ศรีสะเกษ/นครราชสีมา - เครือข่าย ปชช.ศรีสะเกษทวงคืนเขาพระวิหาร ไม่หวั่นทหารเขมรนอกคอกขู่ยิงพันธมิตรฯ และ ปชช.ไทยหากล้ำเขตแดน เรียกร้องรัฐบาลไทยต้องสร้างความชัดเจนเกี่ยวข้องเขตแดนบนเขาพระวิหารให้เสร็จสิ้นโดยเร็ว ด้านเลขาฯ หอการค้าภาคอีสาน จวก “ฮุน เซน” ตั้ง “นช.แม้ว” เป็นที่ปรึกษา ทำไม่เหมาะสม ไม่ให้เกียรติประเทศไทย กระทบสัมพันธ์ 2 ประเทศ สร้างแตกแยกในกลุ่มอาเซียน นำไปสู่ความขัดแย้งรุนแรง
วันนี้ (5 พ.ย.) ที่ร้านแต้ฮกเซ้ง เลขที่ 950-52 ถ.อุบล อ.เมือง จ.ศรีสะเกษ นายโกวิท อินทรวงษ์โชติ ประธานเครือข่ายประชาชนศรีสะเกษทวงคืนเขาพระวิหาร กล่าวถึงกรณีที่กองทัพเขมรออกมาประกาศขู่ว่าจะยิงกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย (พธม.) และประชาชนชาวไทยทุกคนที่รุกล้ำเข้าไปในเขตกัมพูชาบริเวณเขาพระวิหาร ว่า บริเวณเขาพระวิหาร ชายแดนไทย-กัมพูชา ด้าน อ.กันทรลักษ์ จ.ศรีสะเกษ ยังไม่มีความชัดเจนว่าบริเวณใดเป็นเขตแดนไทย หรือเขตแดนของกัมพูชา เนื่องจากยังเป็นพื้นที่อ้างสิทธิ์หรือเขตทับซ้อนกันอยู่
อีกทั้งยังมีกองกำลังทหารทั้งฝ่ายไทยและกัมพูชา รวมทั้งมีทหารเวียดนามบางส่วนได้เข้ามาตรึงกำลังกันอยู่บนเขาพระวิหารบริเวณดังกล่าวด้วย
ดังนั้น พื้นที่ทับซ้อนบริเวณเขาพระวิหาร จึงเป็นสิทธิที่ผู้ใดจะเข้าไปก็ได้ โดยต้องไม่ทำการปลูกสร้างสิ่งถาวรวัตถุขึ้นมา แต่ที่ผ่านมาและกระทั่งในปัจจุบันทางฝ่ายกัมพูชากลับได้รุกล้ำเข้ามาก่อสร้างถาวรวัตถุต่างๆ อย่างต่อเนื่อง ทั้ง ร้านค้า บ้านเรือน วัด และ ถนน ในเขตพื้นที่ทับซ้อนดังกล่าวซึ่งเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้องตามกฎหมายระหว่างประเทศ ที่เรียกว่า โนแมนสแลนด์
ฉะนั้น หากกลุ่มพันธมิตรฯ หรือประชาชนชาวไทยคนใดจะเข้าไปในเขตพื้นที่บริเวณนี้ หากได้รับอนุญาตจากทางฝ่ายทหารไทยก็สามารถเข้าไปได้ ซึ่งไม่เพียงแต่พันธมิตรฯ เท่านั้นแต่หมายรวมถึงชาวไทยทุกคนก็สามารถเข้าไปได้
“หากกองทัพเขมรจะยิงประชาชนชาวไทยที่เข้าไปบริเวณเขาพระวิหาร ผมก็เชื่อมั่นในทหารไทย ว่า จะสามารถปกครองคุ้มภัยให้กับประชาชนชาวไทยได้อย่างแน่นอน” นายโกวิท กล่าว
นายโกวิท กล่าวต่อว่า ขอเรียกร้องให้รัฐบาลไทยได้สร้างความชัดเจนเกี่ยวกับเขตแดนไทยที่บริเวณเขาพระวิหารโดยเร็ว อีกทั้งเพื่อเป็นการแสดงถึงความบริสุทธิ์ใจในการแก้ไขปัญหาบริเวณเขาพระวิหารร่วมกัน รัฐบาลไทยและรัฐบาลกัมพูชาควรถอนกำลังทหารและประชาชนชาวกัมพูชา ที่มาอาศัยอยู่บริเวณเชิงเขาพระวิหารออกไปให้หมดเสียก่อน แล้วจึงทำการปักปันเขตแดนให้ชัดเจนถึงจะเป็นการปฏิบัติที่ถูกต้อง
