ศูนย์ข่าวนครราชสีมา - องค์กรภาค ปชช.-นักวิชาการ-นักธุรกิจ-ศิลปินโคราช ร่วมแถลงประณามรัฐบาลทรราชฆาตกรเข่นฆ่าปชช.ผู้ชุมนุม ระบุ นายกฯ สมชาย หมดความชอบธรรมสิ้นเชิงแล้ว พร้อมเรียกร้องให้ ส.ส.โคราชทุกคนลาออกจากพรรคร่วมรัฐบาล พร้อมแต่งชุดดำไว้อาลัยให้กับวีชรชนผู้ตาย-บาดเจ็บ เตรียมจัดเวทีเปิดโปงพฤติกรรมชั่วร้ายเข่นฆ่า ปชช.ของรัฐบาลชั่ว-ตำรวจเลวที่โคราชเร็วๆ นี้ แฉมีข่าวทหารขนระเบิดจากโรงโม่บุรีรัมย์ เข้ากรุงเพื่อก่อการร้าย ก่อนเกิดเหตุระเบิดรถจิ๊ป “พ.ต.ท.เมธี” ดับ ร้องตั้ง กก.กลาง สอบคดีดังกล่าว ลั่น ปปช.ไม่ไว้วางใจ ตร.อีกต่อไปแล้ว และเชิญชวนนักธุรกิจ พ่อค้า ปชช.แพทย์-พยาบาล บอยคอตทางสังคมกับตำรวจ ด้วยการไม่ขายสินค้า ไม่พูดคุย และไม่ให้บริการทุกรูปแบบแก่ ตร.ในเครื่องแบบ
วันนี้ (9 ต.ค.) ที่ศูนย์ข้อมูลท้องถิ่นเพื่อการพัฒนา มหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา อ.เมือง จ.นครราชสีมา กลุ่มองค์กรภาคประชาชน, นักวิชาการ, ทนายความ, ครู, นักธุรกิจ, ศิลปินพื้นบ้านและกลุ่มแพทย์ในจังหวัดนครราชสีมา นำโดย ทพ.ศุภผล เอี่ยมเมธาวี เลขาธิการสมัชชาประชาชนอีสาน 19 จังหวัด, นายทวิสันต์ โลณานุรักษ์ เลขาธิการหอการค้าภาคตะวันออกเฉียงเหนือ, นายกำปั่น บ้านแท่น ศิลปินพื้นบ้านเพลงโคราช, นายสันติ ถิระวงศ์ รองประธานสภาทนายความจังหวัดนครราชสีมา และ ผศ.ดร.สามารถ จับโจร นักวิชาการมหาวิทยาลัยราชภัฏนครราชสีมา
ทั้งหมดได้ร่วมกันแถลงข่าวประณามการกระทำของรัฐบาล และเจ้าหน้าที่ตำรวจที่ใช้ความรุนแรง ยิงแก๊สน้ำตาและระเบิด สลายการชุมนุมของประชาชนกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ที่กรุงเทพฯ เมื่อวันที่ 7 ต.ค.ที่ผ่านมา อย่างโหดร้ายป่าเถื่อน จนทำให้ประชาชนผู้บริสุทธิ์ที่ชุมนุมโดยสงบ สันติ อหิงสา ปราศจากอาวุธ ต้องได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิตเป็นจำนวนมาก
ทพ.ศุภผล เอี่ยมเมธาวี เลขาธิการสมัชชาประชาชนอีสาน 19 จังหวัด เปิดเผยว่า เหตุการณ์ที่เกิดขึ้นสร้างความสลดใจ และไม่สบายใจให้แก่ประชาชนชาว จ.นครราชสีมา เป็นอย่างมาก โดยเฉพาะการกระทำของเจ้าหน้าที่ตำรวจ ที่ใช้ความรุนแรงกับประชาชนนำมาซึ่งการสูญเสียชีวิตของผู้บริสุทธิ์ และมีประชาชนได้รับบาดเจ็บอีกเป็นจำนวนมาก
