ASTVผู้จัดการรายวัน - พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวมีพระราชดำรัสให้รัฐบาลทำบ้านเมืองมีความเรียบร้อย เป็นไปด้วยดี ให้คนไทยมีความสุข ก็จะเป็นบุญสำหรับประเทศ สามารถปฏิบัติงานโดยเรียบร้อยทุกอย่าง “อภิสิทธิ์” น้อมนำพระราชดำรัสใส่เกล้าฯ มาใช้บริหารประเทศ พร้อมวอนประชาชนให้ความร่วมมือ ขอพิสูจน์ด้วยการกระทำ “กรณ์” มั่นใจสร้างความเชื่อมั่นเศรษฐกิจได้ เผยเตรียมมาตรการแก้ปัญหาไว้หมดแล้ว รอประกาศหลังแถลงนโยบายเสร็จ ปัดแทรกแซงแบงก์ชาติทำให้ค่าบาทอ่อน เตรียมหารือสัปดาห์นี้ ด้าน “พรทิวา”ยอมรับหวังพึ่งที่ปรึกษาในการทำงาน ขณะที่ทูตอังกฤษประจำประเทศไทย มั่นใจ “มาร์ค” สร้างความเชื่อมั่น-แก้ปัญหาเศรษฐกิจได้ “ชวน”ระบุปัญหาเงิน 80 ล้านจบแล้ว เตือนลูกทีมระวังปากจะตกเป็นเหยื่อการเมือง “นิพิฏฐ์” ตอก “สุรพงษ์” ร้อง ป.ป.ช.เหมือนคนหัวล้านขายยาปลูกผม “วีระชัย” พร้อมเคลียร์ถ้ามีโอกาส “สดศรี”สั่ง กกต.เช็คเงินบริจาค ปชป.
เมื่อเวลา 17.00 น. วานนี้ (22 ธ.ค.) พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯ ออก ณ พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน พระราชวังดุสิต พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี นำคณะรัฐมนตรี ซึ่งทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้ง เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนเข้ารับหน้าที่
ในการนี้ ได้พระราชทานพระราชดำรัสเพื่อเป็นแนวทางในการปฏิบัติหน้าที่ ความว่า “รัฐมนตรีที่จะเข้ารับหน้าที่ต่อไปนี้ ได้ปฏิญาณตนว่าจะปฏิบัติหน้าที่อย่างดีเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติ มีหน้าที่สำคัญที่สุดทำให้ประเทศชาติมีความสุข ความเรียบร้อย ถ้าท่านทำงานเรียบร้อย ก็เป็นสิ่งที่เป็นบุญสำหรับประเทศ เพราะประเทศต้องมีคนที่ดูแลความเป็นอยู่อย่างดี ถ้าไม่เช่นนั้นไม่สามารถที่จะปฏิบัติงานของประชาชนทั่วไปได้ดีนัก และถ้าท่านได้ช่วยกันทำให้บ้านเมืองมีความสุขความเรียบร้อย ก็ทำให้ประเทศชาติผ่านไปได้ด้วยดี ซึ่งเป็นความต้องการของประชาชนคนไทยทุกคน ที่จะให้ประเทศชาติดำเนินไปด้วยดี เพราะว่าทำให้สามารถที่จะมีความเป็นไทยอยู่ได้ ก็ขอให้ท่านพยายามที่จะปฏิบัติงานให้ดีที่สุด เพื่อที่จะให้คนไทยมีความเรียบร้อย มีความสุข ถ้าทำไม่ดี จะเป็นคนที่อยู่ในตำแหน่งสูงหรือเป็นคนทั่วไปทำไม่ดี ก็ทำให้ประเทศชาติล่มจมได้”
“พวกท่านมีหน้าที่สำคัญอยู่สูง ทำให้ประเทศชาติดำเนินไปโดยดี ขอให้ปฏิบัติงานเพื่อความดีของประเทศ ความสงบสุขของประเทศ ซึ่งเป็นความจำเป็นที่สุด ถ้าท่านทำได้ ท่านเองก็มีความสุขและประชาชนทั่วไปทุกหมู่เหล่าได้มีความสุขทั้งนั้น คนไหนจะทำอะไรก็สามารถที่จะปฏิบัติงานได้ ถ้าท่านช่วยกันดูแลประเทศชาติให้มีความราบรื่น ท่านเองก็มีความสุขเหมือนกัน ที่ท่านตั้งใจที่จะปฏิบัติงานด้วยดีนั้น เป็นความดีที่ท่านจะทำสำหรับตัวเองด้วย สำหรับส่วนรวมด้วย เพราะถ้าส่วนรวมอยู่ดี ท่านก็อยู่ดี ขอให้ท่านปฏิบัติงานอย่างเรียบร้อย ทำให้ประเทศมีความราบรื่น ซึ่งชาติต้องการความสุขสงบของประเทศ สามารถปฏิบัติงานโดยเรียบร้อยทุกอย่าง ขอให้ท่านมีความสำเร็จในงานการแต่ละส่วนที่ท่านต้องทำ”
**”อภิสิทธิ์”รับพระราชดำรัสใส่เกล้าฯ
นายอภิสิทธิ์ให้สัมภาษณ์หลังเข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณ ถึงพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวว่า ได้รับพระราชดำรัสใส่เกล้าใส่กระหม่อม น้อมนำไปปฏิบัติ โดยเฉพาะที่พระองค์ท่านรับสั่งถึงความสำคัญของการทำงานให้สำเร็จ เพื่อให้บ้านเมืองเรียบร้อย เพื่อความสุขของส่วนรวม และทรงรับสั่งถึงความจำเป็นที่จะต้องบริหารบ้านเมืองให้เรียบร้อย เพื่อให้เกิดความสุขของประชาชน และประเทศ เป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด
สำหรับการประชุมครม.ครั้งแรกในวันที่ 23 ธ.ค.นั้น วาระคือ เรื่องนโยบาย การบริหารราชการแผ่นดิน เพราะต้องการได้รับการอนุมัติจากครม. หลังจากที่พรรคร่วมได้ประชุมกันมาหลายครั้ง ซึ่งร่างเกือบสมบูรณ์แล้ว โดยจะให้รัฐมนตรีให้ข้อสังเกตเพิ่มเติม จะได้ดำเนินการส่งให้รัฐสภาต่อไป เรื่องการแต่งตั้งต่างๆเป็นเรื่องของรัฐมนตรีแต่ละท่านไปดำเนินการ
**ขอทุกฝ่ายร่วมสร้างประโยชน์สุขของปชช.
ผู้สื่อข่าวถามว่าวันนี้ท่านได้เป็นนายกรัฐมนตรีสมบูรณ์แล้ว อยากฝากอะไรถึงคนไทย นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ขอย้ำอีกครั้งว่าบ้านเมืองของเราวันนี้ประสบกับความยากลำบากมาต่อเนื่องพอสมควร มันไม่มีคนใด ไม่ว่าจะเป็นนายกรัฐมนตรี หรือ ครม. ที่จะสามารถทำงานนี้ให้สำเร็จลุล่วงได้ ถ้าไม่ได้รับความร่วมมือจาก พี่น้องประชาชนคนไทยทั้งประเทศ อยากให้ความมั่นใจว่าตนและครม.มาอยู่ตรงนี้จะทำเพื่อประโยชน์สุขของประชาชน เพราะฉะนั้นก็ขอความร่วมมือจากท่านมาสร้างประโยชน์สุขร่วมกัน เมื่อถามว่า จะเป็นนายกฯแบบในภาวะที่บ้านเมืองแตกแยก นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ที่จริงดีกว่าคำพูดคือการกระทำ ตนต้องการเป็นนายกฯที่สร้างความสามัคคีให้กลับคืนมาในชาติ ให้คนไทยมีความมั่นใจในอนาคต และต่างชาติมีความมั่นใจในประเทศไทย
ส่วนที่นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ยังยืนยันว่า แก๊งออฟโฟร์ในพรรคมีจริง จะทำการเรียกนายเฉลิมชัยมาคุยหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า มีโอกาสจะได้คุยกัน
**แถลงข่าวนัดแรกหลังประชุมครม.วันนี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้15.00 น. นายอภิสิทธิ์ ได้เดินทางมายังทำเนียบรัฐบาลเพื่อถ่ายรูปร่วมกับ คณะรัฐมนตรี (ครม.) ก่อนเดินทางเข้าเฝ้าฯ เพื่อถวายสัตย์ปฏิญาณ โดย ภายหลังจากการถ่ายรูปร่วมกันของครม.แล้วนั้น บรรดารัฐมนตรีต่างก็ทยอยกันขึ้นรถตู้ที่ทางสำนักนายกรัฐมนตรีจัดเตรียมไว้ให้ ส่วนนายอภิสิทธิ์ ได้ทักทาย พูดคุยกับรัฐมนตรีบางส่วน อาทิ นายวีระชัย วีระเมธีกุล, นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ,นางระนองรักษ์ สุวรรณฉวี เป็นต้น
จากนั้นนายอภิสิทธิ์ เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ในวันที่ 23 ธ.ค. จะมีการแถลงกับสื่อมวลชนเป็นครั้งแรกหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับบรรยากาศภายในทำเนียบรัฐบาล มีการตกแต่ง ฉากสำหรับถ่ายรูปโดยให้นายกรัฐมนตรีและครม.นั่งเก้าอี้ซึ่งติดหมายเลขต่างๆ ไว้ตามลำดับ โดยนายกรัฐมนตรี นั่งหมายเลข 9 ติดกับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ และนายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกฯ
