ผู้จัดการออนไลน์ – แหล่งข่าวหน่วยข่าวกรองทหารบกเผย “นายพลคนดัง” นัดประชุมลูกน้องนับสิบที่เซ็นทรัล ปิ่นเกล้า ก่อนลงมือเมื่อคืนที่ผ่านมา ใช้ “จ่าหลิม-จ่าเทพ” เป็นทีมงาน ยืนยันผู้บังคับบัญชาทราบแล้ว แต่ก็ปล่อยให้เกิดเหตุสลดอีก “พล.อ.ปฐมพงษ์” ยืนยันระเบิด M-79 ชี้คนยิงต้องเชี่ยวชาญ ด้าน"เสธ.แดง"ปัดพัลวัน ไม่เกี่ยวข้อง แต่อธิบายแผนได้เป็นฉากๆ ละเอียดยิบ อ้างเตือนด้วยหวังดีแต่กลับมาโดนกล่าวหา
รายงานจากหน่วยข่าวกรองทหารบก แจ้งว่า ก่อนหน้าเกิดเหตุระเบิดในทำเนียบรัฐบาลในช่วงประมาณ 03.00 น. ช่วงเช้ามืดของวันที่ 20 พ.ย. ชุดปฏิบัติการของ “นายพลคนดัง” ที่ข่มขู่ลอบทำร้ายพันธมิตรฯ ด้วยอาวุธสงคราม ได้นัดประชุมวางแผนพร้อมกับชายฉกรรจ์ตัดผมเกรียนกว่า 10 นาย ที่ร้านกาแฟชื่อดังในศูนย์การค้าเซ็นทรัล ปิ่นเกล้า
โดยนายพลคนดังมอบหมายให้ “จ่าหลิม” หรือ “จ่าหลิว” เป็นหัวหน้าชุดยิงระเบิด M-79 สำหรับจ่าหลิม อายุประมาณ 50 ปี รูปร่างท้วมเตี้ย เป็นทหารติดตามนายพลคนดัง ทำหน้าที่ขับขับรถเบนซ์ วีโต้ สีเทา-ดำ พาหนะของนายพลคนดัง ปัจจุบันจ่าหลิมรับราชการสังกัดหน่วยทหารย่านเกียกกาย
ส่วนชุดเก็บซ่อนอาวุธสงคราม นำโดยทหารระดับ ผบ.ร้อย ยศร้อยเอก สังกัดหน่วยทหารยานเกราะ ใบหน้ามีรอยบาก สังเกตได้ชัดเจน ทำงานรับจ้างคุ้มครองผับชื่อดังย่านซอยทองหล่อ 21 ทำหน้าที่ซุกซ่อนอาวุธสงครามที่ทำร้ายพันธมิตรฯ ไว้ในหน่วยทหาร
สำหรับชุดก่อกวนด้วยวัตถุระเบิด นำโดย “จ่าเทพ” ทหารนอกราชการ บุคลิกหน้าตาแบบคนไทยแท้โบราณ โดยมีทหารบกยศจ่าจากจังหวัดจันทบุรีร่วมเป็นทีมงาน ทั้งนี้ ก่อนเกิดเหตุระเบิด หน่วยข่าวกรองทหารบกได้รายงานข้อมูลดังกล่าวไปให้ผู้บังคับบัญชาทราบแล้วเพื่อหามาตรการป้องกัน แต่ก็ยังเกิดเหตุระเบิดขึ้นอีก
ด้าน พล.อ.ปฐมพงษ์ เกษรศุกร์ อดีตประธานที่ปรึกษาคณะกรรมการกองบัญชาการทหารสูงสุด และที่ปรึกษาด้านความปลอดภัยของกลุ่มพันธมิตรฯ ได้กล่าวบนเวทีทำเนียบรัฐบาลในช่วง 13.15 น.ที่ผ่านมา โดยยืนยันว่าจากการตรวจสอบแล้วยืนยันว่าเป็นระเบิดชนิด M-79 อย่างแน่นอน และการยิงจะต้องใช้ผู้เชี่ยวชาญปฏิบัติการพร้อมกัน 2 คน
เสธ.แดง รับมีคนขับรถชื่อ “จ่าหลิม-จ่าเทพ”