ในส่วนของ จ.นครราชสีมา จากการรวบรวมข้อมูลเบื้องต้น ล่าสุด พบว่า มีชาวโคราชที่เข้าร่วมชุมนุมในวันดังกล่าวได้รับบาดเจ็บสาหัสจำนวน 4 ราย คือ นางกุ๊ยบ้วย เทพิน ชาว อ.เมืองนครราชสีมา, นางรุ่งทิวา ธาตุวรกุล ชาว อ.ปากช่อง, นายชัยวัฒน์ บูรณศักดิ์ศรี และ นางธนาพร วงษ์ชูเกียรติ ชาว อ.ปากช่อง จ.นครราชสีมา ทุกคนยังรักษาตัวอยู่ในโรงพยาบาลที่กรุงเทพฯ โดยเฉพาะ นางรุ่งทิวา ได้รับบาดเจ็บสาหัสมาก ถูกแรงอัดระเบิดใบหน้าเละหนึ่งข้าง ศีรษะซีกซ้าย กะโหลกแตก สมองบวมช้ำ ขณะนี้อาการเป็นตายเท่ากัน
ดังนั้น ทุกองค์กรเครือข่ายในจังหวัดนครราชสีมาที่มาร่วมหารือกันในวันนี้ จึงมีมติร่วมกันว่า พวกเราสนับสนุนการเคลื่อนไหวของกลุ่มพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย รวมทั้งเครือข่ายประชาชน, นักวิชาการ, แพทย์-พยาบาล และอธิการบดี 30 มหาวิทยาลัย ในการต่อสู้ขับไล่รัฐบาลและต่อต้านการใช้ความรุนแรงกับประชาชน อย่างถึงที่สุด
ทั้งนี้ พวกเรายืนยันว่า รัฐบาลของ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ หมดความชอบธรรมโดยสิ้นเชิงที่จะบริหารประเทศนี้ต่อไป สำหรับพวกเราใน จ.นครราชสีมา ขอเรียกร้องให้ ส.ส. พรรคร่วมรัฐบาลทั้งหมด ต้องลาออกจากการร่วมรัฐบาลโดยทันที เพื่อแสดงความรับผิดชอบต่อการเข่นฆ่าประชาชนโดยมือเปื้อนเลือดของรัฐบาล ถ้ายังไม่ลาออกพวกเราประชาชนในโคราชจะตราหน้าประณามอย่างต่อเนื่อง ตั้งแต่การไปหาที่บ้าน ที่ทำงาน ที่โรงแรม และกิจการของพวกท่าน เพื่อวางพวงหรีดสีดำให้
รวมทั้งจะมีการจัดเวทีเปิดโปงการพฤติกรรมการเข่นฆ่าประชาชน ของรัฐบาลชั่ว-ตำรวจเลว ที่โคราชในเร็วๆ นี้ ซึ่งจะเชิญครอบครัวของผู้ที่เสียชีวิตและได้รับบาดเจ็บจากการกระทำของตำรวจมาขึ้นเวที ด้วย
นอกจากนี้ ขอเชิญชวน กลุ่มแพทย์ พยาบาลโรงพยาบาล ใน จ.นครราชสีมา รวมถึงพ่อค้า แม่ค้า นักธุรกิจ ประชาชนชาวโคราช ที่ไม่เห็นด้วยกับการเข่นฆ่าประชาชนของรัฐบาลครั้งนี้ขอให้แต่งชุดดำ ใช้สัญลักษณ์สีดำ พวงหรีดสีดา ป้ายผ้าสีดำ สติกเกอร์สีดำทุกอย่างที่เป็นกิจการ เพื่อไว้อาลัยแด่ผู้ที่เสียชีวิตและแสดงความเสียในต่อผู้ได้รับบาดเจ็บในครั้งนี้
พร้อมทั้งขอเรียกร้องให้สิทธิส่วนบุคคลให้เกิดประโยชน์ ในการใช้มาตรการตอบโต้ต่อต้านทางสังคมกับตำรวจ โดยไม่ให้บริการกับตำรวจในเครื่องแบบทุกคน เช่น ไม่รับตรวจรักษาแก่ตำรวจในเครื่องแบบ, ไม่ขายสินค้า ไม่ขายข้าวขายอาหารให้ ไม่ทำฟันให้ ไม่ให้บริการทุกอย่าง ไม่ทักทายพูดคุย และไม่ไหว้ไม่เคารพกับตำรวจในเครื่องแบบทุกคนเพื่อเป็นการสะท้อนให้เห็นว่า เวลานี้เครื่องแบบสีกากีนั้นเป็นเครื่องแบบเปื้อนเลือดและสกปรกมากแล้ว เราจึงไม่ให้การต้อนรับ ซึ่งเป็นการบอยคอตทางสังคม
“จากนั้นพวกเราจะเชิญชวนประชาชนชาวโคราชเดินทางไปร่วมวางพวงหรีด ให้แก่พรรคการเมืองทุกพรรคในจังหวัดนครราชสีมา ที่ยังดื้อด้านร่วมรัฐบาลทรราชฆาตกรเข่นฆ่าประชาชนต่อไป” ทพ.ศุภผล กล่าว