**”สุเทพ”พร้อมดูแลงานความมั่นคง
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขณะนี้นายอภิสิทธิ์ ยังไม่ได้มอบหมายงานให้รับผิดชอบ แต่หากให้ดูแลด้านความมั่นคง ก็พร้อมที่จะทำงานอย่างเต็มที่และทำให้ดีที่สุด เพื่อให้นายกรัฐมนตรีสบายใจ จะได้ทำงาน บริหารบ้านเมืองด้านอื่นอย่างเต็มที่ และตนจะช่วยดูแลความเรียบร้อยภายในพรรค ร่วมรัฐบาล เพื่อไม่ให้เกิดแรงกระเพื่อมทางการเมือง
ส่วนกรณีที่นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย ยื่นหนังสือให้ ป.ป.ช. ตรวจสอบกรณีที่พรรคประชาธิปัตย์ส่งเอสเอ็มเอส โดยระบุว่าผิดรัฐธรรมนูญ และจะรวบรวมหลักฐานกรณีซื้อตำแหน่งรัฐมนตรีให้อัยการพิจารณาสั่งยุบพรรคนั้น นายสุเทพ กล่าวว่า การบริจาคเงินทุกครั้งเป็นไปตามขั้นตอน อย่างถูกต้อง มีใบเสร็จและสำเนาชัดเจน อย่างไรก็ตาม พร้อมให้ข้อมูลกับ ป.ป.ช. หากมีการเรียกเข้าไปชี้แจง เพราะพรรคไม่มีการใช้เงินซื้อตำแหน่ง และไม่มีกลุ่มทุนเข้ามาครอบงำอย่างแน่นอน
นายสุเทพ ยังกล่าวถึงปัญหาความขัดแย้งภายในพรรคประชาธิปัตย์ว่า ตนยังไม่ได้ทำความเข้าใจกับนายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ส.ส.พัทลุง แต่คาดว่า นายกรัฐมนตรี และนายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ น่าจะทำความเข้าใจกับนายนิพิฏฐ์แล้ว และนายนิพิฏฐ์เข้าใจดี ปัญหาก็น่าจะจบลงได้
**”กรณ์”ฟุ้งสร้างความเชื่อมั่นได้แน่
นายกรณ์ จาติกวณิชย์ รมว.คลัง กล่าวว่า ในเวลา 07.30 น.ในวันนี้ ( 23 ธ.ค.) จะเดินทางไปทำงานที่กระทรวงการคลัง ส่วนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจะมีการแถลงนโยบายของทางรัฐบาลก่อนปีใหม่เพื่อรัฐบาลจะได้เดินหน้าการแก้ปัญหาเศรษฐกิจและปากท้อง รวมทั้งลดภาระค่าใช้จ่าย และลดปัญหาต้นทุนของผู้ประกอบการได้ในทันทีหลังปีใหม่ ทั้งนี้ก็ตระหนักถึงความเร่งด่วนในปัญหาของผู้ประกอบการและพี่น้องประชาชนที่เกิดขึ้นจากวิกฤติเศรษฐกิจปัจจุบันนั้นรัฐบาลนั้นรับทราบและเข้าใจและจะดำเนินการแก้ไขอย่างเร่งด่วน
ส่วน 6 มาตรการรถเมล์ฟรี รถไฟฟรี น้ำ-ไฟฟ้าฟรีจะยืดออกไปอีกหรือไม่ รมว. คลัง กล่าวว่า ตนคิดว่าในตัวของมาตรการต้องรอการเสนอผ่านการแถลงนโยบาย อีกครั้งในรายละเอียด โดยภายหลังการถวายสัตย์นั้นในแง่ของความพร้อม ในการเสนอความคิดในรายละเอียดก็จะตามมา ซึ่งอย่างไรก็ตามรัฐบาลได้เตรียม มาตรการไว้ครบถ้วนพร้อมนำเสนอต่อสาธารณชน
“ผมเชื่อในระดับหนึ่งว่าความเชื่อมั่นจะกลับมาทั้งๆ ที่ปัญหาต้องยอมรับว่าลึก และกว้างมาก เราก็พอทราบกันดีว่าเครื่องไม้เครื่องมือของทางรัฐบาลก็ยังพอมีอยู่ แต่เมื่อมองดูในส่วนของรายรับในส่วนของรัฐบาลก็ปรับลดลงด้วยความจำเป็น จากที่เคยมีการประมาณการไว้ในการทำงบฯปี52”
**ปฏิเสธสั่งธปท.ทำให้เงินบาทอ่อนค่า
ส่วนความพยายามที่จะทำให้ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) ทำให้เงินบาท อ่อนค่าลงเท่ากับเป็นการแทรกแซงหรือไม่ รมว.คลัง กล่าวว่า ตนไม่เคยพูดเรื่องนี้ ซึ่งประเด็นที่จะปรึกษากับทางธปท.ก็มีอยู่หลายเรื่อง ซึ่งส่วนที่สำคัญคือการรับฟังข้อมูลและข้อเสนอแนะจากทางธปท. โดยเฉพาะแนวคิดนโยบายทางการเงินของ ธปท. ณ วันนี้เรายังไม่มีข้อมูลหรือจุดยืนใด ๆ ที่จะไปนำเสนอกับธปท. คงจะเป็นการนัดพบเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูล
“จากการตัดสินใจปรับลดอัตราดอกเบี้ยของ กนง. ในการประชุมครั้งที่ผ่านมา สะท้อนให้เห็นอยู่แล้วว่าธปท.ตระหนักถึงปัญหาเศรษฐกิจ โดยเฉพาะปัญหาการขยายตัวของเศรษฐกิจ และผลที่อาจจะตามมาในเรื่องของระดับการว่าจ้าง หรือปัญหาต่าง ๆ เพราะฉะนั้นแนวคิดในเชิงของการวิเคราะห์ปัญหาเศรษฐกิจโดยทั่วไปตอนนี้ก็ดูเหมือนสะท้อนกลับ”
“คือเดิมทีธปท.มีความกังวลเรื่องเงินเฟ้อ ซึ่งเป็นความกังวลที่ถูกต้องตาม สถานการณ์แต่วันนี้สภาวการณ์เปลี่ยนไป เท่าที่ผมดูจากการตัดสินใจด้านการบริหารจัดการของทางธปท. ก็สอดคล้องกันอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นมองว่าไม่น่าจะมีปัญหาใด ๆ ทั้งสิ้น อย่างไรก็ตามยังไม่ได้มีการนัดหมายธปท.ที่จะหารือ แต่คาดว่าภายในสัปดาห์นี้ ซึ่งนายกฯ ได้ฝากไว้กับผมแล้วว่าอยากจะที่เข้าไปปรึกษาเพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็น และรับฟังข้อมูลจากทางธปท.”
**”พรทิวา”หวังพึ่งที่ปรึกษาเดินงาน
นางพรทิวา นาคาศัย รมว.พาณิชย์ กล่าวถึงการเข้ามาดำรงตำแหน่งท่ามกลาง เสียงวิพากษ์วิจารณ์ในเรื่องการบริหารงานว่า ตนจะบริหารงานโดยมีที่ปรึกษา ในเรื่องการให้ข้อมูลจากนักส่งออก หรือนักวิชาการ ซึ่งยอมรับว่ามีอยู่ทุกสาขา
ผู้สื่อข่าวถามว่ารัฐมนตรีเน้นแต่ที่ปรึกษาแล้วตัวรัฐมนตรีจะบริหารงานด้วย ตนเองอย่างไร นางพรทิวา กล่าวว่า ตนเองมีประสบการณ์ในเรื่องการทำงาน แต่เรื่องนโยบายอาจจะต้องมีที่ปรึกษาโดยเราจะทำงานแบบทีมเวิร์ค ซึ่งจะแถลงเปิดตัวทีมที่ปรึกษาในเวลา 09.00 น. ในวันพุธที่ 24 ธ.ค.ที่กระทรวงพาณิชย์
สำหรับตัวเลขการส่งออกของเดือนพฤศจิกายน – ธันวาคม 2551 ที่ติดลบกว่า 18% มีแนวทางนโยบายต่อเรื่องส่งออกอย่างไรนั้น ซึ่งนางพรทิวา กล่าวด้วยน้ำเสียง อ้ำอึ้ง โดยมีคำว่า อ้า .. อ้า เป็นระยะ อยู่ตลอดเวลา พร้อมสีหน้าวิตกกังวล พร้อมกับบอกว่าเราต้องเข้าใจวิกฤตส่งออกของประเทศไทย รวมทั้งประเทศคู่ค้าไทยควบคู่กับดูแลตลาดภายในประเทศและต่างประเทศ โดยเฉพาะต่างประเทศจะต้องเน้นในเรื่อง ของตลาดใหม่ เช่น จะต้องเดินสายเป็นแม่ค้าออกไปเดินสายสินค้าในต่างประเทศเองเป็นต้น เมื่อถามว่า มีแผนการเดินสายเป็นแม่ค้าอย่างไร นางพรทิวา ไม่ตอบคำถาม พร้อมกับเดินเลี่ยงไปทันที
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับทีมที่ปรึกษาด้านพาณิชย์ ที่นางพรทิวา ระบุนั้นประกอบไปด้วย 1. นายไชยา ยิ้มวิไล นักวิชาการอิสระ อดีตโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สมัย พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ เป็นนายกรัฐมนตรี 2.นายอุตมะ สาวนายนต์ อดีตที่ปรึกษานายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ สมัยดำรงตำแหน่ง รมว.พาณิชย์ ยุครัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร 3. นายอนุรักษ์ โควภาสัย ผู้บริหารบริษัท พรานทะเล ซึ่งเป็นผู้ใกล้ชิดนายอนุชา นาคาศัย สามีของนางพรทิวา ซึ่งถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง อยู่ใน 111 คน และ 4.นายสำราญ ภูอนันต์ตานนท์ อดีตผู้บริหารธนาคารพาณิชย์
