เครือข่ายสื่อต้านคอร์รัปชัน อัดสร้างมอเตอร์เวย์ บางปะอิน-โคราช ไม่โปร่งใส ขู่ฟ้องศาลปกครองระงับ แฉไม่ชอบธรรมตั้งแต่การทำประชาพิจารณ์ปี 49 โครงการ ไม่เข้าใจจะขยายเส้นทางคมนาคมไปอีกทำไม แนะให้นำงบแสนล้านไปพัฒนาระบบรถไฟรางคู่จะคุ้มการลงทุนกว่า “เลขาฯ หอการค้าอีสาน” แจง 11 ข้อ รับโครงการโกงไม่ได้
วันนี้ (18 ธ.ค.) ที่รัฐสภา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คณะกรรมาธิการศึกษา ตรวจสอบเรื่องการทุจริต และเสริมสร้างธรรมาภิบาล วุฒิสภา โดยมี น.ส.รสนา โตสิตระกูล เป็นประธานร่วมกับ คณะอนุกรรมาธิการส่งเสริมภาคประชาชนป้องกันการทุจริตประพฤติมิชอบในทรัพย์สินของรัฐ มีนายไพบูลย์ นิติตะวัน เป็นประธาน ได้จัดสัมมนาเรื่อง “โครงการมอเตอร์เวย์ บางประอิน-โคราช ใครได้ใครเสีย”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในที่ประชุมได้เปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมแสดงความคิดอย่างกว้างขวาง โดยนายประเทือง ปรัชญพฤชธิ์ ประธานเครือข่ายรณรงค์สื่อต้านคอร์รัปชัน กล่าวตอนหนึ่งในการเสวนาว่า โครงการดังกล่าวเป็นโครงการที่ไม่โปร่งใส ทั้งนี้หากรัฐบาลต้องการเดินหน้าโครงการนี้ ภาคประชาชนจะรวมตัวกันเพื่อฟ้องศาลปกครองเพื่อให้ยับยั้งโครงการนี้ เพราะมีความไม่ชอบธรรมตั้งแต่การประชาพิจารณ์ในปี 2549 ซึ่งเป็นการประชาพิจารณ์ที่ไม่ให้คนในพื้นที่มีส่วนร่วม แต่กรมทางหลวงได้เกณฑ์ประชาชนจากพื้นที่อื่นมาทำแทน และมีการตั้งคำถามนำที่ทำให้ประชาชน ไม่มีทางเลือกนอกจากเห็นด้วยกับการสร้างมอเตอร์เวย์เส้นดังกล่าว ซึ่งถือเป็นเรื่องไม่ถูกต้องเพราะไม่ได้เป็นการรับฟังความรู้สึกของประชาชนอย่างแท้จริง
“ถือว่าเป็นโครงการลิงหลอกเจ้า หรือโครงการนักการเมืองหลอกประชาชน โดยโครงการนี้เป็นความพยายายามของนักการเมือง ที่เป็นเจ้าของโครงการรถเมล์เอ็นจีวี 4,000 พันคัน โดยโครงการยังไม่เริ่มต้นก็มีการจ้องที่อนุมัติงบประมาณ 100 ล้านบาท ไปศึกษาการเวนคืนที่ดิน ถามว่าถ้าโครงการนี้ไม่สำเร็จใครจะรับผิดชอบ” นายประเทืองกล่าว