จากข่าวดังกล่าว ล่าสุดช่วงบ่ายที่ผ่านมา พล.ต.ขัยติยะ สวัสดิผล ผู้ทรงคุณวุฒิกองทัพบก ได้ให้สัมภาษณ์กับสื่อมวลชน โดยระบุว่า ตนเองไม่รู้สึกตกใจหรือตื่นเต้นกับข้อมูลที่มีการเผยแพร่ออกมา พร้อมกล่าวยอมรับว่าตนเองมีลูกน้องชื่อ “จ่าหลิม” และ “จ่าเทพ” โดยทั้งคู่เป็นคนขับรถให้ แต่ไม่ได้มีพิษมีภัยอะไร
“จ่าหลิม เป็นนักดื่มเหล้า ซึ่งจะมีอาการเมาทั้งวันทั้งคืน และจ่าหลิมก็อายุมากแล้วตอนนี้ก็นับวันที่จะเกษียณอายุราชการจะเอาแรงที่ไปไปถืออาวุธสงครามมายิง ส่วนจ่าเทพ ก็ได้ลาออกจากราชการไปแล้ว ซึ่งตัวของจ่าเทพ ก็มีน้ำหนักเป็น 100 กิโลกรัม เดินเหินก็ค่อนข้างลำบาก ดังนั้นข้อมูลที่กลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยมาเปิดเผยล้วนแต่มั่วสิ้นดี” พล.ต.ขัตติยะ กล่าว
ส่วนกรณีที่มีการอ้างอิง แหล่งข่าวจากหน่วยข่าวกรองทหารบกว่าก่อนเกิดเหตุช่วงเช้ามืดวันนี้ ทางทีมผู้ก่อการได้มีการวางแผน พล.ต.ขัตติยะ กล่าวว่า “มันอ้างไปเรื่อยๆ ตอนนี้มันพยายามดิ้นจึงได้กุเรื่องต่างๆ ขึ้นมา ทั้งๆ ที่ข้อมูลที่ได้มาไม่ได้มาจากหน่วยข่าวกรองทหารบก แต่เป็นการแต่งขึ้นมาเอง และตนก็ไม่เคยไปห้างเซ็นทรัล ปิ่นเกล้า”
พร้อมกันนั้น เสธ.แดง กล่าวด้วยว่า จ่าหลิม และ จ่าเทพ เป็นคนที่ใครๆ ก็รู้จักเป็นอย่างดี รวมถึง 5 นายพลที่ร่วมขึ้นเวทีปราศรัยของกลุ่มพันธมิตร ทั้งนี้ตนไม่สงสัยว่าทำไมเขาถึงได้มาอ้างเพราะรู้ ๆ กันอยู่ว่ากลุ่มพันธมิตรหมดความชอบธรรมไปตั้งนานแล้ว ก็พยายามหาเรื่องมาผูกโยงเพื่อเรียกคะแนนจากประชาชนให้ร่วมสังฆกรรม
อ้างเตือนพันธมิตรฯ ด้วยหวังดี
พล.ต.ขัตติยะ กล่าวว่า วันนี้ขอบอกตรงๆ ว่า ตนไม่พอใจพันธมิตร ฯ เพราะเตือนด้วยความหวังดี แต่กลับเห็นความหวังดีเป็นประสงค์ร้าย เหมือนกับเนรคุณ ด่าตนทุกวัน ด่าโคตรพ่อโคตรแม่ ขุดโคตรเหง้ามาด่าหมด ที่ผ่านมาตนก็ยังหวังดีเตือนมาตลอด แต่กลับมาผูกเรื่องให้มาเป็นแพะในสถานการณ์ระเบิดที่เกิดขึ้น รู้สึกน้อยใจ ตาแดงๆ แล้ว หาว่าหวังดีประสงค์ร้าย ตนเหมือนมูจาฮีดีน คือ มาขำตน หาว่าทำตลกทุกวัน และยังมาด่าว่าไอ้หมาแดง มาด่าพ่อแม่ ชาติตระกูล ก็ไปด่า ผบ.ทบ.ซิ เพราะท่านไม่โกรธ
