การใดๆ ทั้งสิ้น ไม่เช่นนั้น ตำรวจจะเปลี่ยนจากพยานกลายเป็นผู้ต้องหา เพราะเข้าไปอยู่ในบริเวณสภาทำให้ตำรวจต้องสลายการชุมนุม ซึ่งเรื่องนี้จะให้ทนายความเขียนเป็นคำแนะว่าควรทำตัวอย่างไรเมื่อถูกตำรวจข่มขู่
“นี่คือการอยู่ในบ้านเมืองไทยที่เราเคยออกแถลงการณ์ว่าเป็นรัฐตำรวจ ซึ่งนักวิชาการและสื่อมวลชนบางส่วนหาว่าเราพูดเกินจริง แต่วันนี้พิสูจน์ชัดเจนแล้วว่า เราอยู่ภายใต้รัฐตำรวจ ซึ่งเกิดขึ้นตั้งแต่ทักษิณเป็นนายกที่ส่งเสริมให้ตำรวจทำผิดกฎหมาย สามารถวิสามัญประชาชนได้ มาจนถึงรัฐบาลนายสมชาย ที่ให้ตำรวจยิงประชาชนกลางเมืองหลวงได้” นายพิภพ กล่าว
นายพิภพ ได้กล่าวแนะนำผู้บาดเจ็บที่มีแผลซึ่งมีสะเก็ดระเบิดแก๊สน้ำตาฝังในว่า ให้มาทำแผลใหม่ที่เต็นท์พยาบาล เพราะต้องคว้านเนื้อเอาสะเก็ดออกให้หมด เพื่อไม่ให้อักเสบกินเนื้อลึกเข้าไป และให้มาทำแผลเรื่อยๆ อย่าเพิ่งกลับต่างจังหวัด เพราะแพทย์ในต่างจังหวัดอาจไม่รู้จักพิษของระเบิดดีพอ
นายพิภพ กล่าวต่อว่า วันนี้เป็นวันที่ 16 แล้ว หลังจากน้องโบว์ และสารวัตรจ๊าบเสียชีวิต แต่การทำงานของตำรวจยังไม่คืบหน้า มีแต่ผลการสอบสวนของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติเท่านั้นที่มีข้อสรุปออกมา ขณะที่รัฐบาลยังโยนกลองกันไปโยนกลองกันมา และนายจาตุรนต์ ฉายแสง อดีตรักษาการหัวหน้าพรรคไทยรักไทย ยังออกมาให้ข่าวบิดเบือนหาว่าเราทำให้เกิดความรุนแรง เพื่อช่วยนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ให้พ้นจากความผิด ขณะที่นายสมชายเองก็ยังไม่รับผิดชอบ ซึ่งขณะนี้ทนายความของพันธมิตรฯ กำลังรวบรวมหลักฐาน เพื่อบังคับให้นายสมชายต้องรับผิดชอบด้วยการรับโทษทางอาญาให้ได้
สำหรับการช่วยเหลือผู้บาดเจ็บจากเหตุการณ์วันที่ 7 ต.ค.นั้น นายพิภพ กล่าวว่า วันนี้เราได้ช่วยเหลือผู้บาดเจ็บเพิ่มอีก 10 ราย มูลค่าการช่วยเหลือเพิ่ม 6 แสนกว่า รวมยอดการช่วยเหลือถึงวันนี้ประมาณ 4.4 ล้านบาทเศษ ซึ่งเราจะช่วยเหลือเต็มที่ และยกระดับการช่วยเหลือให้ถึงมือผู้บาดเจ็บให้ถึงยอด 28 ล้านบาท
ขณะที่การบริจาคยอดถึงวันที่ 21 ต.ค.มีทั้งสิ้น 34 ล้านบาทเศษ ซึ่งขณะนี้ได้เหยุดรับแล้ว แต่ก็ยังมีบริจาคมาประปราย อาทิ ชมรมหาความจริงและโปร่งใส บริจาคเงินสด 3 หมื่นกว่าบาท เช็ก 2 หมื่นบาท พนักงานบริษัทโรม 9,400 กว่าบาท คุณเสริมศักดิ์ พงษ์จันทร์พิไล 2 หมื่นบาท ผู้บริจาครายย่อย 5 พันกว่าบาท และอีกยอด 22,000 กว่าบาท