นายประเทืองกล่าวว่า ภาคประชาชนต้องติดตามตรวจสอบให้เข้มข้น เพราะไม่เช่นนั้นหากโครงการบางปะอิน-โคราช สำเร็จก็จะมีโครงการอื่นๆ ที่เขาวางไว้อีก 4 เส้นทางตามมาแน่นอน ถึงตอนนั้นเชื่อว่างบประมาณจะพุ่งถึงแสนล้านบาท ทั้งนี้ส่วนตัวเห็นว่าโครงการดังกล่าว เป็นโครงการที่อันตรายการที่รัฐอ้างว่า ทำมอเตอร์เวย์เพื่อแก้ปัญหาการจราจรติดขัดในช่วงเทศกาลปีใหม่ และสงกรานต์เป็นเรื่องที่ฟังไม่ขึ้น เพราะความจริงแล้วรัฐบาลสามารถปรับปรุงเส้นทางทั่วประเทศเพื่อแก้ไขปัญหาดังกังกล่าวได้
นพ.ศุภผล เอี่ยมเมธาวี กลุ่มมวลชนรักโคราช กล่าวว่า คนโคราชส่วนใหญ่คัดค้านโครงการนี้ เพราะเห็นว่าเป็นโครงการที่ไม่เป็นประโยชน์เพราะขณะนี้ประเทศไทยมีถนนทั่วประเทศกว่า 2 แสนกิโลเมตรแล้ว ดังนั้น จึงไม่เข้าใจว่าที่กระทรวงคมนาคมมีโครงการสร้างเส้นทางหลวงพิเศษอีก 4 โครงการ รวมงบประมาณ 1.5 แสนล้านบาทสร้างเพื่ออะไร เพราะการสร้างถนนดังกล่าวไม่ได้ประโยชน์ทางเศรษฐกิจแต่อย่างใด ดังนั้น อยากให้นำงบประมาณตรงนี้มาสร้างรถไฟรางคู่และพัฒนาระบบรถไฟให้เป็นรถไฟความเร็วสูงจะดีกว่า ถ้าทำได้เชื่อว่าจะสามารถลดต้นทุนการขนส่งโดยภาพรวมจาก 19% เป็น 11% ได้
“เส้นทางนี้ไม่ใช่ทางเศรษฐกิจ เป็นแค่เส้นทางที่คนไฮโซเท่านั้น เพราะรถไม่กี่คันเท่านั้นที่วิ่งได้ และยังมีข้อสงสัยว่าแต่เดิมมีการตั้งงบประมาณไว้ 2 หมื่นล้าน ทำไมจึงเพิ่มเป็น 5.9 หมื่นล้านบาท ทั้งที่ประเทศเศรษฐกิจไม่ดีต้องไปกู้เขามาด้วยซ้ำ จึงอยากถามว่าแม้ที่จริงแล้วโครงการใครเข้มแข็งกันแน่ เพราะมีการประเมินกันเบื้องต้นว่าการกู้เงินมาทำโครงการต่างๆจะมีงบเข้ากระเป๋านักการเมืองถึง 3.5 แสนล้านบาท
นายทวิสันต์ โลณานุรักษ์ เลขาธิการหอการค้า ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กล่าวว่า ขอคัดค้านโครงการดังกล่าวเพราะเป็นโครงการยัดเยียดต่อประชาชนซึ่งเชื่อว่าหากดำเนินการต่อไปเชื่อว่าจะเกิดความขัดแย้งเหมือนโครงการมาบตาพุด โดยเหตุผลที่คัดค้านมี ดังนี้ 1.เป็นการเพิ่มค่าใช้จ่ายให้คนอีสานเที่ยวละ 200 บาท และจะเป็นต้นทุนที่ผู้ประกอบการจะใช้อ้างอิงราคาทั้งค่าโดยสารและค่าขนส่งสินค้า ถือเป็นการเพิ่มภาระต่อผู้บริโภค 2.งบประมาณ 5.9 หมื่นล้านบาท เป็นเงินกู้ จะทำให้เกิดหนี้สาธารณะที่คนไทยมทุกคนต้องรับผิดชอบร่วมกัน โดยหากประเทศมีหนี้สูงกว่า 60% ของจีดีพี จะเป็นอันตรายต่อความมั่นคงด้านการเงินของประเทศในอนาคต