พล.ต.ขัตติยะกล่าวต่อว่า ตนขอเตือนต่อไปว่า ที่ท่านอยู่ในทำเนียบรัฐบาลเป็นรัฐอิสระ และอ้างว่าพันธมิตรฯ มีกองทัพของตนเองคือนักรบศรีวิชัย มีอาวุธสงคราม คือ เอชเค – 33 และ ปืนอูซี่ ที่ยึดจากตำรวจในทำเนียบรัฐบาล และ คืนไม่ครบ มีโรงพยาบาลสนาม มีอุปกรณ์ มีรถเครน รถส้วม มีช่างไฟฟ้า ต่อไฟฟ้า ทำอะไรก็ได้ตามอำเภอใจ
“ผมก็เตือนแล้วว่า เมื่อข้าศึกเห็นว่าตรงนั้นเป็นฐานปฏิบัติการทหาร เขาก็ไม่รบประชิดตัว ก็ยิงลูกยาวใส่ เมื่อไม่ได้เรียนยุทธวิธีมา ก็สร้างแหอีก จรวดเข้ามา ลูกก็แตกอากาศสาดลงมา ถึงได้เจ็บ 43 คน ตาย 1 ศพ ควรตัดต้นมะขามมาทำบังเกอร์ปิด เอา TOC หรือ ทกย. ซึ่งก็คือเวทีฯ ไปไว้ใต้ดินถึงจะรอดตาย เชื่อผมซิเขาจะยิงไปทุกคืน คืนทำเนียบรัฐบาลเขาไป แม่ทัพนายกองของพันธมิตรฯ ที่จบ จปร.ก็ไม่ได้เก่ง คนหนึ่งเหล่าสื่อสารหนีทัพที่ภูผาที อยู่ติดกับฮานอย คนที่สอง เหล่าทหารปืนใหญ่ แตกทัพที่ลาว อายุ 70 กว่าปี คนที่สาม เป็นพลเอกบ้าคอมพิวเตอร์ เคยอยู่กับอดีตนายกฯ แล้วไปหักหลังเขา คนที่สี่ นายพลคอสเมติก ใช้เครื่องสำอาง คนสุดท้าย เรียนจู่โจมไทยไม่ผ่าน ไปเรียนที่ฟอร์ด เบนนิ่งก็ตก ไม่มีใครเก่งเลย”
พล.ต.ขัตติยะ กล่าวว่า ส่วนที่พันธมิตรฯ จะรวมตัววันที่ 23 พ.ย.นี้ ก็ขอเตือนว่า รวมกันตายหมู่ แยกหมู่ตายเดี่ยว ตอนนี้ทหารพรานเขาลงมาแล้ว ตายหมด เพราะฉะนั้น ใครที่จะมารวมวันที่ 23 พ.ย.นี้ให้จองวัดไว้ล่วงหน้า เมื่อคืนนี้ ไประดมคนมาทำไมพวกสาวกสันติอโศก คนที่เจ็บตาย เราไม่ต้องสงสาร เพราะเป็นพวกสันติอโศกทั้งหมด ระหว่างที่เขาทำสงครามและเขายิงจรวดเข้ามา เราต้องทำบังเกอร์ปิด กลับไปรำวง ทหารเวลาอยู่ฐานจะกลัวลูกยาว เมื่อคืนน่าจะเป็นลูกยาวขนาดเล็ก หรือ เอ็ม –79 ยิงไกลสุด 375 เมตร โดยระยะหวังผลเป็นจุดอยู่ในระยะ 150 เมตร เกินกว่านั้นเป็นการหวังผลเป็นพื้นที่
“เท่าที่ผมวิเคราะห์น่าจะเป็นกระสุนรุ่นใหม่ เขา duel สองสถานคือเจาะเกราะ และ สังหารด้วย เป็นเวอร์ชั่นใหม่ เอ็ม – 79 เป็นเครื่องยิงลูกระเบิดสังหารบุคคล เมื่อโดนหลังคา หรือผ้าใบ มันจึงสาดใส่ เพราะฉะนั้น นายพลทั้งห้าคนต้องฝึกนักรบศรีวิชัย และ พันธมิตรฯ ขุดหลุมบังเกอร์ปิด ผมขอเตือนด้วยความหวังดี และ ต้องเป็นหนี้บุญคุณผม เพราะบอกแล้วว่าจะต้องหยุดยิงช่วง 14-19 พ.ย. พักรบเหมือนทหารเวียดนาม พอพ้นวันที่ 19 พ.ย. ผ่านเที่ยงคืนไปสามชั่วโมง เขาก็ยิงเลย ก็ไม่เชื่อผม มารำวงกัน ลูกแรกเจ็บ 11 ตาย 1 ลูกที่สอง สะพานอรทัย ลูกที่สาม ป.