“วิปฝ่ายค้าน” เชื่อหลังสร็จงานงานพระราชพิธี 16 พย.นี้ การเมืองถึงขั้นปรอทแตก หลัง “แม้ว” เดินเกมสู้เต็มตัว จี้รัฐบาลถอนพาสปอร์ตแดง แนะ ออส.ทำหนังสือแจงคดีแม้วต่อนานาชาติ แฉขบวนการหมิ่นเบื้องสูงแข็งข้อใบปลิวโจมตีเกลื่อนเมือง เซ็ง ตร.-ทหารทำทองไม่รู้ร้อน
วันนี้ (11 พ.ย.) ที่รัฐสภา นายสาทิตย์ วงศ์หนองเตย ประธานคณะกรรมการประสานงานพรรคร่วมฝ่ายค้าน แถลงภายหลังการประชุมว่า วิปฝ่ายค้านมีความเป็นห่วงและวิตกเกี่ยวกับการเคลื่อนไหวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรี หลังถูกเพิกถอนวีซ่าประเทศอังกฤษว่าอาจทำให้สถานการณ์ของประเทศไทยตึงเพิ่มมากขึ้น โดยมีข้อกังวลใน 2 ระดับ 1.ที่ พ.ต.ท.ทักษิณ จะเปิดเผยศัตรูของตนเองโดยการโฟนอินผ่านรายการความจริงวันนี้ และกิจกรรมของเครือข่าย นปช. และกิจกรรของนักการเมือง บ้านเลขที่ 111 โดยห่วงว่าจะยิ่งทำให้วิกฤตความรุนแรงมากยิ่งขึ้น ขณะที่กลไกของรัฐบาลนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ ก็ไม่มีท่าทีใดๆ ที่จะออกมาปกป้องประเทศ โดยเฉพาะกระบวนการยุติธรรม
นอกจากนี้จะเห็นว่า กลไลที่สนับสนุน พ.ต.ท.ทักษิณ มีเครือข่ายกว้างขวางมากขึ้นและลามที่จะมีการจัดกิจกรรมทางการเมืองเข้าไปเข้าไปยังวัด ทั้งนี้ เชื่อว่าการเคลื่อนไหวทางการเมืองของ พ.ต.ท.ทักษิณจะมีความชัดเจนมากขึ้นภายหลังเสร็จสิ้นพระราชพิธี ในวันที่ 16 พ.ย.นี้ และไปสอดคล้องกับข่าวการขนอาวุธสงครามเข้ามาใน กทม.ด้วย นอกจากนี้ เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ยังไม่มีการดำเนินการใดๆ โดยเฉพาะการจับกุมผู้ขว้างระเบิดใส่กลุ่มผู้ชุมนุมพันธมิตรฯ
ประธานวิปฝ่ายค้าน กล่าวต่อว่า 2.การเคลื่อนไหวระหว่างประเทศของ พ.ต.ท.ทักษิณ โดยผ่านบริษัทล็อบบี้ยิสต์ และบริษัทประชาสัมพันธ์นั้น ตรงนี้มีจุดมุ่งหมายอยู่ที่กระบวนการยุติธรรมและรายชื่อศัตรูของ พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งตรงนี้ประเด็นคือหากรายชื่อที่ พ.ต.ท.ทักษิณพูดออกมาแล้วไม่ทราบว่าจะเป็นข้อเท็จจริงหรือไม่ แต่ผลกระทบที่ตามมาคือทำให้ประเทศไทยขาดความเชื่อมั่นทางการค้าระหว่างประเทศ และเราเชื่อว่ารัฐบาลชุดนี้จงใจที่จะให้เราเสียเปรียบการเคลื่อนไหวของ พ.ต.ท.ทักษิณ อยู่แล้ว ซึ่งเรื่องนี้จะส่งผลต่อการลงทุนระหว่างประเทศและสถาบันอันเป็นที่เคารพสูงสุด