3.ประเทศไทยยังไม่สามารถแก้ปัญหาคอร์รัปชันได้ หากมีการทำโครงการขนาดใหญ่ถึง 5.9 หมื่นล้านบาท ใครจะรับประกันว่าจะไม่มีการคอรืรัปชัน 4.การลงทุนด้านงบประมาณที่มาจากการกู้เงินมาลงทุน ไม่มีความแน่นอนและชัดเจนว่าใครจะมาลงทุน หากมีการดำเนินการอย่างเร่งรีบภาระหนักจะตกอยู่ที่รัฐบาลที่ต้องรับโครงการดังกล่าวมาทำเองได้ 5.การบำรุงรักษามอเตอร์เวย์สูงมาก ต้องใช้อุปกรณ์ กำลังคน ตลอดเส้นทางจึงเป็นค่าใช้จ่ายประจำที่เป็นภาระต่อผู้บริโภค 6.ประชาชนตลอดเส้นทางที่ก่อสร้างมอเตอร์เวย์ยังไม่เข้าใจผลดีผลเสียของโครงการดังกล่าว ซึ่งโครงการดังกล่าวอาจเข้าข่ายขัดมาตรา 67 วรรค 2 ตามรัฐธรรมนูญ 2550 7.เป็นโครงการที่ผลกระทบต่อเขตมรดกโลก เป็นเรื่องละเอียดอ่อนมากต่อชุมชนที่มีจุดขายด้านการท่องเที่ยวแบบ อ.ปากช่อง 8.โครงการนี้มีการทำลายแหล่งหินตัด (ที่ใช้สร้างปราสาทหินพิมาย) ช่วงผ่าน อ.สีคิ้ว
9.ทำลายวิถีชีวิตดั้งเดิมของคนสองฝั่งทางตลอดแนว ตั้งแต่ อ.แก่งคอย, ปากช่อง, สีคิ้ว, สูงเนิน ฯลฯ จะถูกแบ่งแยกออกเป็น 2 ส่วน ตัดขาดจากกันโดยสิ้นเชิงเพราะมอเตอร์เวย์จะมีรั้วกันทั้ง 2 ฝั่งถนนข้ามไปมาไม่ได้ 10.โรงเรียนบ้านนา ที่บริเวณถนนธนะรัตน์อาจจะมีผลกระทบด้านเสียง อาจจะไม่มีสมาธิในการเรียน จนอาจมีการย้ายโรงเรียน เหมือนกับกรณีมาบตาพุด 11.ขณะนี้ถนนมิตรภาพยังใช้ไม่เต็ม 100% เพราะเลนซ้ายเกือบตลอดแนวชำรุดมาก เกิดอุบัติเหตุหลายครั้ง ถ้ามีการปรับปรุงถนนมิตรภาพทั้งหมดจะช่วยแก้ปัญหาการจราจรติดขัดในช่วงเทศกาลได้
วันนี้ (18 ธ.ค.) ที่รัฐสภา ผู้สื่อข่าวรายงานว่า คณะกรรมาธิการศึกษา ตรวจสอบเรื่องการทุจริต และเสริมสร้างธรรมาภิบาล วุฒิสภา โดยมี น.ส.รสนา โตสิตระกูล เป็นประธานร่วมกับ คณะอนุกรรมาธิการส่งเสริมภาคประชาชนป้องกันการทุจริตประพฤติมิชอบในทรัพย์สินของรัฐ มีนายไพบูลย์ นิติตะวัน เป็นประธาน ได้จัดสัมมนาเรื่อง “โครงการมอเตอร์เวย์ บางประอิน-โคราช ใครได้ใครเสีย”
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า ในที่ประชุมได้เปิดโอกาสให้ผู้เข้าร่วมแสดงความคิดอย่างกว้างขวาง โดยนายประเทือง ปรัชญพฤชธิ์ ประธานเครือข่ายรณรงค์สื่อต้านคอร์รัปชัน กล่าวตอนหนึ่งในการเสวนาว่า โครงการดังกล่าวเป็นโครงการที่ไม่โปร่งใส ทั้งนี้หากรัฐบาลต้องการเดินหน้าโครงการนี้ ภาคประชาชนจะรวมตัวกันเพื่อฟ้องศาลปกครองเพื่อให้ยับยั้งโครงการนี้ เพราะมีความไม่ชอบธรรมตั้งแต่การประชาพิจารณ์ในปี 2549 ซึ่งเป็นการประชาพิจารณ์ที่ไม่ให้คนในพื้นที่มีส่วนร่วม แต่กรมทางหลวงได้เกณฑ์ประชาชนจากพื้นที่อื่นมาทำแทน และมีการตั้งคำถามนำที่ทำให้ประชาชน ไม่มีทางเลือกนอกจากเห็นด้วยกับการสร้างมอเตอร์เวย์เส้นดังกล่าว ซึ่งถือเป็นเรื่องไม่ถูกต้องเพราะไม่ได้เป็นการรับฟังความรู้สึกของประชาชนอย่างแท้จริง