**ทูตอังกฤษมั่นใจ “มาร์ค”ฟื้นศก.ได้
วันเดียวกัน เมื่อเวลา 09.00 น. นายควินทัน เควลย์ เอกอัครราชทูตอังกฤษประจำประเทศไทย เข้าพบ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี คนที่ 27 ของประเทศไทย เพื่อแสดงความยินดีในนามรัฐบาลอังกฤษ โดยนายควินทัน กล่าวว่า เห็นได้ชัดว่า นายอภิสิทธิ์ มีคุณสมบัติและความสามารถที่ดีเยี่ยม เพราะเป็นศิษย์เก่าโรงเรียนอีทันในอังกฤษและจบจากมหาวิทยาลัยอ๊อกฟอร์ด ประเทศอังกฤษเช่นกัน อย่างหนึ่งที่สำคัญ นายอภิสิทธิ์ยังเป็นแฟนฟุตบอลอังกฤษด้วย โอกาสนี้นายควินทันได้มอบของขวัญคือ เสื้อเชิ้ต นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด ซึ่งเป็นทีมโปรด ของนายอภิสิทธิ์ โดยด้านหลังเสื้อมีชื่อ นายอภิสิทธิ์ และเบอร์ 27
นายควินทันกล่าวภายหลังการหารือว่า ในการหารือกันตนเห็นด้วยกับ นายอภิสิทธิ์ที่รัฐบาลมีภารกิจใหญ่ คือ ฟื้นความมั่นใจของนานาชาติในประเทศ, สร้างความสมานฉันท์เพื่อไม่ให้เกิดความขัดแย้ง โดยยึดหลักนิติธรรม ,รักษาความปลอดภัยของสนามบินซึ่งถือว่าเป็นประตูการท่องเที่ยวของไทย และสร้างความมั่นใจแก่นักธุรกิจทั้งชาวไทยและต่างประเทศ เพื่อส่งเสริมเศรษฐกิจ แบบเสรีนิยม ซึ่งจะดึงให้มีการลงทุนในไทยให้มากขึ้น
ทั้งนี้จากคุณสมบัติ เป็นคนที่มีความรู้ความสามารถด้านต่างประเทศและเศรษฐกิจเชื่อว่าจะแก้ปัญหาเศรษฐกิจได้
ผู้สื่อข่าวถามว่าภายใน 2-3 เดือนจะชัดเจนหรือไม่ นายควินทัน กล่าวว่า รู้สึกว่า วันนี้(22 ธ.ค.) เป็นวันแรกที่รัฐบาลจะเข้าทำเนียบ ต้องดูนโยบาลและรอฟังการแถลงนโยบายในวันที่ 28-29 ธ.ค.นี้
**”อภิสิทธิ์”ปัดเป็นรัฐบาลไฮแจ็ก
นายอภิสิทธิ์ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช เตรียมแฉขั้นตอนการตั้งรัฐบาลในวันแถลงนโยบายว่า ไม่รู้สึกกังวล และไม่ทราบว่านายเสนาะมีข้อมูลอย่างไร แต่ในวันแถลงนโยบายเป็นโอกาสที่ส.ส.ทุกคน สามารถอภิปรายตามกรอบตามข้อบังคับได้อยู่แล้ว อย่างไรก็ตามยืนยันว่าการตั้งรัฐบาลครั้งนี้ไม่ได้เป็นการปล้นกลางอากาศ หรือไฮแจ็ก แต่เป็นเรื่องของเสียงข้างมาก ในสภาผู้แทนราษฎร และการลงคะแนนเลือกนายกรัฐมนตรีก็เป็นการลงคะแนน โดยเปิดเผย ซึ่งส.ส.มีอิสระตามรัฐธรรมนูญ ดังนั้นก็เปิดโอกาสให้วิจารณ์ได้ แต่เราก็พร้อมที่จะชี้แจง เพราะการดำเนินการทั้งหลายมีความชัดเจนในตัว หลายเรื่องเราก็เปิดเผยต่อสาธารณะอย่างชัดเจน และกระบวนการในการเลือกนายกรัฐมนตรีก็เป็นไปอย่างเปิดเผยในสภา
“หากคนอย่างผมเลือกได้ว่าจะมาในจังหวะไหน อย่างไร ก็คงไม่เลือกที่จะเป็นอย่างนี้ แต่ขณะเดียวกันทุกอย่างเป็นไปตามกติกา และในวิถีทางของรัฐสภาทั่วโลก เป็นเรื่องปกติมากที่พรรคอันดับ 1 เมื่อเข้าไปบริหารแล้วมีปัญหาก็เปิดโอกาสให้อันดับ 2 จัดตั้งรัฐบาล นอกจากนั้นแล้ว แม้ไม่นับกลุ่มเพื่อนเนวิน หรืออดีตส.ส.พรรคพลังประชาชน บรรดาประชาชนที่เลือกพรรคการเมืองที่มาสนับสนุนผม ก็มีมากกว่าประชาชนที่เลือกพรรคพลังประชาชน เพราะฉะนั้นตรงนี้ไม่ได้มีปัญหา และคนในต่างประเทศก็เข้าใจ”
**ไม่กำหนดแก้รธน.กลัวถูกต้าน
ส่วนกรณีที่กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เตรียมชุมนุมที่สนามหลวงและเรียกร้องให้ยุบสภานั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า สิ่งที่ต้องการจะทำคือดูแลให้บ้านเมืองสามารถตั้งหลักและเดินหน้าต่อไปได้ โดยเฉพาะขณะนี้ต้องยืนยันความเป็นประธานและความเป็นผู้นำในอาเซียน เพื่อให้ต่างชาติมั่นใจ และประเทศไทย รวมทั้งคนไทยจะได้ประโยชน์ ซึ่งหากทำตรงนี้ได้จะทำให้ปัญหาเศรษฐกิจมีกรอบการทำงานที่ทำให้เรามั่นใจว่าคนจะไม่ตกงานจำนวนมาก หรือหากคนตกงานเราจะมีมาตรการรองรับ
ขณะเดียวกันก็เปิดทางสำหรับการปฏิรูปการเมือง ซึ่งน่าเชื่อได้ว่าในที่สุด ต้องนำไปสู่การแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่หากตั้งธง ที่การแก้ไขรัฐธรรมนูญก็เกรงจะเข้าใจผิดคิดว่าแก้เพื่อเรื่องนั้นเรื่องนี้ ดังนั้นรัฐบาล จึงไม่บรรจุเรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญ ไว้ในนโยบาย ทั้งนี้เชื่อว่าไม่น่าจะมีปัญหาคัดค้าน จากกลุ่มเพื่อนเนวิน เพราะตอนคุยกันเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญก็อยู่ในกรอบของการปฏิรูปการเมืองทั้งสิ้น
ผู้สื่อข่าวถามว่านี้คือเหตุผลที่ไม่บรรจุเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญไว้ในนโยบายรัฐบาลที่จะแถลงต่อรัฐสภาใช่หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า "ถูกต้องครับ ถ้าตั้งประเด็นปฏิรูปทางการเมืองทุกฝ่ายน่าจะเห็นพ้องต้องกัน"
**เอาผลงานอุ้มเสถียรภาพรัฐบาล
สำหรับปัญหาขัดแย้งภายในพรรคประชาธิปัตย์จะส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพ ของรัฐบาลและการบริหารประเทศหรือไม่นั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่าขณะนี้มีความ พยายามที่จะทำให้ทุกอย่างราบรื่น และตนมั่นใจว่าไม่มีปัญหา รวมทั้งมั่นใจว่า รัฐบาลอยู่ในภาวะที่เริ่มต้นทำงานได้ หลังจากนั้นเราก็เอาผลงานมาเป็นตัวช่วย ในเสถียรภาพ ซึ่งคิดว่าในช่วง 2-3 เดือนแรกต้องมีความชัดเจนมาก อย่างน้อยที่สุด ที่วางตารางเวลาเอาไว้หลังแถลงนโยบายภายใน 1 เดือนคือเรื่องของอาเซียนกับเรื่องแผนเศรษฐกิจเรียบร้อย
**”แม้ว”โฟนอินได้แต่อย่าปลุกระดม
ส่วนกรณีที่พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ระบุไม่ได้รับความเป็นธรรมจากรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ ย้อนถามว่า รัฐบาลไหน และยืนยันว่ากระบวนการยุติธรรมของประเทศไทยเป็นกระบวนการที่ให้ความเป็นธรรม เชื่อถือได้ และอยากให้พ.ต.ท.ทักษิณเข้ามาสู่กระบวนการยุติธรรม ส่วนที่จะยังคงเดินหน้าโฟนอินนั้น เห็นว่าหากพ.ต.ท.ทักษิณจะพูดคุยกับใครก็สามารถทำได้ แต่อย่าปลุกระดม หรือกระตุ้นให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง เพราะคนไทยเดือดร้อนกันมาเป็นปี จึงอยากให้หลายสิ่งหลายอย่างเดินไปข้างหน้าได้
ผู้สื่อข่าวถามถึงบทบาทของกระทรวงการต่างประเทศจะต้องเข้าไปดูแลไม่ให้ พ.ต.ท.ทักษิณใช้ประเทศใดประเทศหนึ่งเป็นฐานในการโจมตีประเทศไทยหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนเชื่อว่ามิตรประเทศคงไม่อยากให้ใครใช้ประเทศของเขา มาโจมตีไทย แต่ขณะนี้เราไม่ทราบว่าที่ไปที่มาของพ.ต.ท.ทักษิณเป็นอย่างไร
**”ชวน”ยันปชป.ไร้ปัญหาขัดแย้งแล้ว
นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงความขัดแย้ง ภายพรรคเกี่ยวกับการจัดสรรเก้าอี้รัฐมนตรีตามที่ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รองหัวหน้าพรรค ออกมาระบุว่ามีแก๊งออฟโฟร์ภายในพรรคเข้ามาร่วมจัดการด้วยว่า หลังจากเกิดปัญหาตนเห็นด้วยกับคนที่ผิดหวังบางคนที่ระบุว่าจะเดินหน้าทำงาน เพื่อไม่ให้รัฐบาลเกิดปัญหาในการทำงาน อยากให้รัฐบาลได้มีเวลาทำงาน ซึ่งเข้าว่า ขณะนี้ไม่น่าจะมีปัญหาแล้ว
