ศูนย์ข่าวนครราชสีมา- หอการค้าโคราช ระดมความเห็นภาคธุรกิจผ่าทางตันวิกฤตการเมือง เผยผู้ประกอบการภูธรได้รับผลกระทบหนักทั้งลงทุน-ท่องเที่ยวซบเซาโดยเฉพาะธุรกิจผ้าไหม อ.ปักธงชัย ยอดขาย-ส่งออกลดฮวบกว่า 50% ด้านประธานหอฯโคราช เผยยื่นหนังสือเปิดผนึกถึงนายกฯ “หมัก” จี้ยกเลิกประกาศ พ.ร.ก.ฉุกเฉินด่วน ชี้ไม่ช่วยสถานการณ์ดีขึ้นแต่เกิดผลเสียมากกว่า หนุนการแก้ไขปัญหาตามแนวทางนิติรัฐ-สันติวิธี เรียกร้องรัฐบาลยุติท่าทีสร้างความแตกแยก พร้อมเห็นด้วยให้ “หมัก” ลาออกหรือยุบสภาฯหากประเทศถึงทางตัน
วันนี้ (9 ก.ย.) ที่ห้องประชุมชั้น 4 สำนักงานหอการค้าจังหวัดนครราชสีมา ถ.สุรนารายณ์ อ.เมือง จ.นครราชสีมา นายคำรณ ครบนพรัตน์ ประธานหอการค้าจังหวัดนครราชสีมา เป็นประธานการประชุมรับมือทางเศรษฐกิจ เรื่อง “ผ่าทางตันการเมืองวิกฤติ ภาคธุรกิจคิดอย่างไร” ร่วมกับ นายอรชัย บุณณนิธิ อดีตประธานหอการค้าจังหวัดนครราชสีมา, นายทวิสันต์ โลณานุรักษ์ อดีตประธานหอการค้าจังหวัดนครราชสีมาและเลขาธิการหอการค้าภาคตะวันออกเฉียงเหนือ
โดยมีตัวแทนจากองค์การภาคธุรกิจ เอกชนในจังหวัดนครราชสีมา เช่น ชมรมบ้านจัดสรร, ชมรมธุรกิจท่องเที่ยว, ชมรมผู้ค้าทอง , ชมรมธนาคารพาณิชย์จังหวัดนครราชสีมา, ชมรมผู้ประกอบการผ้าไหม อ.ปักธงชัย และองค์กรภาคประชาชนให้ความสนใจเข้าร่วมประชุมจำนวนมาก
นายคำรณ ครบนพรัตน์ ประธานหอการค้าจังหวัดนครราชสีมา เปิดเผยว่า การจัดการประชุมหารือครั้งนี้ เพื่อต้องการให้ภาคธุรกิจต่างๆ ได้ทราบข้อมูลผลกระทบทางด้านเศรษฐกิจ การค้า การลงทุนและท่องเที่ยว ในช่วงระยะเวลา 3 เดือนที่ผ่านมาและแนวโน้มในอนาคต รวมถึงเป็นการร่วมกันเสนอแนวทางแก้ไขปัญหาวิกฤตทางการเมืองไทยในปัจจุบัน และประเมินมาตรการต่างๆ ที่รัฐบาลประกาศใช้ว่ามีผลในทางปฏิบัติอย่างไร
สำหรับสาระสำคัญที่มีการหารือกัน คือ เรื่องเศรษฐกิจที่ได้รับผลกระทบจากสถานการณ์ทางการเมืองปัจจุบัน ซึ่งมีผู้แสดงความคิดเห็นหลากหลายเข้ามายังหอการค้าจังหวัดนครราชสีมา ส่วนใหญ่ล้วนได้รับผลกระทบ กิจการประสบกับสภาวะเศรษฐกิจที่ซบเซา ประชาชนไม่กล้าที่ใช้จ่าย โดยเฉพาะธุรกิจผ้าไหม อ.ปักธงชัย ซึ่งทำรายได้เข้าจังหวัดนครราชสีมาปีละหลายร้อยล้านบาท ขณะนี้ยอดขายและยอดการส่งออกลดลงไปมากถึงร้อยละ 50 เช่นเดียวกับธุรกิจท่องเที่ยวที่ได้รับผลกระทบอย่างเห็นได้ชัดเจน หากรัฐบาลยังปล่อยให้เป็นเช่นนี้อนาคตต่อไปเศรษฐกิจจะแย่มาก
“การประกาศใช้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินของรัฐบาล ยิ่งเป็นการซ้ำเติมเศรษฐกิจของประเทศเข้าไปอีก โดยเฉพาะเรื่องการลงทุนและการท่องเที่ยว ตอนนี้การจับจ่ายใช้สอยของประชาชนในจ.นครราชสีมามีความระมัดระวังมากขึ้น ส่งผลถึงธุรกิจค้าปลีกทั้งรายใหญ่ รายย่อย และกำลังลุกลามไปยังผู้ประกอบการภาคอุตสาหกรรม โรงงานหลายแหล่งได้ลดกำลังการผลิตลงและใช้จ่ายอย่างระมัดระวังมากขึ้น โดยเฉพาะการจ้างแรงงานที่ลดลงตามไปด้วย” นายคำรณ กล่าว
นายคำรณ กล่าวอีกว่า จากสภาพปัญหาดังกล่าว ทางหอการค้าจังหวัดนครราชสีมาได้ทำหนังสือเปิดผนึกถึง นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีเพื่อแสดงจุดยืนของภาคธุรกิจในส่วนภูมิภาค โดยมีสาระสำคัญ คือ
1.ให้รัฐบาลทบทวนหรือยกเลิกการประกาศใช้ พ.ร.ก.การบริการราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินในเขตกรุงเทพฯ โดยด่วน เพราะไม่ทำให้สถานการณ์โดยรวมดีขึ้น แต่กลับส่งผลในทางลบมากกว่า
2.ให้ใช้แนวทางสันติวิธีหรือการเจรจาโดยผ่านองค์กรอิสระ หรือคณะบุคคลที่สังคมยอมรับมาคลี่คลายสถานการณ์
3.หอการค้าจังหวัดนครราชสีมา ขอสนับสนุนการแก้ไขปัญหาภายใต้แนวทางนิติรัฐตามระบอบประชาธิปไตยอันมีพระมหากษัตริย์เป็นประมุข
4.กำหนดมาตรการพยุงสถานการณ์ทางเศรษฐกิจในสถานการณ์ปัจจุบัน ซึ่งจะต่อเนื่องไปอีกหลายเดือนโดยเน้นให้ผู้ประกอบการในท้องถิ่นมีส่วนร่วมที่จะทำให้เกิดการค้าขายในชุมชน
และ 5.ให้ยุติท่าทีหรือมาตรการของรัฐบาลที่ส่งผลต่อการแตกแยกทางความคิดของประชาชนภายในชาติ
“หอการค้าจังหวัดนครราชสีมา เห็นด้วยกับข้อเสนอของหอการค้าไทย ที่เรียกร้องให้นายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรีประกาศลาออกหรือ ยุบสภาฯ เพื่อแก้วิกฤติการณ์หากบ้านเมืองถึงทางตัน” นายคำรณ กล่าว