นอกจากนี้ ม.ร.ว.นิวัตวาร ณ ป้อมเพชร บริจาค 50,000 บาท ม.ร.ว.สุพิชชา โสณกุล (ธิดาของเสด็จในกรมฯ พระวรวงศ์เธอพระองค์เจ้าธานีนิวัต กรมหมื่นพิทยลาภพฤฒิยากร อดีตประธานองคมนตรีและผู้สำเร็จราชการแทนพระองค์) บริจาค 100,000 บาท และผู้ไม่ประสงค์ออกนามบริจาคผ่าน พล.ต.จำลอง ศรีเมืองอีก 50,000 บาท
นายพิภพยังได้แจ้งว่า วันอาทิตย์ที่ 26 ต.ค.นี้เวลา 14.00 น.จะมีพิธีฌาปณกิจศพ นายสมเลิศ เกษมสุขปราการ ที่วัดพระยาสุเรนทร ซอยรามอินทรา 109 ขอเชิญพันธมิตรฯ ไปร่วมงานดังกล่าว ซึ่งนายนายสมเลิศนั้นมาร่วมต่อสู้กับพันธมิตรฯ ตั้งแต่ต้น และเสียชีวิตด้วยอาการหัวใจวายระหว่างร่วมชุมนุมในทำเนียบรัฐบาล ดังนั้น ถึงแม้ไม่เสียชีวิตในเหตุการณ์วันที่ 7 ต.ค. แต่พันธมิตรฯ ก็ยกให้เป็นวีรบุรุษด้วย
นายพิภพ กล่าวต่อว่า ขณะนี้รัฐบาลกำลังเร่งเขียนรัฐธรรมนูญฉบับใหม่ โดยตั้ง ส.ส.ร.3 ขึ้นมา ซึ่งทีแรกจะใช้เวลา 240 วัน แล้วลดลงมาเหลือ 120 วัน ล่าสุดมีข่าวว่าจะใช้แค่ 30 วันเท่านั้นในการเร่งเขียนให้เสร็จ
“นี่มันเป็นเกมอะไรกัน เกมปีศาจใช่หรือเปล่า จะหลอกลวงสังคมไทย แท้ที่จริงซ่อนเงื่อนงำเอาไว้ จะเอามาตรา 309 มาตรา 237 และมาตรา 190 ออก (จากรัฐธรรมนูญ 2550) เพื่อนิรโทษกรรมให้ 111 คน และทักษิณ ชินวัตร เขากำลัวงดูถูกคิดว่าสังคมไทยโง่ อยากทำอะไรเพื่อนายของตนก็จะทำ โดยไม่คำนึงถึงความเสียหายของประเทศ” นายพิภพกล่าว
นายพิภพ กล่าวถึงกรณี พ.ต.ท.ทักษิณจะใช้รายการความจริงวันนี้ ทางสถานีโทรทัศน์เอ็นบีทีถ่ายทอดสดมาจากลอนดอนว่า เรื่องนี้นายสมชายบอกว่าไม่มีผลกระทบต่อรัฐบาล ซึ่งมันก็ใช่ เพราะรัฐบาลนี้เป็นนอมินีของ พ.ต.ท.ทักษิณ แต่เราเห็นว่าช่อง 11 นั้น เป็นเงินอาการของประชาชน ไม่มีสิทธิ ที่คนที่ถูกลงโทษเป็นอาชญากรจะมาแถลงความเท็จ
ถ้ารัฐบาลนายสมชายยังให้อาชญากรมาแถลงความเท็จนอกศาล ทั้งที่ศาลได้ให้โอกาสสู้คดีแล้ว แต่ พ.ต.ท.ทักษิณ สละสิทธิโดยการหนีศาล เมื่อศาลตัดสินลงโทษไปแล้ว นายสมชาย ที่เป็นอดีตผู้พิพากษาจะให้ พ.ต.ท.ทักษิณแถลงความเท็จผ่านสื่อของรัฐทั้งหมด แสดงว่านายสมชายต้องการหักหน้าศาล นี่เป็นการทำลายกระบวนการยุติธรรม หักศาล ทั้งที่นายสมชายควรจะเอาบทสรุปของศาลที่ตัดสิน มาออกอากาศทุกวันเพื่อให้ประชาชนเข้าใจ
