โฆษก ทบ.เผยผลสอบ “เสธ.แดง” ชี้พฤติกรรม-กิริยา เอาผิดได้ทั้งทางวินัยและอาญาทหาร มอบกรมสารวัตรทหารบกดำเนินการ พร้อมเรียกตักเตือนสัปดาห์หน้า หากฝ่าฝืนมีความผิดซ้ำฐานขัดคำสั่งผู้บังคับบัญชา จี้ ตร.สอบมีเอี่ยวเหตุรุนแรงหรือไม่ หากผิดจริงต้องปลด-ถอดยศ ด้านเจ้าตัวยังเพี้ยนไม่เลิก อ้างติดยศนายพล ถ้าไม่ยิงใครตายไม่ต้องรับโทษ แถมบังอาจท้า ไม่มีใครปลดได้ นอกจากในหลวง โวยแหลก 40 ส.ว.ร้อง ผบ.ทบ.จับเข้าห้องขัง แถมเพ้อได้ลง กอ.รมน.เมื่อไหร่ จับแกนนำพันธมิตรฯ ขึ้น ฮ.ห้อยไปตะรุเตาแน่
วานนี้ (21 พ.ย.) พ.อ.สรรเสริญ แก้วกำเนิด โฆษกกองทัพบก กล่าวถึงความคืบหน้าการสอบสวนทางวินัย พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบกว่า ด้วยพฤติกรรมกิริยาของ พล.ต.ขัตติยะ เข้าข่ายสามารถดำเนินการได้ทางวินัยและอาญาทหาร ซึ่งอยู่ระหว่างการดำเนินกรรมาวิธี เรื่องที่เกี่ยวข้องกับทางวินัยผู้บังคับบัญชาจะเป็นผู้ดำเนินการ เรื่องที่เกี่ยวข้องกับอาญากรมสารวัตรทหารบกจะเป็นผู้ดำเนินการ ซึ่งสัปดาห์หน้าจะเรียก พล.ต.ขัตติยะ มารับทราบเรื่องผลการสอบวินัย และจะมีการตักเตือนเป็นลายลักษณ์อักษร หากมีการประพฤติในลักษณะเช่นเดิม หลังจากที่ได้มีการเซ็นรับทราบการตักเตือนไปแล้ว คงจะต้องเข้าข่ายความผิดตามมาตรา 30 ตามประมวลกฎหมายอาญาทหาร คือการขัดคำสั่งผู้บังคับบัญชา
“ส่วนการคำพูดของ พล.ต.ขัตติยะ หลังจากที่ได้พูดไปแล้วมีหลายอย่างเกิดขึ้นในพื้นที่ ก็เป็นหน้าที่ของตำรวจต้องว่าไปตามตัวบทกฎหมาย ถ้าหากว่าผลสรุปออกมาแล้วว่าผิดจริงจะมีผลกระทบมาถึงการปกครองของทหารด้วย คือจะมีการปลด ถอดยศ ”
พ.อ.สรรเสริญ กล่าวว่า พล.อ.อนุพงษ์ ยังสั่งให้ทุกหน่วยขึ้นตรงของกองทัพภาคที่ ไปตรวจสอบยอดอาวุธสงคราม ระเบิด และการเบิกจ่าย ที่อยู่ในอัตราของกองทัพเพื่อไม่ให้เล็ดลอดออกไปใช้ภายนอก ซึ่งจากการตรวจสอบพบว่าไม่มีอาวุธสงครามเล็ดลอดออกไปภายนอก และยังอยู่ครบในอัตรา
พล.ต.ขัตติยะ สวัสดิผล ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก ให้สัมภาษณ์ถึงกรณี 40 ส.ว.ออกมาแถลงข่าวเรียกร้องให้ ผบ.ทบ.จับตนเองไปคุมขังว่า พวกนี้ไม่ได้ทำหน้าที่ของ ส.ว.แต่เป็นพวกป่วนเมือง ความจริงพวกนี้มีแค่ 7 คน แต่มาอ้างว่ามี 40 คน รวมถึง ส.ว.หญิง กทม.