ป.ช. เขาเรียกว่ายิงนกตกปลายังหาพิกัดไม่ได้ ลูกที่สามก็ตายไป 1 ลูกที่สี่ เจ็บ 4 ลูกที่ห้า หน้าเวที ลูกที่หก เขาก็จะย้ายมายิงตอนสองทุ่มครึ่ง ตอนเจ๊กลิ้มขึ้นเวที เขาวางแผนเป็นชุดๆ เพราะฉะนั้นตอนสองทุ่มไปจองวัดก่อน เพราะสองทุ่มครึ่งเขายิงมึงก่อน ผมไม่ได้ขู่ แต่แจ้งเตือน จริงๆ คนทำคนสงสารเพราะทำกลางวันตายเยอะ แต่กลางคืนข้าศึกก็มอนิเตอร์ตลอด เหลือแค่12-13 คน แต่เมื่อคืนมากันเยอะหน่อย ก็โดนเยอะหน่อย จะเหลือก็แค่สาวกสันติอโศก ”
พล.ต.ขัตติยะ กล่าวว่า ขอให้ออกจากทำเนียบฯ โดยปราศจากเงื่อนไขเพื่อให้รัฐบาลจัดงานสันนิบาต ไม่ต้องมายื่นเงื่อนไขลาออก ยุบสภา ต้านแก้ไขรัฐธรรมนูญ ให้ทั้ง 5 พันธมิตรฯ ไปจัดแจงขอโทษที่ฐานลานพระรูปฯ
โทษพันธมิตรฯ ทำตกต่ำ ต้องไปเป็นทหารสอนเต้นแอโรบิก
ส่วนกรณีที่พล.อ. อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ.ตั้งคณะกรรมการสอบวินัยอาญาทหารนั้น พล.ต.ขัตติยะกล่าวว่าตนและพล.อ.อนุพงษ์ เคยสาบานกันไว้สมัยเรียนกวดวิชาด้วยกันว่า หากใครเป็นใหญ่ต้องช่วยให้เพื่อนอีกคนยิ่งใหญ่ แต่มาวันนี้ พล.อ.อนุพงษ์ กลับแต่งตั้งกรรมการสอบฯ และผลออกมาแทนจะตั้งตนเป็นแม่ทัพภาค กลับตั้งตนเป็นนายทหารส่งเสริมสุขภาพกองทัพบก ซี่งเป็นหนึ่งในคณะทำงานที่ปรึกษา ซึ่งมีหน้าที่ไปเต้นแอโรบิก และให้ตนเป็นพรีเซ็นเตอร์เต้นท่าออกกำลังกายส่งเสริมสุภาพ ให้ประชาชนออกกำลังกายในสถานที่ต่างๆ ซึ่งตนถือว่าเป็นจุดตกต่ำที่สุดของชีวิตนักรบ เพราะพันธมิตรฯ อย่างไรก็ตามขณะนี้ตนได้เตรียมท่าขว้างระเบิดไว้สอนประชาชนแล้วเช่นกัน
พล.ต.ขัตติยะ ยังกล่าวถึงกรณีที่มีการกล่าวหาว่าพ.ต.ท. ทักษิณ ชินวัตร ไม่จงรักภักดีต่อสถาบันฯ นั้นตนขอชี้แจงว่า ตนไม่ได้แก้ตัวให้ พ.ต.ท.ทักษิณ แต่วันนี้ นปก.มีทั้งของจริงและของปลอม ซึ่ง นปก.ของจริงคือพวกที่ไปชุมนุมที่สนามราชมังคลา และเมืองทองธานี ส่วน นปก.ของปลอมจะเป็นพวกที่ชุมนุมที่สนามหลวงโดยเรียกเก็บเงินบริจาคจากประชาชนแล้วนำมาแบ่งกันเอง ส่วนใหญ่จะเป็นพวกคอมมิวนิสต์เดิมหรือพวกร่วมพัฒนาชาติไทย ซึ่งพวกนี้ทำให้ พ.ต.ท.ทักษิณ เกิดความเสียหายและยังนำไปโยงว่า พ.ต.ท.ทักษิณ ไม่รักสถาบันซึ่งเป็นเรื่องไม่จริง