ส่วนบางคนนายอภิสิทธิ์ โทรศัพท์ไปเคลียร์ เองแต่ไม่ยอมรับสาย นายชวน กล่าวว่า เป็นเรื่องธรรมดารที่คนน้อยใจแต่เชื่อว่าจะเบาลงคนที่น้อยใจจะเข้าใจปัญหามากขึ้นเรา ต้องช่วยกันเพื่อให้รัฐบาลมีเวลาทำงาน ไม่ควรมีปัญหาจากพรรคตัวเอง ส่วนบางคนที่ได้มีโอกาสพูดคุยท่าทีก็ดีขึ้นยังยินดีที่จะช่วยงานพรรคและรัฐบาล อย่างน้อยที่สุดก็ได้ปรารภให้คนในพื้นที่ได้รับทราบเพราะเกิดปัญหาในพื้นที่
สำหรับปัญหาความไม่พอใจในการแต่งตั้ง นายวีระชัย วีระเมธีกุล เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีนั้น นายชวน กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่ทราบ หัวหน้าพรรคและเลขาธิการพรรคจะเป็นผู้อธิบายเอง
**ติง “นิพิฎฐ์”ต้องระวังสิ่งที่พูดออกไป
ส่วนที่พรรคเพื่อไทยเตรียมยืนให้อัยการสูงสุดตรวจสอบเงินบริจาคให้พรรค 80 ล้านเพื่อนำไปสู่การยุบพรรคประชาธิปัตย์ นายชวนกล่าวว่า สิทธิอะไรที่ฝ่ายตรงข้ามจะทำได้ก็ให้ทำไป ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ต้องมีคนรับผิดชอบ แต่ตนเข้าใจว่าคงเป็นการนำเอาคำพูดของนายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์มาดำเนินการ ซึ่งคนที่พูดต้องไปพิสูจน์เอาเอง เมื่อถามว่านายสุเทพ ถึงขั้นท้าสาบานว่าหากมีการรับเงินซื้อเก้าอี้รัฐมนตรีจริงก็พร้อมลาออก โดยไม่ต้องมีหลักฐาน นายชวน กล่าวว่า “ผมก็ไม่เชื่อว่าจะเป็นอย่างนั้น”
ผู้สื่อข่าวถามว่าเป็นการตีความผิด และเข้าใจผิดใช่หรือไม่ นายชวน กล่าวว่า ต้องไปถามคนที่พูด แต่หน้าที่ของเราคือต้องช่วยเหลือพรรคให้มีโอกาสได้ทำงาน เพราะวิกฤตของบ้านเมืองยังรอความหวังอยู่ เพราะฉะนั้นไม่ควรจะมีปัญหา ทำให้กลายเป็นเหยื่อ เป็นอุปสรรคต่อการทำงาน สำหรับนายนิพิฏฐ์ ได้มีโอกาสพูดคุยตลอด ส่วนนายเฉลิมชัย ยังไม่ได้คุยกัน
“ปัญหาที่เกิดขึ้นไม่ใช่หน้าที่ของผม แต่ผมมีหน้าที่ช่วย แม้เป็นประธานสภาที่ปรึกษาพรรค แต่หากคนไม่มาปรึกษาก็ไม่ควรเข้าไปสอดทุกเรื่อง แต่ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของพรรคก็พยายามช่วย เพราะส่วนใหญ่ก็คุ้นเคย เป็นการส่วนตัว แต่เมื่อเกิดปัญหาก็จะเป็นเหยื่อ สื่อก็จะตามเรื่องพวกนี้ ดังนั้น คนที่พูดต้องระมัดระวังเรื่องที่พูดออกไป ว่าจะกลายเป็นเงื่อนไขต่อไป ดังนั้นอะไร ที่ไม่ถูกต้อง ไม่ตรงควรจะทบทวนดูก่อนว่าความจริงเป็นอย่างไรไม่ใช่มาปฏิเสธทีหลัง”
**โต้ “สุรพงษ์”หัวล้านขายยาปลูกผม
ด้านนายนิพิฏฐ์กล่าวถึงกรณี นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล เตรียมนำข้อมูล 80 ล้านบาท ที่นายวีระชัย วีระเมธีกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี บริจาคเงิน เข้าพรรค ไปร้องต่ออัยการสูงสุดให้ยุบพรรคประชาธิปัตย์ ว่า กระทำของ นายสุรพงษ์ เชื่อถือไม่ได้เพราะทำวิธีการแบบนี้มาตลอดทั้งร้องทุกข์แจ้งความ และสิ่งที่นายสุรพงษ์ ร้องทุกข์มาทั้งหมดไม่มีเคยมูลความจริงแม้เรื่องเดียว ตนเคยเป็นทนายความ หมิ่นประมาทให้นายสุรพงษ์หลายคดีเมื่อครั้งอยู่พรรคประชาธิปัตย์ จึงไม่อยากตอบโต้เพราะรู้ดีว่าข้อมูลของนายสุรพงษ์ขาดความน่าเชื่อถือมีพฤติกรรม ไม่ต่างจากคนหัวล้านแล้วไปเร่ขายน้ำยาปลูกผม ไม่มีใครเชื่อถือ
“เรื่องนี้มันจบไปแล้ว ผมสามารถที่จะอธิบายกับสังคมได้ในสิ่งที่ผมต้องการ สื่อสารไปยังผู้ใหญ่ในพรรคได้ การที่พรรคเพื่อไทยนำเรื่องความไม่เข้าในพรรคประชาธิปัตย์ไปโจมตีถือเป็นเรื่องธรรมดาไม่ได้ผิดความคาดหมาย ผมไม่ได้วิตก แต่อย่างได อยากตรวจสอบก็ต้องตรวจสอบไป เพราะการบริจาคเงินเข้าพรรค สามารถตรวจสอบได้ เรื่องของพรรคจบไปแล้ว”
**”นิพิฏฐ์”ยอมกลืนเลือดหลังไม่ได้ตำแหน่ง
ส่วนความขัดแย้งภายในพรรคยุติลงหรือยังนั้น นายนิพิฎฐ์ กล่าวว่า เมื่อปัญหาเกิดขึ้นทุกคนก็ต้องยอมกลืนเลือด คนที่ผิดหวัง ไม่ได้รับการเลือกเข้ามาทำงาน ก็ต้องยอมกลืนเลือดเพื่อชาติ เพื่อให้การแก้ไขปัญหาของชาติและประชานเดินหน้าต่อไปได้ ตนพร้อมยอมเสียสละชีวิตเพื่อพรรค เพื่อประเทศ หลังจากเกิดปัญหาได้มีการหารือกับนายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษา และนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคโดยตลอด
ผู้สื่อข่าวถามว่ายังคงยืนยันที่จะลาออกจากพรรคประชาธิปัตย์หรือไม่ นายนิพิฏฐ์ กล่าวว่า ยังคงยืนยันความต้องการทำงานเพื่อประชาชนและประเทศต่อไป ให้ดีที่สุด แต่วันนี้หลังจากทำศึกมาหนัก ก็อยู่ในอาการอ่อนเปลี้ยเมื่อยล้า ก็ต้องการ ขอเวลาพักฟื้นให้สภาพจิตใจและร่างกายกลับมาเข้มแข็งอีกสักระยะ จากนั้นเชื่อว่า สถานการณ์คงจะดีขึ้น เพื่อทำงานปกป้องพรรคต่อไป แต่วันนี้ขอเวลาให้ตนได้ทำใจก่อน
**”วีระชัย”พร้อมชี้แจง”นิพิฏฐ์”
นายวีระชัย วีระเมธีกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่ถูก วิพากษ์วิจารณ์เรื่องซื้อตำแหน่งรัฐมนตรีว่า ทุกคนที่เข้ามาทำงานคงไม่มีใคร ต้องการถูกตำหนิติติง การทำงานทางการเมืองต้องชี้แจงและอดทน ส่วนที่ถูกกล่าวหา เป็นนายทุนพรรค และใช้เงิน 80 ล้านบาท ซื้อตำแหน่งนั้น การกล่าวหา เป็นเรื่องธรรมดาทางการเมือง เมื่อมายืนจุดนี้ก็ต้องทำใจ ส่วนจุดยืนในการทำงานที่สังคมจับตามองนั้น ตนยินดีรับการตรวจสอบเช่นเดียวกับรัฐมนตรีทุกคน แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกับตน ถ้าใครไม่เกิดกับตัวเองก็ยากที่จะเข้าใจ แต่ตนไม่ท้อ ไม่ถอดใจ ตราบใดที่ยังได้รับความไว้วางใจจากนายกรัฐมนตรี จะทำงานอย่างเต็มที่
“ผมทำงานการเมืองมาตั้งแต่ปี 2544 รู้จักคนในพรรคประชาธิปัตย์หลายคน ซึ่งหลังจากมีกระแสข่าวก็ได้รับกำลังใจจากคนในพรรคประชาธิปัตย์บางคนด้วย ผมยินดีที่จะคุยกับคุณนิพิฏฐ์แม้จะไม่สนิท แต่ผมก็ชื่นชม ผมเคยฟังการอภิปรายของคุณนิพิฏฐ์หลายครั้ง และถ้ามีโอกาสได้เจอ คุณนิพิฏฐ์ ก็จะเข้าไปชี้แจง”
รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนถูกชวนให้มาช่วยงานด้าน เศรษฐกิจและต่างประเทศ โดยเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวข้องกับประเทศจีน ขอให้นายกรัฐมนตรีมอบหมายงานอย่างเป็นทางการก่อน จึงจะเปิดตัวทีมงาน รวมถึงชี้แจงวิธีการทำงาน
ส่วนการเรียกร้องให้สมัครเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ นายวีระชัย กล่าวว่า การทำงานของรัฐบาลที่ผ่านมา ขอให้คิดถึงสภาพการเมืองไทยที่แท้จริงว่า ตั้งรัฐบาลทุกครั้งจะเป็นลักษณะรัฐบาลผสม และหลายคนที่เป็นรัฐมนตรีก็เคยทำงานกับรัฐบาลอีกฝ่ายหนึ่ง