ใครที่กาเลือกน่าจะตัดมือขวาทิ้ง เพราะเขาไม่ใช่คนเก่งใช้ น.ส.แต่ดันเอาสามีเข้าสภาด้วย จึงโดน ส.ว.ลงชื่อถอดถอน และขอให้รู้ด้วยว่าคนเป็นนายพลเมื่อพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวทรงเอาคทาครุฑแตะบ่า ไม่มีสิทธิลงโทษทางวินัย คนที่เป็นนายพลถือเป็นผู้ใหญ่ จะด่าใครก็ชอบธรรม เพราะคนนั้นต้องเลวจริงๆ ถึงจะด่า
ส่วนโทษทางอาญาต้องยิงคนตายจึงจะถูกลงโทษก็เป็นเรื่องของกระบวนการยุติธรรม หน้าที่ของ ส.ว.คือถอดถอนผู้ดำรงตำแหน่งระดับสูง เช่น ผบ.เหล่าทัพ อัยการสูงสุด “หน้าที่เขาต้องถอดถอน ผบ.ทบ. ไม่ใช่มายุ่งกับ เสธ.แดง แต่เพราะเขาบ้าประจำวัน ในวันที่ผมลง กอ.รมน.และใช้กฎหมาย กอ.รมน. ซึ่งรุนแรงกว่า ป.วิอาญา สามารถจับ ส.ว. ได้ ส.ว.7 คนและแกนนำพันธมิตรฯ 5 คนก็ห้อยไปตะรุเตาด้วยกัน ถ้านายกรัฐมนตรีกล้าบรรจุ เสธ.แดงลง กอ.รมน. ทั้งหมดนี้ระวังตัวด้วยเจอกันแน่ เพราะเราต้องการความสงบ”
“ล่าสุด นายไชยวัฒน์ สินสุวงศ์ แกนนำพันธมิตรรุ่น 2 ที่สนิทกับผม อยู่ดีๆ ก็ไปบอกเบอร์โทร.ผมบนเวทีพันธมิตรฯ ทำให้มีคนโทร.มาหาผมเป็นพันเบอร์บอกว่าผมหน้า ห.หีบทั้งวัน ขนาดนอนยังฝันว่าผมจะมีหน้าเป็น ห.หีบอยู่แล้ว กับวีระ สมความคิด ก็สนิทกัน อยู่ดีๆ ก็มาแจ้งความจับผมข้อหาข่มขู่ประชาชน ผมแจ้งเตือนไม่ได้ไปข่มขู่ อยากให้รู้ว่าท่านทำบาปมหาศาล เรื่องความคิดการเมืองไม่ตรงกันก็เป็นเรื่องส่วนรวม แต่ดันมาด่าส่วนตัว” พล.ต.ขัตติยะ กล่าว
เมื่อถามถึงกรณี ผบ.ทบ.ลงโทษความผิดทางวินัย และอาญานั้น พล.ต.ขัตติยะ กล่าวว่า ทะเลาะกับนายกัดกับหมาดีกว่า ดังนั้นใครจะสั่งอะไรก็สั่งไป ส่วนเรื่องการสอบสวนยืนยันว่านายพลไม่มีบทลงโทษทางวินัย หากมีการลงโทษแสดงว่าคณะกรรมการปัญหาอ่อน ไม่รู้เรื่อง การลงโทษทำได้แค่ว่ากล่าวตักเตือน เพราะนายพลเป็นผู้ใหญ่ ไม่มีบทลงโทษ ส่วนโทษอาญาทหารต้องในสนามรบเท่านั้น เช่นหนีทัพต่อหน้าศัตรู ดังนั้นจะทำอย่างไรก็ปลดตนไม่ได้ คนจะปลดตนได้มีคนเดียวคือพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ส่วนคนเสนอขึ้นไปคือ ผบ.ทบ. ผ่านผบ.ทหารสูงสุดและปลัดกระทรวงกลาโหม รมว.กลาโหม ซึ่ง ผบ.ทบ.คงจะเกษียณก่อนที่จะมาปลดตน ทั้งนี้ตนคงไม่ไปเซ็นรับทราบข้อกล่าวหา เพราะตนไม่ได้ทำผิดอะไร ตนรักษาศักดิ์ศรีทหาร ทำเพื่อ ผบ.ทบ.เพราะท่านโดนด่าทุกวันแต่ไม่มีใครได้ยิน