ทพ.ศุภผล กล่าวถึงเหตุระเบิดรถยนต์ จี๊ป เชอโรกี ของ นายไชยวัฒน์ งามจิตร ที่บริเวณหน้าที่ทำการพรรคชาติไทย ถ.พิชัย ข้างรัฐสภา กรุงเทพฯ ทำให้มีผู้เสียชีวิต 1 ราย คือ พ.ต.ท.เมธี ชาติมนตรี ผู้ประสานงานองค์กรเครือข่ายพันธมิตรฯ จ.บุรีรัมย์ และหัวหน้าการ์ดพันธมิตรฯ ว่า ขณะนี้เจ้าหน้าที่ตำรวจพยายามบิดเบือนข้อเท็จจริง และใส่ร้ายป้ายสีว่าระเบิดที่เกิดขึ้นเป็นการเตรียมมาเพื่อก่อเหตุร้ายของผู้ตายและกลุ่มพันธมิตรฯ
ทั้งที่เหตุที่เกิดขึ้นไม่มีใครทราบมาก่อน รวมทั้งตนในฐานะแกนนำที่ทำหน้าที่อยู่บนรถปราศรัยในที่เกิดเหตุด้วย อีกทั้งผู้ตายเองเป็นคนที่มีอุดมการณ์ รักความเป็นธรรม มุ่งมั่นทำงานเพื่อประชาชน และประเทศชาติ จึงได้ลาออกจากข้าราชการตำรวจ เพราะยอมรับระบบมาเฟียในวงการตำรวจไม่ได้ ซึ่งเป็นไปไม่ได้ที่คนเช่นนี้จะพลีชีพฆ่าตัวตายเพื่อก่อให้เกิดความเสียหายแก่คนอื่น หรือประเทศชาติ
ส่วนเจ้าของรถเองเป็นเพียงครูสอนในโรงเรียนจังหวัดนครราชสีมาแห่งหนึ่ง และเป็นผู้ที่มีจิตใจดีงามทำกิจกรรมเพื่อสังคม ทั้งด้านการอนุรักษ์สิ่งแวดล้อม และพัฒนาเยาวชน มาโดยตลอด นั้น ยิ่งไม่มีความเป็นไปได้ที่จะเกี่ยวข้องกับการขนระเบิดเข้าไปก่อเหตุระเบิดตามที่เจ้าหน้าที่ตำรวจพยายามใส่ร้ายป้ายสี และดำเนินการกดดันครูตัวเล็กๆ และครอบครัวเจ้าของรถคันที่เกิดเหตุอย่างหนักอยู่ในขณะนี้
อย่างไรก็ตาม ตนขอตั้งข้อสังเกตว่า การระเบิดรถยนต์จี๊ป เชอโรกี ดังกล่าว น่าจะเป็นส่วนหนึ่งของการเคลียร์พื้นที่บนเส้นทางถนนพิชัย ซึ่งเป็นเส้นทางหลักที่จะนำกลุ่มรัฐมนตรี ส.ส.และ ส.ว.ออกมาจากอาคารรัฐสภา เพื่อให้ผู้ชุมนุมทั้งหมดออกไปจากเส้นทางดังกล่าว
ประกอบกับประมาณ 2-3 วัน ก่อนเกิดเหตุพวกเราได้รับรายงานข่าวว่า มีทหารประมาณ 17 คน จากกองร้อยหนึ่งใน จ.บุรีรัมย์ ได้ประชุมกันแล้ว หนึ่งในนั้นได้ส่งข่าวออกมา ว่า ได้มีการเอาแอมโมเนียมไนเตรท และดินประสิว จากโรงโม่แห่งหนึ่งใน จ.บุรีรัมย์ ให้นำเข้ากรุงเทพฯ เพื่อเตรียมก่อการร้าย โดยมีความเชื่อมโยงกับนายทหารคนดังที่ชื่อ “เสธ. ด.” ซึ่งเป็นที่ทราบกันดีว่ามีความเชี่ยวชาญเกี่ยวกับวัตถุระเบิด จึงมีความเป็นไปได้สูงว่า เหตุระเบิดครั้งนี้เกี่ยวข้องกับข่าวดังกล่าว
“ดังนั้น พวกเราขอเรียกร้องให้รัฐบาลตั้งคณะกรรมการกลางขึ้นมา เพื่อสืบสวนสอบสวนคดีเหตุระเบิดรถยนต์ดังกล่าวโดยตรง เนื่องจากประชาชนไม่มีความเชื่อมั่นหรือไว้วางใจเจ้าหน้าที่ตำรวจอีกต่อไปแล้ว” ทพ.ศุภผล กล่าว