**”สดศรี”สั่งสอบเงินบริจาค80ล.
นางสดศรี สัตยธรรม กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ด้านกิจการพรรคการเมือง กล่าวถึงกรณีที่ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ออกมาอ้างถึงการบริจาคเงินของนายวีระชัย วีระเมธีกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ ให้พรรคจำนวน 80 ล้านบาท เพื่อเข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรีว่า ขณะนี้ทางสำนักกิจการพรรคการเมืองกำลังตรวจสอบยอดเงิน บริจาคดังกล่าวอยู่ และเมื่อตรวจสอบได้แล้ว ก็จะแถลงข่าวในวันที่ 23 ธ.ค.นี้ แต่ต้องขอดูข้อมูลก่อนซึ่งยังไม่สามารถบอกได้ในขณะนี้ โดยจะต้องตรวจสอบ ว่า การบริจาคเงิน 80 ล้านบาทนั้นหากบริจาคจริงตามที่เป็นข่าวก็ต้องแจ้งให้ กกต.รับทราบด้วย เพราะในบัญชียอดเงินบริจาคให้พรรคการเมืองก็ไม่พบว่ามีการบริจาค ในจำนวนยอดเงินดังกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนายทุนเข้ามาบริจาคเงินให้แก่พรรคการเมืองเพื่อให้ได้ตำแหน่งรัฐมนตรี กกต.จะตรวจสอบหรือไม่ นางสดศรี กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องมีการร้องเรียน เข้ามา โดยจะต้องพิสูจน์ว่าเงินจำนวนดังกล่าวจ่ายเพื่อซื้อตำแหน่งรัฐมนตรีหรือไม่ แต่ตอนนี้ยังไม่มีใครร้องเข้าและคิดว่าอาจจะมีผู้ร้องเข้ามาให้ตรวจสอบในกรณีนี้
**”สุรพงษ์”ร้องป.ป.ช.ฟัน “อภิสิทธิ์”
วันเดียวกัน นายสุรพงษ์ได้เข้ายื่นเรื่องขอให้ ป.ป.ช. สอบนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กรณีส่ง sms ขอความร่วมมือจากประชาชนให้ร่วมแก้วิกฤติชาติ จำนวน 50 ล้านเลขหมาย คิดเป็นมูลค่าค่าใช้จ่าย 150 ล้านบาท โดย นายวิทยา อาคมพิทักษ์ ผู้อำนวยการสำนักข่าวและประมวลผล ป.ป.ช. เป็นผู้รับเรื่อง และจะส่งเรื่องให้ ป.ป.ช.ชุดใหญ่ดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป
เมื่อเวลา 17.00 น. วานนี้ (22 ธ.ค.) พระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว เสด็จฯ ออก ณ พระตำหนักจิตรลดารโหฐาน พระราชวังดุสิต พระราชทานพระบรมราชวโรกาสให้นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี นำคณะรัฐมนตรี ซึ่งทรงพระกรุณาโปรดเกล้าโปรดกระหม่อมแต่งตั้ง เฝ้าทูลละอองธุลีพระบาท ถวายสัตย์ปฏิญาณก่อนเข้ารับหน้าที่
ในการนี้ ได้พระราชทานพระราชดำรัสเพื่อเป็นแนวทางในการปฏิบัติหน้าที่ ความว่า “รัฐมนตรีที่จะเข้ารับหน้าที่ต่อไปนี้ ได้ปฏิญาณตนว่าจะปฏิบัติหน้าที่อย่างดีเพื่อประโยชน์ของประเทศชาติ มีหน้าที่สำคัญที่สุดทำให้ประเทศชาติมีความสุข ความเรียบร้อย ถ้าท่านทำงานเรียบร้อย ก็เป็นสิ่งที่เป็นบุญสำหรับประเทศ เพราะประเทศต้องมีคนที่ดูแลความเป็นอยู่อย่างดี ถ้าไม่เช่นนั้นไม่สามารถที่จะปฏิบัติงานของประชาชนทั่วไปได้ดีนัก และถ้าท่านได้ช่วยกันทำให้บ้านเมืองมีความสุขความเรียบร้อย ก็ทำให้ประเทศชาติผ่านไปได้ด้วยดี ซึ่งเป็นความต้องการของประชาชนคนไทยทุกคน ที่จะให้ประเทศชาติดำเนินไปด้วยดี เพราะว่าทำให้สามารถที่จะมีความเป็นไทยอยู่ได้ ก็ขอให้ท่านพยายามที่จะปฏิบัติงานให้ดีที่สุด เพื่อที่จะให้คนไทยมีความเรียบร้อย มีความสุข ถ้าทำไม่ดี จะเป็นคนที่อยู่ในตำแหน่งสูงหรือเป็นคนทั่วไปทำไม่ดี ก็ทำให้ประเทศชาติล่มจมได้”
“พวกท่านมีหน้าที่สำคัญอยู่สูง ทำให้ประเทศชาติดำเนินไปโดยดี ขอให้ปฏิบัติงานเพื่อความดีของประเทศ ความสงบสุขของประเทศ ซึ่งเป็นความจำเป็นที่สุด ถ้าท่านทำได้ ท่านเองก็มีความสุขและประชาชนทั่วไปทุกหมู่เหล่าได้มีความสุขทั้งนั้น คนไหนจะทำอะไรก็สามารถที่จะปฏิบัติงานได้ ถ้าท่านช่วยกันดูแลประเทศชาติให้มีความราบรื่น ท่านเองก็มีความสุขเหมือนกัน ที่ท่านตั้งใจที่จะปฏิบัติงานด้วยดีนั้น เป็นความดีที่ท่านจะทำสำหรับตัวเองด้วย สำหรับส่วนรวมด้วย เพราะถ้าส่วนรวมอยู่ดี ท่านก็อยู่ดี ขอให้ท่านปฏิบัติงานอย่างเรียบร้อย ทำให้ประเทศมีความราบรื่น ซึ่งชาติต้องการความสุขสงบของประเทศ สามารถปฏิบัติงานโดยเรียบร้อยทุกอย่าง ขอให้ท่านมีความสำเร็จในงานการแต่ละส่วนที่ท่านต้องทำ”
**”อภิสิทธิ์”รับพระราชดำรัสใส่เกล้าฯ
นายอภิสิทธิ์ให้สัมภาษณ์หลังเข้าเฝ้าฯ ถวายสัตย์ปฏิญาณ ถึงพระราชดำรัสของพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวว่า ได้รับพระราชดำรัสใส่เกล้าใส่กระหม่อม น้อมนำไปปฏิบัติ โดยเฉพาะที่พระองค์ท่านรับสั่งถึงความสำคัญของการทำงานให้สำเร็จ เพื่อให้บ้านเมืองเรียบร้อย เพื่อความสุขของส่วนรวม และทรงรับสั่งถึงความจำเป็นที่จะต้องบริหารบ้านเมืองให้เรียบร้อย เพื่อให้เกิดความสุขของประชาชน และประเทศ เป็นเรื่องที่สำคัญที่สุด
สำหรับการประชุมครม.ครั้งแรกในวันที่ 23 ธ.ค.นั้น วาระคือ เรื่องนโยบาย การบริหารราชการแผ่นดิน เพราะต้องการได้รับการอนุมัติจากครม. หลังจากที่พรรคร่วมได้ประชุมกันมาหลายครั้ง ซึ่งร่างเกือบสมบูรณ์แล้ว โดยจะให้รัฐมนตรีให้ข้อสังเกตเพิ่มเติม จะได้ดำเนินการส่งให้รัฐสภาต่อไป เรื่องการแต่งตั้งต่างๆเป็นเรื่องของรัฐมนตรีแต่ละท่านไปดำเนินการ
**ขอทุกฝ่ายร่วมสร้างประโยชน์สุขของปชช.
ผู้สื่อข่าวถามว่าวันนี้ท่านได้เป็นนายกรัฐมนตรีสมบูรณ์แล้ว อยากฝากอะไรถึงคนไทย นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ขอย้ำอีกครั้งว่าบ้านเมืองของเราวันนี้ประสบกับความยากลำบากมาต่อเนื่องพอสมควร มันไม่มีคนใด ไม่ว่าจะเป็นนายกรัฐมนตรี หรือ ครม. ที่จะสามารถทำงานนี้ให้สำเร็จลุล่วงได้ ถ้าไม่ได้รับความร่วมมือจาก พี่น้องประชาชนคนไทยทั้งประเทศ อยากให้ความมั่นใจว่าตนและครม.มาอยู่ตรงนี้จะทำเพื่อประโยชน์สุขของประชาชน เพราะฉะนั้นก็ขอความร่วมมือจากท่านมาสร้างประโยชน์สุขร่วมกัน เมื่อถามว่า จะเป็นนายกฯแบบในภาวะที่บ้านเมืองแตกแยก นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า ที่จริงดีกว่าคำพูดคือการกระทำ ตนต้องการเป็นนายกฯที่สร้างความสามัคคีให้กลับคืนมาในชาติ ให้คนไทยมีความมั่นใจในอนาคต และต่างชาติมีความมั่นใจในประเทศไทย
ส่วนที่นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รองหัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ยังยืนยันว่า แก๊งออฟโฟร์ในพรรคมีจริง จะทำการเรียกนายเฉลิมชัยมาคุยหรือไม่ นายอภิสิทธิ์กล่าวว่า มีโอกาสจะได้คุยกัน
**แถลงข่าวนัดแรกหลังประชุมครม.วันนี้
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ก่อนหน้านี้15.00 น. นายอภิสิทธิ์ ได้เดินทางมายังทำเนียบรัฐบาลเพื่อถ่ายรูปร่วมกับ คณะรัฐมนตรี (ครม.) ก่อนเดินทางเข้าเฝ้าฯ เพื่อถวายสัตย์ปฏิญาณ โดย ภายหลังจากการถ่ายรูปร่วมกันของครม.แล้วนั้น บรรดารัฐมนตรีต่างก็ทยอยกันขึ้นรถตู้ที่ทางสำนักนายกรัฐมนตรีจัดเตรียมไว้ให้ ส่วนนายอภิสิทธิ์ ได้ทักทาย พูดคุยกับรัฐมนตรีบางส่วน อาทิ นายวีระชัย วีระเมธีกุล, นายสุเทพ เทือกสุบรรณ ,นางระนองรักษ์ สุวรรณฉวี เป็นต้น
จากนั้นนายอภิสิทธิ์ เปิดเผยกับผู้สื่อข่าวว่า ในวันที่ 23 ธ.ค. จะมีการแถลงกับสื่อมวลชนเป็นครั้งแรกหลังการประชุมคณะรัฐมนตรี