“ถือว่าเป็นโครงการลิงหลอกเจ้า หรือโครงการนักการเมืองหลอกประชาชน โดยโครงการนี้เป็นความพยายายามของนักการเมือง ที่เป็นเจ้าของโครงการรถเมล์เอ็นจีวี 4,000 พันคัน โดยโครงการยังไม่เริ่มต้นก็มีการจ้องที่อนุมัติงบประมาณ 100 ล้านบาท ไปศึกษาการเวนคืนที่ดิน ถามว่าถ้าโครงการนี้ไม่สำเร็จใครจะรับผิดชอบ” นายประเทืองกล่าว
นายประเทืองกล่าวว่า ภาคประชาชนต้องติดตามตรวจสอบให้เข้มข้น เพราะไม่เช่นนั้นหากโครงการบางปะอิน-โคราช สำเร็จก็จะมีโครงการอื่นๆ ที่เขาวางไว้อีก 4 เส้นทางตามมาแน่นอน ถึงตอนนั้นเชื่อว่างบประมาณจะพุ่งถึงแสนล้านบาท ทั้งนี้ส่วนตัวเห็นว่าโครงการดังกล่าว เป็นโครงการที่อันตรายการที่รัฐอ้างว่า ทำมอเตอร์เวย์เพื่อแก้ปัญหาการจราจรติดขัดในช่วงเทศกาลปีใหม่ และสงกรานต์เป็นเรื่องที่ฟังไม่ขึ้น เพราะความจริงแล้วรัฐบาลสามารถปรับปรุงเส้นทางทั่วประเทศเพื่อแก้ไขปัญหาดังกังกล่าวได้
นพ.ศุภผล เอี่ยมเมธาวี กลุ่มมวลชนรักโคราช กล่าวว่า คนโคราชส่วนใหญ่คัดค้านโครงการนี้ เพราะเห็นว่าเป็นโครงการที่ไม่เป็นประโยชน์เพราะขณะนี้ประเทศไทยมีถนนทั่วประเทศกว่า 2 แสนกิโลเมตรแล้ว ดังนั้น จึงไม่เข้าใจว่าที่กระทรวงคมนาคมมีโครงการสร้างเส้นทางหลวงพิเศษอีก 4 โครงการ รวมงบประมาณ 1.5 แสนล้านบาทสร้างเพื่ออะไร เพราะการสร้างถนนดังกล่าวไม่ได้ประโยชน์ทางเศรษฐกิจแต่อย่างใด ดังนั้น อยากให้นำงบประมาณตรงนี้มาสร้างรถไฟรางคู่และพัฒนาระบบรถไฟให้เป็นรถไฟความเร็วสูงจะดีกว่า ถ้าทำได้เชื่อว่าจะสามารถลดต้นทุนการขนส่งโดยภาพรวมจาก 19% เป็น 11% ได้
“เส้นทางนี้ไม่ใช่ทางเศรษฐกิจ เป็นแค่เส้นทางที่คนไฮโซเท่านั้น เพราะรถไม่กี่คันเท่านั้นที่วิ่งได้ และยังมีข้อสงสัยว่าแต่เดิมมีการตั้งงบประมาณไว้ 2 หมื่นล้าน ทำไมจึงเพิ่มเป็น 5.9 หมื่นล้านบาท ทั้งที่ประเทศเศรษฐกิจไม่ดีต้องไปกู้เขามาด้วยซ้ำ จึงอยากถามว่าแม้ที่จริงแล้วโครงการใครเข้มแข็งกันแน่ เพราะมีการประเมินกันเบื้องต้นว่าการกู้เงินมาทำโครงการต่างๆจะมีงบเข้ากระเป๋านักการเมืองถึง 3.5 แสนล้านบาท