เลขาฯหออีสานจวก “ฮุนเซน” ทำแตกแยกรุนแรง
ขณะที่ นายทวิสันต์ โลณานุรักษ์ เลขาธิการหอการค้าภาคตะวันออกเฉียงเหนือ และที่ปรึกษาหอการค้าจังหวัดนครราชสีมา กล่าวถึงกรณี นายฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชา แต่งตั้ง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี และนักโทษชายหนีคดีอาญาแผ่นดิน เป็นที่ปรึกษาส่วนตัวและที่ปรึกษารัฐบาลกัมพูชาด้านเศรษฐกิจ ว่า กรณีนี้หากเป็นเรื่องส่วนตัวของ นายฮุน เซน ที่ต้องการให้ พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นที่ปรึกษาส่วนตัวก็สามารถทำได้ แต่หากเป็นเรื่องของการเป็นที่ปรึกษาของรัฐบาล หรือประเทศแล้ว นายฮุน เซน นายกรัฐมนตรีกัมพูชาจะทำอย่างนั้นไม่ได้ โดยเฉพาะในฐานะเป็น 1 ใน 10 ประเทศสมาชิกอาเซียนที่มีความสัมพันธ์กันอยู่ นับว่า เป็นการทำในสิ่งที่ไม่เหมาะสม และถือว่าเป็นการไม่ให้เกียรติประเทศไทย ซึ่งเป็น 1 ในประเทศสมาชิกอาเซียน
ทั้งนี้ เนื่องจาก พ.ต.ท.ทักษิณ เป็นนักโทษหลบหนีคดีของไทย ซึ่งจะกระทบโดยตรงต่อความสัมพันธ์ระหว่างประเทศไทยกับกัมพูชาอย่างร้ายแรง และอาจส่งผลต่อความไม่วางใจซึ่งกันและกันของแต่ละประเทศในกลุ่มอาเซียน จนก่อให้เกิดความแตกแยกได้ ประกอบกับประเด็นความขัดแย้งเกี่ยวกับทรัพยากรพลังงานในทะเลอ่าวไทย เหตการณ์ครั้งนี้อาจถึงขั้นแตกหักนำไปสู่ความขัดแย้งอย่างรุนแรงได้
“ในส่วนของนักธุรกิจไทยเอง ซึ่งได้เข้าไปลงทุน และทำธุรกิจค้าขายอยู่ในกัมพูชาจำนวนไม่น้อย ทั้งกิจการโรงแรม ท่องเที่ยว และการสื่อสาร รวมทั้งการค้าชายแดน ก็ต้องปรับตัวภายใต้สถานการณ์ความขัดแย้งที่อาจลุกลามมากขึ้นได้ โดยต้องวิเคราะห์สถานการณ์อยู่ตลอดเวลาว่าควรจะทำอย่างไร และต้องนำเรื่องนี้เข้าสู่การหารือเพื่อเตรียมพร้อมรับมือ และเสนอแนวทางแก้ปัญหาของภาคเอกชนต่อรัฐบาลไทย ในการประชุมหอการค้าไทยทั่วประเทศที่ จ.เชียงใหม่ ปลายเดือนนี้ด้วย” นายทวิสันต์ กล่าว
การที่ นายฮุน เซน ผู้นำสูงสุดของกัมพูชา ออกมาประกาศท่าทีแตกหักกับประเทศไทย และยกย่องสนับสนุน พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งเป็นนักโทษหนีคดีเช่นนี้ คงมีผลประโยชน์รองรับที่อาจเป็นเม็ดเงินหรืออื่นๆ สูงมาก หรือไม่ก็เกิดจากความไม่พอใจขั้นสูงสุดต่อรัฐบาลไทยถึงกระทำเช่นนี้ได้
แต่อย่างไรก็ตาม เชื่อว่า ประชาชนชาวกัมพูชาและนักธุรกิจกัมพูชาเอง ก็คงไม่สบายใจต่อการกระทำของ นายกรัฐมนตรีของเขาเช่นกัน เพราะปัจจุบันชาวกัมพูชาและนักธุรกิจกัมพูชาส่วนใหญ่ยังจำเป็นต้องพึ่งพาและทำธุรกิจค้าขายกับประเทศไทยอยู่มาก โดยการค้าชายแดนของ 2 ประเทศ นายทวิสันต์ กล่าว