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับบรรยากาศภายในทำเนียบรัฐบาล มีการตกแต่ง ฉากสำหรับถ่ายรูปโดยให้นายกรัฐมนตรีและครม.นั่งเก้าอี้ซึ่งติดหมายเลขต่างๆ ไว้ตามลำดับ โดยนายกรัฐมนตรี นั่งหมายเลข 9 ติดกับนายสุเทพ เทือกสุบรรณ และนายกอร์ปศักดิ์ สภาวสุ รองนายกฯ
**”สุเทพ”พร้อมดูแลงานความมั่นคง
นายสุเทพ เทือกสุบรรณ รองนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ขณะนี้นายอภิสิทธิ์ ยังไม่ได้มอบหมายงานให้รับผิดชอบ แต่หากให้ดูแลด้านความมั่นคง ก็พร้อมที่จะทำงานอย่างเต็มที่และทำให้ดีที่สุด เพื่อให้นายกรัฐมนตรีสบายใจ จะได้ทำงาน บริหารบ้านเมืองด้านอื่นอย่างเต็มที่ และตนจะช่วยดูแลความเรียบร้อยภายในพรรค ร่วมรัฐบาล เพื่อไม่ให้เกิดแรงกระเพื่อมทางการเมือง
ส่วนกรณีที่นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล ส.ส.เชียงใหม่ พรรคเพื่อไทย ยื่นหนังสือให้ ป.ป.ช. ตรวจสอบกรณีที่พรรคประชาธิปัตย์ส่งเอสเอ็มเอส โดยระบุว่าผิดรัฐธรรมนูญ และจะรวบรวมหลักฐานกรณีซื้อตำแหน่งรัฐมนตรีให้อัยการพิจารณาสั่งยุบพรรคนั้น นายสุเทพ กล่าวว่า การบริจาคเงินทุกครั้งเป็นไปตามขั้นตอน อย่างถูกต้อง มีใบเสร็จและสำเนาชัดเจน อย่างไรก็ตาม พร้อมให้ข้อมูลกับ ป.ป.ช. หากมีการเรียกเข้าไปชี้แจง เพราะพรรคไม่มีการใช้เงินซื้อตำแหน่ง และไม่มีกลุ่มทุนเข้ามาครอบงำอย่างแน่นอน
นายสุเทพ ยังกล่าวถึงปัญหาความขัดแย้งภายในพรรคประชาธิปัตย์ว่า ตนยังไม่ได้ทำความเข้าใจกับนายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ส.ส.พัทลุง แต่คาดว่า นายกรัฐมนตรี และนายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ น่าจะทำความเข้าใจกับนายนิพิฏฐ์แล้ว และนายนิพิฏฐ์เข้าใจดี ปัญหาก็น่าจะจบลงได้
**”กรณ์”ฟุ้งสร้างความเชื่อมั่นได้แน่
นายกรณ์ จาติกวณิชย์ รมว.คลัง กล่าวว่า ในเวลา 07.30 น.ในวันนี้ ( 23 ธ.ค.) จะเดินทางไปทำงานที่กระทรวงการคลัง ส่วนมาตรการกระตุ้นเศรษฐกิจจะมีการแถลงนโยบายของทางรัฐบาลก่อนปีใหม่เพื่อรัฐบาลจะได้เดินหน้าการแก้ปัญหาเศรษฐกิจและปากท้อง รวมทั้งลดภาระค่าใช้จ่าย และลดปัญหาต้นทุนของผู้ประกอบการได้ในทันทีหลังปีใหม่ ทั้งนี้ก็ตระหนักถึงความเร่งด่วนในปัญหาของผู้ประกอบการและพี่น้องประชาชนที่เกิดขึ้นจากวิกฤติเศรษฐกิจปัจจุบันนั้นรัฐบาลนั้นรับทราบและเข้าใจและจะดำเนินการแก้ไขอย่างเร่งด่วน
ส่วน 6 มาตรการรถเมล์ฟรี รถไฟฟรี น้ำ-ไฟฟ้าฟรีจะยืดออกไปอีกหรือไม่ รมว. คลัง กล่าวว่า ตนคิดว่าในตัวของมาตรการต้องรอการเสนอผ่านการแถลงนโยบาย อีกครั้งในรายละเอียด โดยภายหลังการถวายสัตย์นั้นในแง่ของความพร้อม ในการเสนอความคิดในรายละเอียดก็จะตามมา ซึ่งอย่างไรก็ตามรัฐบาลได้เตรียม มาตรการไว้ครบถ้วนพร้อมนำเสนอต่อสาธารณชน
“ผมเชื่อในระดับหนึ่งว่าความเชื่อมั่นจะกลับมาทั้งๆ ที่ปัญหาต้องยอมรับว่าลึก และกว้างมาก เราก็พอทราบกันดีว่าเครื่องไม้เครื่องมือของทางรัฐบาลก็ยังพอมีอยู่ แต่เมื่อมองดูในส่วนของรายรับในส่วนของรัฐบาลก็ปรับลดลงด้วยความจำเป็น จากที่เคยมีการประมาณการไว้ในการทำงบฯปี52”
**ปฏิเสธสั่งธปท.ทำให้เงินบาทอ่อนค่า
ส่วนความพยายามที่จะทำให้ธนาคารแห่งประเทศไทย(ธปท.) ทำให้เงินบาท อ่อนค่าลงเท่ากับเป็นการแทรกแซงหรือไม่ รมว.คลัง กล่าวว่า ตนไม่เคยพูดเรื่องนี้ ซึ่งประเด็นที่จะปรึกษากับทางธปท.ก็มีอยู่หลายเรื่อง ซึ่งส่วนที่สำคัญคือการรับฟังข้อมูลและข้อเสนอแนะจากทางธปท. โดยเฉพาะแนวคิดนโยบายทางการเงินของ ธปท. ณ วันนี้เรายังไม่มีข้อมูลหรือจุดยืนใด ๆ ที่จะไปนำเสนอกับธปท. คงจะเป็นการนัดพบเพื่อแลกเปลี่ยนข้อมูล
“จากการตัดสินใจปรับลดอัตราดอกเบี้ยของ กนง. ในการประชุมครั้งที่ผ่านมา สะท้อนให้เห็นอยู่แล้วว่าธปท.ตระหนักถึงปัญหาเศรษฐกิจ โดยเฉพาะปัญหาการขยายตัวของเศรษฐกิจ และผลที่อาจจะตามมาในเรื่องของระดับการว่าจ้าง หรือปัญหาต่าง ๆ เพราะฉะนั้นแนวคิดในเชิงของการวิเคราะห์ปัญหาเศรษฐกิจโดยทั่วไปตอนนี้ก็ดูเหมือนสะท้อนกลับ”
“คือเดิมทีธปท.มีความกังวลเรื่องเงินเฟ้อ ซึ่งเป็นความกังวลที่ถูกต้องตาม สถานการณ์แต่วันนี้สภาวการณ์เปลี่ยนไป เท่าที่ผมดูจากการตัดสินใจด้านการบริหารจัดการของทางธปท. ก็สอดคล้องกันอยู่แล้ว เพราะฉะนั้นมองว่าไม่น่าจะมีปัญหาใด ๆ ทั้งสิ้น อย่างไรก็ตามยังไม่ได้มีการนัดหมายธปท.ที่จะหารือ แต่คาดว่าภายในสัปดาห์นี้ ซึ่งนายกฯ ได้ฝากไว้กับผมแล้วว่าอยากจะที่เข้าไปปรึกษาเพื่อแลกเปลี่ยนความคิดเห็น และรับฟังข้อมูลจากทางธปท.”
**”พรทิวา”หวังพึ่งที่ปรึกษาเดินงาน
นางพรทิวา นาคาศัย รมว.พาณิชย์ กล่าวถึงการเข้ามาดำรงตำแหน่งท่ามกลาง เสียงวิพากษ์วิจารณ์ในเรื่องการบริหารงานว่า ตนจะบริหารงานโดยมีที่ปรึกษา ในเรื่องการให้ข้อมูลจากนักส่งออก หรือนักวิชาการ ซึ่งยอมรับว่ามีอยู่ทุกสาขา
ผู้สื่อข่าวถามว่ารัฐมนตรีเน้นแต่ที่ปรึกษาแล้วตัวรัฐมนตรีจะบริหารงานด้วย ตนเองอย่างไร นางพรทิวา กล่าวว่า ตนเองมีประสบการณ์ในเรื่องการทำงาน แต่เรื่องนโยบายอาจจะต้องมีที่ปรึกษาโดยเราจะทำงานแบบทีมเวิร์ค ซึ่งจะแถลงเปิดตัวทีมที่ปรึกษาในเวลา 09.00 น. ในวันพุธที่ 24 ธ.ค.ที่กระทรวงพาณิชย์
สำหรับตัวเลขการส่งออกของเดือนพฤศจิกายน – ธันวาคม 2551 ที่ติดลบกว่า 18% มีแนวทางนโยบายต่อเรื่องส่งออกอย่างไรนั้น ซึ่งนางพรทิวา กล่าวด้วยน้ำเสียง อ้ำอึ้ง โดยมีคำว่า อ้า .. อ้า เป็นระยะ อยู่ตลอดเวลา พร้อมสีหน้าวิตกกังวล พร้อมกับบอกว่าเราต้องเข้าใจวิกฤตส่งออกของประเทศไทย รวมทั้งประเทศคู่ค้าไทยควบคู่กับดูแลตลาดภายในประเทศและต่างประเทศ โดยเฉพาะต่างประเทศจะต้องเน้นในเรื่อง ของตลาดใหม่ เช่น จะต้องเดินสายเป็นแม่ค้าออกไปเดินสายสินค้าในต่างประเทศเองเป็นต้น เมื่อถามว่า มีแผนการเดินสายเป็นแม่ค้าอย่างไร นางพรทิวา ไม่ตอบคำถาม พร้อมกับเดินเลี่ยงไปทันที
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า สำหรับทีมที่ปรึกษาด้านพาณิชย์ ที่นางพรทิวา ระบุนั้นประกอบไปด้วย 1. นายไชยา ยิ้มวิไล นักวิชาการอิสระ อดีตโฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี สมัย พล.อ.สุรยุทธ์ จุลานนท์ เป็นนายกรัฐมนตรี 2.นายอุตมะ สาวนายนต์ อดีตที่ปรึกษานายสมคิด จาตุศรีพิทักษ์ สมัยดำรงตำแหน่ง รมว.พาณิชย์ ยุครัฐบาล พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร 3. นายอนุรักษ์ โควภาสัย ผู้บริหารบริษัท พรานทะเล ซึ่งเป็นผู้ใกล้ชิดนายอนุชา นาคาศัย สามีของนางพรทิวา ซึ่งถูกตัดสิทธิ์ทางการเมือง อยู่ใน 111 คน และ 4.นายสำราญ ภูอนันต์ตานนท์ อดีตผู้บริหารธนาคารพาณิชย์
**ทูตอังกฤษมั่นใจ “มาร์ค”ฟื้นศก.ได้
วันเดียวกัน เมื่อเวลา 09.00 น. นายควินทัน เควลย์ เอกอัครราชทูตอังกฤษประจำประเทศไทย เข้าพบ นายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี คนที่ 27 ของประเทศไทย เพื่อแสดงความยินดีในนามรัฐบาลอังกฤษ โดยนายควินทัน กล่าวว่า เห็นได้ชัดว่า นายอภิสิทธิ์ มีคุณสมบัติและความสามารถที่ดีเยี่ยม เพราะเป็นศิษย์เก่าโรงเรียนอีทันในอังกฤษและจบจากมหาวิทยาลัยอ๊อกฟอร์ด ประเทศอังกฤษเช่นกัน อย่างหนึ่งที่สำคัญ นายอภิสิทธิ์ยังเป็นแฟนฟุตบอลอังกฤษด้วย โอกาสนี้นายควินทันได้มอบของขวัญคือ เสื้อเชิ้ต นิวคาสเซิล ยูไนเต็ด ซึ่งเป็นทีมโปรด ของนายอภิสิทธิ์ โดยด้านหลังเสื้อมีชื่อ นายอภิสิทธิ์ และเบอร์ 27