วิปฝ่ายค้านฯ ได้เสนอแนวทางยุติปัญหาความขัดแย้ง 3 ข้อ คือ 1.รัฐบาลจะต้องถอนพาสปอร์ตแดงของ พ.ต.ท.ทักษิณ เพื่อปกป้องเกียรติภูมิของประเทศ 2.อัยการสูงสุด ควรติดตามคดีที่เกี่ยวกับรัฐและทำหนังสือชี้แจงไปยังรัฐบาลทั้ง 190 ประเทศ ให้รับทราบข้อเท็จจริงเกี่ยวกับคดีของ พ.ต.ท.ทักษิณ และการถอนวีซ่าเข้าประเทศอังกฤษ 3.นายกรัฐมนตรีและรมว.ต่างประเทศต้องเลือกข้างระหว่างประเทศหรือพี่เมียนายกฯ อย่างไรก็ตาม หากมีปัญหาใดๆ เกิดขึ้นอีก นายสมชายในฐานะนายกรัฐมนตรี และหัวหน้าพรรคพลังประชาชน จะต้องใช้อำนาจเท่าที่มียับยั้งไม่ให้เกิดความเสียหายไปมากกว่านี้
วิปฝ่ายค้านยังได้ตั้งข้อสังเกตอีกว่า ขณะนี้ได้รับรายงานจาก ส.ส.ในพื้นที่ว่ามีขบวนการเคลื่อนไหวจงใจให้ร้ายสถาบันสูงสุดในหลายพื้นที่ทั่วประเทศ โดยเฉพาะที่ จ.สมุทรปราการ ที่มีการแจกใบปลิวไปแปะไว้หน้ากระจกรถ ตามสถานที่ท่องเที่ยวต่างๆ โดยเนื้อหาดังกล่าวชาวบ้านที่ไปพบ เมื่ออ่านก็ยังตกใจ แต่ปรากฏว่าเจ้าหน้าที่ในจังหวัดกับไม่มีการดำเนินการใดๆ นอกจากนี้ที่ จ.เชียงราย ยังพบการพิมพ์เอกสารเป็นรูปเล่มโจมตีสถาบัน เนื้อหามีความพยายามเชื่อมโยงกลุ่มผู้ชุมนุมกลุ่มหนึ่ง พรรคการเมืองพรรคหนึ่งกับสถาบันสูงสุด ซึ่งพฤติกรรมดังกล่าวเชื่อว่าเป็นฝีมือของพรรคการเมืองหนึ่งอยู่เบื้องหลัง ทั้งนี้ ภายใน 2-3 วันนี้ วิปฝ่ายค้านจะเปิดเผยเอกสารดังกล่าว โดยขอเวลาในการตรวจสอบข้อเท็จจริงก่อน
นายสาทิตย์ กล่าวถึงกรณีการเคลื่อนไหวของ พ.ต.ท.ทักษิณ ผ่านสภานิติบัญญัติ ด้วยใช้เสียงข้างมากในสภาดองกฎหมายประกอบรัฐธรรมนูญที่เกี่ยวข้องกับองค์กรอิสระต่างๆ ได้แก่ ป.ป.ช. ผู้ตรวจการแผ่นดิน ศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง ทั้งๆ ที่ผ่านชุดนี้เปิดทำงานมาแล้ว 10 เดือน แต่กลับไม่มีการออกกฎหมายดังกล่าว ซึ่งเป็นการเตะถ่วงเวลาของประธานสภาผู้แทนราษฎร กับรัฐบาล เพื่อช่วยคดี พ.ต.ท.ทักษิณ ซึ่งล่าสุดก็ยังส่งเรื่องให้ศาลรัฐธรรมนูญวินิจฉัยถ่วงเวลาอีก ทั้งนี้ วิปฝ่ายค้านเชื่อว่าหลังเสร็จงานพระราชพิธี วันที่ 16 พ.ย.นี้ รัฐบาลจะผลักดันแก้ไขรัฐธรรมนูญแน่นอน
ผู้สื่อข่าวถามถึงกรณีที่วิปรัฐบาลเตรียมเปิดสภาสมัยวิสามัญในเดือน ธ.ค.นี้ เพื่อพิจารณาให้ความเห็นชอบเพิ่มวงเงินงบประมาณกลางปีงบฯ 52 อีก 1 แสนล้านเกรงว่าจะมีการ “สอดไส้” แก้รัฐธรรมนูญหรือไม่ นายสาทิตย์ กล่าวว่า ฝ่ายค้านเห็นด้วยที่จะมีการพิจารณางบประมาณ 1แสนล้านเพื่อกระตุ้นเศรษฐกิจ ส่วนการแก้ไขรัฐธรรมนูญต้องรอดูพฤติกรรมที่เหลือ 2 สัปดาห์ของรัฐบาลก่อนปิดสมัยประชุม เพราะมี รมต.ประจำสำนักนายกฯ ออกมาระบุว่า หากไม่สามารถยื้อ ม.291 ได้ก็ยังมีร่างแก้ไขของ คปพร.ค้างอยู่ในวาระการพิจารณาของรัฐสภา ซึ่งเชื่อว่าถ้าพูดแบบนี้ก็เชื่อว่าน่าจะมีการสอดไส้ ซึ่งเราไม่เห็นด้วยแน่นอน