นายพิภพ กล่าวต่อว่า ขณะนี้คนที่นิยม พ.ต.ท.ทักษิณในภาคเหนือภาคอีสานหรือที่ไหนก็ตาม ยังคิดว่า คมช. ตุลาการภิวัฒน์ กลั่นแกล้ง พ.ต.ท.ทักษิณ และ พ.ต.ท.ทักษิณก็บอกว่าตนเองถูกกลั่นแกล้ง เพราะเป็นนักการเมืองจึงถูกตัดสินให้ติดคุก แต่เขาไม่บอกว่าตัวเองเป็นนักการเมืองที่มีผลประโยชน์ทับซ้อน ใช้อำนาจในทางมิชอบเอื้อประโยชน์ให้เมียตัวเอง จึงถูกตัดสินให้มีความผิด
“ขอเตือนไว้ว่า เราจะฟ้องนายกฯ สมชายและทีวีที่ถ่ายทอดสด พ.ต.ท.ทักษิณว่าหมิ่นประมาทศาล เราจะถือว่ารัฐบาลที่คุมสื่ออยู่แล้ว ร่วมทำผิดกับอาชญากรที่ถูกตัดสินลงโทษแล้ว 2 ปี อันนี้เรากล่าวหารัฐบาลได้ หรือถ้าให้ทักษิณพูดต่อสาธารณะได้ ก็ต้องให้นักโทษเรือนแสนได้พูดกับสาธารณะด้วย ไม่เข้าใจว่าทำไมอดีตผู้พิพากษากำลังจะปล่อยให้มีการทำลายกระบวนการยุติธรรม ทำลายศาลที่ตนเคยอยู่ เคยประกอบอาชีพ ถามหน่อยว่าสำนึกแบบนี้ควรอยู่กับคนหรืออยู่กับอย่างอื่น”
นายพิภพ กล่าวต่อว่า เรื่องนี้ต้องพูดถึงรัฐบาลพล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ ด้วย เพราะบาปกรรมครั้งนี้ พล.อ.สุรยุทธ์มีส่วน ตอนตัดสินยุบพรรค ก็ไม่ใส่ใจเอาคำพิพากษายุบพรรคไทยรักไทยว่ามีสาเหตุอะไร ออกเผยแพร่ ทำให้พวกเราต้องมาประท้วงอีก ดังนั้น การกระจายข้อมูลข่าวสารเป็นเรื่องสำคัญ ขอให้พี่น้องช่วยกันกระจายความจริง และเชื่อมั่นว่าความจริงต้องชนะความเท็จ เป็นภารกิจทางประวัติศาสตร์ของเราที่จะเอาความจริงไปสู้กับความเท็จ
นายพิภพกล่าวว่า วันที่ 1 พ.ย.นี้ หาก พ.ต.ท.ทักษิณถ่ายทอดสดไปยังคนของพวกเขา พันธมิตรฯ จะจับตาดูว่า มีความเท็จอะไรบ้าง และจะอธิบายบนเวทีนี้
“เป็นเรื่องที่เหนื่อยในการสู้กับคนไร้ยางอาย ไม่รู้อะไรถูกผิด อะไรควรทำไม่ควรทำ นายสมชาย จะบอกไม่รู้ไม่ได้ เพราะเคยเป็นผู้พิพากษา และอยากเตือนเรื่องการปล่อยให้สื่อหมิ่นสถาบันทางเว็บไซต์ ทั้งที่รัฐบาลคุมได้ แต่ไม่ทำ และยังบอกว่าทักษิณพูดวันที่ 1ไม่กระทบรัฐบาล แล้วจะมีรัฐบาลไว้ทำไม เคยถวายสัตย์แล้ว รัฐธรรมนูญก็มีแล้วว่ารัฐบาลต้องดูแลสถาบันต่างๆ รวมถึงสถาบันตุลาการ แต่กลับปล่อยให้อาชญากรมาทำลายศาล เพราะฉะนั้นจะถือว่ารัฐบาลร่วมทำผิดด้วย ถือเป็นอาชญากรด้วย”
นายพิภพ กล่าวทิ้งท้ายว่า การดื้อดึงทำอย่างนี้รังแต่จะทำให้เกิดความแตกแยกในสังคมไทยไปเรื่อยๆ เพราะการรักษาความสามัคคี ไม่ให้เกิดความแตกแยกนั้น มีอย่างเดียวคือพูดความจริงให้ปรากฏ