นายควินทันกล่าวภายหลังการหารือว่า ในการหารือกันตนเห็นด้วยกับ นายอภิสิทธิ์ที่รัฐบาลมีภารกิจใหญ่ คือ ฟื้นความมั่นใจของนานาชาติในประเทศ, สร้างความสมานฉันท์เพื่อไม่ให้เกิดความขัดแย้ง โดยยึดหลักนิติธรรม ,รักษาความปลอดภัยของสนามบินซึ่งถือว่าเป็นประตูการท่องเที่ยวของไทย และสร้างความมั่นใจแก่นักธุรกิจทั้งชาวไทยและต่างประเทศ เพื่อส่งเสริมเศรษฐกิจ แบบเสรีนิยม ซึ่งจะดึงให้มีการลงทุนในไทยให้มากขึ้น
ทั้งนี้จากคุณสมบัติ เป็นคนที่มีความรู้ความสามารถด้านต่างประเทศและเศรษฐกิจเชื่อว่าจะแก้ปัญหาเศรษฐกิจได้
ผู้สื่อข่าวถามว่าภายใน 2-3 เดือนจะชัดเจนหรือไม่ นายควินทัน กล่าวว่า รู้สึกว่า วันนี้(22 ธ.ค.) เป็นวันแรกที่รัฐบาลจะเข้าทำเนียบ ต้องดูนโยบาลและรอฟังการแถลงนโยบายในวันที่ 28-29 ธ.ค.นี้
**”อภิสิทธิ์”ปัดเป็นรัฐบาลไฮแจ็ก
นายอภิสิทธิ์ ให้สัมภาษณ์ถึงกรณีที่นายเสนาะ เทียนทอง หัวหน้าพรรคประชาราช เตรียมแฉขั้นตอนการตั้งรัฐบาลในวันแถลงนโยบายว่า ไม่รู้สึกกังวล และไม่ทราบว่านายเสนาะมีข้อมูลอย่างไร แต่ในวันแถลงนโยบายเป็นโอกาสที่ส.ส.ทุกคน สามารถอภิปรายตามกรอบตามข้อบังคับได้อยู่แล้ว อย่างไรก็ตามยืนยันว่าการตั้งรัฐบาลครั้งนี้ไม่ได้เป็นการปล้นกลางอากาศ หรือไฮแจ็ก แต่เป็นเรื่องของเสียงข้างมาก ในสภาผู้แทนราษฎร และการลงคะแนนเลือกนายกรัฐมนตรีก็เป็นการลงคะแนน โดยเปิดเผย ซึ่งส.ส.มีอิสระตามรัฐธรรมนูญ ดังนั้นก็เปิดโอกาสให้วิจารณ์ได้ แต่เราก็พร้อมที่จะชี้แจง เพราะการดำเนินการทั้งหลายมีความชัดเจนในตัว หลายเรื่องเราก็เปิดเผยต่อสาธารณะอย่างชัดเจน และกระบวนการในการเลือกนายกรัฐมนตรีก็เป็นไปอย่างเปิดเผยในสภา
“หากคนอย่างผมเลือกได้ว่าจะมาในจังหวะไหน อย่างไร ก็คงไม่เลือกที่จะเป็นอย่างนี้ แต่ขณะเดียวกันทุกอย่างเป็นไปตามกติกา และในวิถีทางของรัฐสภาทั่วโลก เป็นเรื่องปกติมากที่พรรคอันดับ 1 เมื่อเข้าไปบริหารแล้วมีปัญหาก็เปิดโอกาสให้อันดับ 2 จัดตั้งรัฐบาล นอกจากนั้นแล้ว แม้ไม่นับกลุ่มเพื่อนเนวิน หรืออดีตส.ส.พรรคพลังประชาชน บรรดาประชาชนที่เลือกพรรคการเมืองที่มาสนับสนุนผม ก็มีมากกว่าประชาชนที่เลือกพรรคพลังประชาชน เพราะฉะนั้นตรงนี้ไม่ได้มีปัญหา และคนในต่างประเทศก็เข้าใจ”
**ไม่กำหนดแก้รธน.กลัวถูกต้าน
ส่วนกรณีที่กลุ่มแนวร่วมประชาธิปไตยขับไล่เผด็จการแห่งชาติ (นปช.) เตรียมชุมนุมที่สนามหลวงและเรียกร้องให้ยุบสภานั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า สิ่งที่ต้องการจะทำคือดูแลให้บ้านเมืองสามารถตั้งหลักและเดินหน้าต่อไปได้ โดยเฉพาะขณะนี้ต้องยืนยันความเป็นประธานและความเป็นผู้นำในอาเซียน เพื่อให้ต่างชาติมั่นใจ และประเทศไทย รวมทั้งคนไทยจะได้ประโยชน์ ซึ่งหากทำตรงนี้ได้จะทำให้ปัญหาเศรษฐกิจมีกรอบการทำงานที่ทำให้เรามั่นใจว่าคนจะไม่ตกงานจำนวนมาก หรือหากคนตกงานเราจะมีมาตรการรองรับ
ขณะเดียวกันก็เปิดทางสำหรับการปฏิรูปการเมือง ซึ่งน่าเชื่อได้ว่าในที่สุด ต้องนำไปสู่การแก้ไขรัฐธรรมนูญ แต่หากตั้งธง ที่การแก้ไขรัฐธรรมนูญก็เกรงจะเข้าใจผิดคิดว่าแก้เพื่อเรื่องนั้นเรื่องนี้ ดังนั้นรัฐบาล จึงไม่บรรจุเรื่องแก้ไขรัฐธรรมนูญ ไว้ในนโยบาย ทั้งนี้เชื่อว่าไม่น่าจะมีปัญหาคัดค้าน จากกลุ่มเพื่อนเนวิน เพราะตอนคุยกันเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญก็อยู่ในกรอบของการปฏิรูปการเมืองทั้งสิ้น
ผู้สื่อข่าวถามว่านี้คือเหตุผลที่ไม่บรรจุเรื่องการแก้ไขรัฐธรรมนูญไว้ในนโยบายรัฐบาลที่จะแถลงต่อรัฐสภาใช่หรือไม่ นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่า "ถูกต้องครับ ถ้าตั้งประเด็นปฏิรูปทางการเมืองทุกฝ่ายน่าจะเห็นพ้องต้องกัน"
**เอาผลงานอุ้มเสถียรภาพรัฐบาล
สำหรับปัญหาขัดแย้งภายในพรรคประชาธิปัตย์จะส่งผลกระทบต่อเสถียรภาพ ของรัฐบาลและการบริหารประเทศหรือไม่นั้น นายอภิสิทธิ์ กล่าวว่าขณะนี้มีความ พยายามที่จะทำให้ทุกอย่างราบรื่น และตนมั่นใจว่าไม่มีปัญหา รวมทั้งมั่นใจว่า รัฐบาลอยู่ในภาวะที่เริ่มต้นทำงานได้ หลังจากนั้นเราก็เอาผลงานมาเป็นตัวช่วย ในเสถียรภาพ ซึ่งคิดว่าในช่วง 2-3 เดือนแรกต้องมีความชัดเจนมาก อย่างน้อยที่สุด ที่วางตารางเวลาเอาไว้หลังแถลงนโยบายภายใน 1 เดือนคือเรื่องของอาเซียนกับเรื่องแผนเศรษฐกิจเรียบร้อย
**”แม้ว”โฟนอินได้แต่อย่าปลุกระดม
ส่วนกรณีที่พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี ระบุไม่ได้รับความเป็นธรรมจากรัฐบาล นายอภิสิทธิ์ ย้อนถามว่า รัฐบาลไหน และยืนยันว่ากระบวนการยุติธรรมของประเทศไทยเป็นกระบวนการที่ให้ความเป็นธรรม เชื่อถือได้ และอยากให้พ.ต.ท.ทักษิณเข้ามาสู่กระบวนการยุติธรรม ส่วนที่จะยังคงเดินหน้าโฟนอินนั้น เห็นว่าหากพ.ต.ท.ทักษิณจะพูดคุยกับใครก็สามารถทำได้ แต่อย่าปลุกระดม หรือกระตุ้นให้เกิดความวุ่นวายในบ้านเมือง เพราะคนไทยเดือดร้อนกันมาเป็นปี จึงอยากให้หลายสิ่งหลายอย่างเดินไปข้างหน้าได้
ผู้สื่อข่าวถามถึงบทบาทของกระทรวงการต่างประเทศจะต้องเข้าไปดูแลไม่ให้ พ.ต.ท.ทักษิณใช้ประเทศใดประเทศหนึ่งเป็นฐานในการโจมตีประเทศไทยหรือไม่ นายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนเชื่อว่ามิตรประเทศคงไม่อยากให้ใครใช้ประเทศของเขา มาโจมตีไทย แต่ขณะนี้เราไม่ทราบว่าที่ไปที่มาของพ.ต.ท.ทักษิณเป็นอย่างไร
**”ชวน”ยันปชป.ไร้ปัญหาขัดแย้งแล้ว
นายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษาพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงความขัดแย้ง ภายพรรคเกี่ยวกับการจัดสรรเก้าอี้รัฐมนตรีตามที่ นายเฉลิมชัย ศรีอ่อน รองหัวหน้าพรรค ออกมาระบุว่ามีแก๊งออฟโฟร์ภายในพรรคเข้ามาร่วมจัดการด้วยว่า หลังจากเกิดปัญหาตนเห็นด้วยกับคนที่ผิดหวังบางคนที่ระบุว่าจะเดินหน้าทำงาน เพื่อไม่ให้รัฐบาลเกิดปัญหาในการทำงาน อยากให้รัฐบาลได้มีเวลาทำงาน ซึ่งเข้าว่า ขณะนี้ไม่น่าจะมีปัญหาแล้ว
ส่วนบางคนนายอภิสิทธิ์ โทรศัพท์ไปเคลียร์ เองแต่ไม่ยอมรับสาย นายชวน กล่าวว่า เป็นเรื่องธรรมดารที่คนน้อยใจแต่เชื่อว่าจะเบาลงคนที่น้อยใจจะเข้าใจปัญหามากขึ้นเรา ต้องช่วยกันเพื่อให้รัฐบาลมีเวลาทำงาน ไม่ควรมีปัญหาจากพรรคตัวเอง ส่วนบางคนที่ได้มีโอกาสพูดคุยท่าทีก็ดีขึ้นยังยินดีที่จะช่วยงานพรรคและรัฐบาล อย่างน้อยที่สุดก็ได้ปรารภให้คนในพื้นที่ได้รับทราบเพราะเกิดปัญหาในพื้นที่
สำหรับปัญหาความไม่พอใจในการแต่งตั้ง นายวีระชัย วีระเมธีกุล เป็นรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรีนั้น นายชวน กล่าวว่า เรื่องนี้ไม่ทราบ หัวหน้าพรรคและเลขาธิการพรรคจะเป็นผู้อธิบายเอง