นายทวิสันต์ โลณานุรักษ์ เลขาธิการหอการค้า ภาคตะวันออกเฉียงเหนือ กล่าวว่า ขอคัดค้านโครงการดังกล่าวเพราะเป็นโครงการยัดเยียดต่อประชาชนซึ่งเชื่อว่าหากดำเนินการต่อไปเชื่อว่าจะเกิดความขัดแย้งเหมือนโครงการมาบตาพุด โดยเหตุผลที่คัดค้านมี ดังนี้ 1.เป็นการเพิ่มค่าใช้จ่ายให้คนอีสานเที่ยวละ 200 บาท และจะเป็นต้นทุนที่ผู้ประกอบการจะใช้อ้างอิงราคาทั้งค่าโดยสารและค่าขนส่งสินค้า ถือเป็นการเพิ่มภาระต่อผู้บริโภค 2.งบประมาณ 5.9 หมื่นล้านบาท เป็นเงินกู้ จะทำให้เกิดหนี้สาธารณะที่คนไทยมทุกคนต้องรับผิดชอบร่วมกัน โดยหากประเทศมีหนี้สูงกว่า 60% ของจีดีพี จะเป็นอันตรายต่อความมั่นคงด้านการเงินของประเทศในอนาคต
3.ประเทศไทยยังไม่สามารถแก้ปัญหาคอร์รัปชันได้ หากมีการทำโครงการขนาดใหญ่ถึง 5.9 หมื่นล้านบาท ใครจะรับประกันว่าจะไม่มีการคอรืรัปชัน 4.การลงทุนด้านงบประมาณที่มาจากการกู้เงินมาลงทุน ไม่มีความแน่นอนและชัดเจนว่าใครจะมาลงทุน หากมีการดำเนินการอย่างเร่งรีบภาระหนักจะตกอยู่ที่รัฐบาลที่ต้องรับโครงการดังกล่าวมาทำเองได้ 5.การบำรุงรักษามอเตอร์เวย์สูงมาก ต้องใช้อุปกรณ์ กำลังคน ตลอดเส้นทางจึงเป็นค่าใช้จ่ายประจำที่เป็นภาระต่อผู้บริโภค 6.ประชาชนตลอดเส้นทางที่ก่อสร้างมอเตอร์เวย์ยังไม่เข้าใจผลดีผลเสียของโครงการดังกล่าว ซึ่งโครงการดังกล่าวอาจเข้าข่ายขัดมาตรา 67 วรรค 2 ตามรัฐธรรมนูญ 2550 7.เป็นโครงการที่ผลกระทบต่อเขตมรดกโลก เป็นเรื่องละเอียดอ่อนมากต่อชุมชนที่มีจุดขายด้านการท่องเที่ยวแบบ อ.ปากช่อง 8.โครงการนี้มีการทำลายแหล่งหินตัด (ที่ใช้สร้างปราสาทหินพิมาย) ช่วงผ่าน อ.สีคิ้ว
9.ทำลายวิถีชีวิตดั้งเดิมของคนสองฝั่งทางตลอดแนว ตั้งแต่ อ.แก่งคอย, ปากช่อง, สีคิ้ว, สูงเนิน ฯลฯ จะถูกแบ่งแยกออกเป็น 2 ส่วน ตัดขาดจากกันโดยสิ้นเชิงเพราะมอเตอร์เวย์จะมีรั้วกันทั้ง 2 ฝั่งถนนข้ามไปมาไม่ได้ 10.โรงเรียนบ้านนา ที่บริเวณถนนธนะรัตน์อาจจะมีผลกระทบด้านเสียง อาจจะไม่มีสมาธิในการเรียน จนอาจมีการย้ายโรงเรียน เหมือนกับกรณีมาบตาพุด 11.ขณะนี้ถนนมิตรภาพยังใช้ไม่เต็ม 100% เพราะเลนซ้ายเกือบตลอดแนวชำรุดมาก เกิดอุบัติเหตุหลายครั้ง ถ้ามีการปรับปรุงถนนมิตรภาพทั้งหมดจะช่วยแก้ปัญหาการจราจรติดขัดในช่วงเทศกาลได้