**ติง “นิพิฎฐ์”ต้องระวังสิ่งที่พูดออกไป
ส่วนที่พรรคเพื่อไทยเตรียมยืนให้อัยการสูงสุดตรวจสอบเงินบริจาคให้พรรค 80 ล้านเพื่อนำไปสู่การยุบพรรคประชาธิปัตย์ นายชวนกล่าวว่า สิทธิอะไรที่ฝ่ายตรงข้ามจะทำได้ก็ให้ทำไป ถ้าเป็นเรื่องจริงก็ต้องมีคนรับผิดชอบ แต่ตนเข้าใจว่าคงเป็นการนำเอาคำพูดของนายนิพิฏฐ์ อินทรสมบัติ ส.ส.พัทลุง พรรคประชาธิปัตย์มาดำเนินการ ซึ่งคนที่พูดต้องไปพิสูจน์เอาเอง เมื่อถามว่านายสุเทพ ถึงขั้นท้าสาบานว่าหากมีการรับเงินซื้อเก้าอี้รัฐมนตรีจริงก็พร้อมลาออก โดยไม่ต้องมีหลักฐาน นายชวน กล่าวว่า “ผมก็ไม่เชื่อว่าจะเป็นอย่างนั้น”
ผู้สื่อข่าวถามว่าเป็นการตีความผิด และเข้าใจผิดใช่หรือไม่ นายชวน กล่าวว่า ต้องไปถามคนที่พูด แต่หน้าที่ของเราคือต้องช่วยเหลือพรรคให้มีโอกาสได้ทำงาน เพราะวิกฤตของบ้านเมืองยังรอความหวังอยู่ เพราะฉะนั้นไม่ควรจะมีปัญหา ทำให้กลายเป็นเหยื่อ เป็นอุปสรรคต่อการทำงาน สำหรับนายนิพิฏฐ์ ได้มีโอกาสพูดคุยตลอด ส่วนนายเฉลิมชัย ยังไม่ได้คุยกัน
“ปัญหาที่เกิดขึ้นไม่ใช่หน้าที่ของผม แต่ผมมีหน้าที่ช่วย แม้เป็นประธานสภาที่ปรึกษาพรรค แต่หากคนไม่มาปรึกษาก็ไม่ควรเข้าไปสอดทุกเรื่อง แต่ในฐานะที่เป็นส่วนหนึ่งของพรรคก็พยายามช่วย เพราะส่วนใหญ่ก็คุ้นเคย เป็นการส่วนตัว แต่เมื่อเกิดปัญหาก็จะเป็นเหยื่อ สื่อก็จะตามเรื่องพวกนี้ ดังนั้น คนที่พูดต้องระมัดระวังเรื่องที่พูดออกไป ว่าจะกลายเป็นเงื่อนไขต่อไป ดังนั้นอะไร ที่ไม่ถูกต้อง ไม่ตรงควรจะทบทวนดูก่อนว่าความจริงเป็นอย่างไรไม่ใช่มาปฏิเสธทีหลัง”
**โต้ “สุรพงษ์”หัวล้านขายยาปลูกผม
ด้านนายนิพิฏฐ์กล่าวถึงกรณี นายสุรพงษ์ โตวิจักษณ์ชัยกุล เตรียมนำข้อมูล 80 ล้านบาท ที่นายวีระชัย วีระเมธีกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี บริจาคเงิน เข้าพรรค ไปร้องต่ออัยการสูงสุดให้ยุบพรรคประชาธิปัตย์ ว่า กระทำของ นายสุรพงษ์ เชื่อถือไม่ได้เพราะทำวิธีการแบบนี้มาตลอดทั้งร้องทุกข์แจ้งความ และสิ่งที่นายสุรพงษ์ ร้องทุกข์มาทั้งหมดไม่มีเคยมูลความจริงแม้เรื่องเดียว ตนเคยเป็นทนายความ หมิ่นประมาทให้นายสุรพงษ์หลายคดีเมื่อครั้งอยู่พรรคประชาธิปัตย์ จึงไม่อยากตอบโต้เพราะรู้ดีว่าข้อมูลของนายสุรพงษ์ขาดความน่าเชื่อถือมีพฤติกรรม ไม่ต่างจากคนหัวล้านแล้วไปเร่ขายน้ำยาปลูกผม ไม่มีใครเชื่อถือ
“เรื่องนี้มันจบไปแล้ว ผมสามารถที่จะอธิบายกับสังคมได้ในสิ่งที่ผมต้องการ สื่อสารไปยังผู้ใหญ่ในพรรคได้ การที่พรรคเพื่อไทยนำเรื่องความไม่เข้าในพรรคประชาธิปัตย์ไปโจมตีถือเป็นเรื่องธรรมดาไม่ได้ผิดความคาดหมาย ผมไม่ได้วิตก แต่อย่างได อยากตรวจสอบก็ต้องตรวจสอบไป เพราะการบริจาคเงินเข้าพรรค สามารถตรวจสอบได้ เรื่องของพรรคจบไปแล้ว”
**”นิพิฏฐ์”ยอมกลืนเลือดหลังไม่ได้ตำแหน่ง
ส่วนความขัดแย้งภายในพรรคยุติลงหรือยังนั้น นายนิพิฎฐ์ กล่าวว่า เมื่อปัญหาเกิดขึ้นทุกคนก็ต้องยอมกลืนเลือด คนที่ผิดหวัง ไม่ได้รับการเลือกเข้ามาทำงาน ก็ต้องยอมกลืนเลือดเพื่อชาติ เพื่อให้การแก้ไขปัญหาของชาติและประชานเดินหน้าต่อไปได้ ตนพร้อมยอมเสียสละชีวิตเพื่อพรรค เพื่อประเทศ หลังจากเกิดปัญหาได้มีการหารือกับนายชวน หลีกภัย ประธานสภาที่ปรึกษา และนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรีและหัวหน้าพรรคโดยตลอด
ผู้สื่อข่าวถามว่ายังคงยืนยันที่จะลาออกจากพรรคประชาธิปัตย์หรือไม่ นายนิพิฏฐ์ กล่าวว่า ยังคงยืนยันความต้องการทำงานเพื่อประชาชนและประเทศต่อไป ให้ดีที่สุด แต่วันนี้หลังจากทำศึกมาหนัก ก็อยู่ในอาการอ่อนเปลี้ยเมื่อยล้า ก็ต้องการ ขอเวลาพักฟื้นให้สภาพจิตใจและร่างกายกลับมาเข้มแข็งอีกสักระยะ จากนั้นเชื่อว่า สถานการณ์คงจะดีขึ้น เพื่อทำงานปกป้องพรรคต่อไป แต่วันนี้ขอเวลาให้ตนได้ทำใจก่อน
**”วีระชัย”พร้อมชี้แจง”นิพิฏฐ์”
นายวีระชัย วีระเมธีกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวถึงกรณีที่ถูก วิพากษ์วิจารณ์เรื่องซื้อตำแหน่งรัฐมนตรีว่า ทุกคนที่เข้ามาทำงานคงไม่มีใคร ต้องการถูกตำหนิติติง การทำงานทางการเมืองต้องชี้แจงและอดทน ส่วนที่ถูกกล่าวหา เป็นนายทุนพรรค และใช้เงิน 80 ล้านบาท ซื้อตำแหน่งนั้น การกล่าวหา เป็นเรื่องธรรมดาทางการเมือง เมื่อมายืนจุดนี้ก็ต้องทำใจ ส่วนจุดยืนในการทำงานที่สังคมจับตามองนั้น ตนยินดีรับการตรวจสอบเช่นเดียวกับรัฐมนตรีทุกคน แต่สิ่งที่เกิดขึ้นกับตน ถ้าใครไม่เกิดกับตัวเองก็ยากที่จะเข้าใจ แต่ตนไม่ท้อ ไม่ถอดใจ ตราบใดที่ยังได้รับความไว้วางใจจากนายกรัฐมนตรี จะทำงานอย่างเต็มที่
“ผมทำงานการเมืองมาตั้งแต่ปี 2544 รู้จักคนในพรรคประชาธิปัตย์หลายคน ซึ่งหลังจากมีกระแสข่าวก็ได้รับกำลังใจจากคนในพรรคประชาธิปัตย์บางคนด้วย ผมยินดีที่จะคุยกับคุณนิพิฏฐ์แม้จะไม่สนิท แต่ผมก็ชื่นชม ผมเคยฟังการอภิปรายของคุณนิพิฏฐ์หลายครั้ง และถ้ามีโอกาสได้เจอ คุณนิพิฏฐ์ ก็จะเข้าไปชี้แจง”
รัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี กล่าวว่า ตนถูกชวนให้มาช่วยงานด้าน เศรษฐกิจและต่างประเทศ โดยเฉพาะเรื่องที่เกี่ยวข้องกับประเทศจีน ขอให้นายกรัฐมนตรีมอบหมายงานอย่างเป็นทางการก่อน จึงจะเปิดตัวทีมงาน รวมถึงชี้แจงวิธีการทำงาน
ส่วนการเรียกร้องให้สมัครเป็นสมาชิกพรรคประชาธิปัตย์ นายวีระชัย กล่าวว่า การทำงานของรัฐบาลที่ผ่านมา ขอให้คิดถึงสภาพการเมืองไทยที่แท้จริงว่า ตั้งรัฐบาลทุกครั้งจะเป็นลักษณะรัฐบาลผสม และหลายคนที่เป็นรัฐมนตรีก็เคยทำงานกับรัฐบาลอีกฝ่ายหนึ่ง
**”สดศรี”สั่งสอบเงินบริจาค80ล.
นางสดศรี สัตยธรรม กรรมการการเลือกตั้ง (กกต.) ด้านกิจการพรรคการเมือง กล่าวถึงกรณีที่ ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ออกมาอ้างถึงการบริจาคเงินของนายวีระชัย วีระเมธีกุล รัฐมนตรีประจำสำนักนายกฯ ให้พรรคจำนวน 80 ล้านบาท เพื่อเข้ารับตำแหน่งรัฐมนตรีว่า ขณะนี้ทางสำนักกิจการพรรคการเมืองกำลังตรวจสอบยอดเงิน บริจาคดังกล่าวอยู่ และเมื่อตรวจสอบได้แล้ว ก็จะแถลงข่าวในวันที่ 23 ธ.ค.นี้ แต่ต้องขอดูข้อมูลก่อนซึ่งยังไม่สามารถบอกได้ในขณะนี้ โดยจะต้องตรวจสอบ ว่า การบริจาคเงิน 80 ล้านบาทนั้นหากบริจาคจริงตามที่เป็นข่าวก็ต้องแจ้งให้ กกต.รับทราบด้วย เพราะในบัญชียอดเงินบริจาคให้พรรคการเมืองก็ไม่พบว่ามีการบริจาค ในจำนวนยอดเงินดังกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่ากรณีนายทุนเข้ามาบริจาคเงินให้แก่พรรคการเมืองเพื่อให้ได้ตำแหน่งรัฐมนตรี กกต.จะตรวจสอบหรือไม่ นางสดศรี กล่าวว่า เรื่องนี้ต้องมีการร้องเรียน เข้ามา โดยจะต้องพิสูจน์ว่าเงินจำนวนดังกล่าวจ่ายเพื่อซื้อตำแหน่งรัฐมนตรีหรือไม่ แต่ตอนนี้ยังไม่มีใครร้องเข้าและคิดว่าอาจจะมีผู้ร้องเข้ามาให้ตรวจสอบในกรณีนี้
**”สุรพงษ์”ร้องป.ป.ช.ฟัน “อภิสิทธิ์”
วันเดียวกัน นายสุรพงษ์ได้เข้ายื่นเรื่องขอให้ ป.ป.ช. สอบนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ นายกรัฐมนตรี กรณีส่ง sms ขอความร่วมมือจากประชาชนให้ร่วมแก้วิกฤติชาติ จำนวน 50 ล้านเลขหมาย คิดเป็นมูลค่าค่าใช้จ่าย 150 ล้านบาท โดย นายวิทยา อาคมพิทักษ์ ผู้อำนวยการสำนักข่าวและประมวลผล ป.ป.ช. เป็นผู้รับเรื่อง และจะส่งเรื่องให้ ป.ป.ช.ชุดใหญ่ดำเนินการตามขั้นตอนต่อไป