ศูนย์ข่าวภูเก็ต - ผู้ตรวจการแผ่นดินสร้างความรู้ความเข้าใจบทบาทหน้าที่ให้กับประชาชนในฝั่งอันดามัน เผย วิธีการแก้ปัญหายึดหลักหาข้อยุติโดยสันติ มียอดการร้องเรียนเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว
วันนี้ (4 มิ.ย.) พลเอกธีรเดช มีเพียร ประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน เป็นประธานเปิดการสัมมนา เรื่อง ผู้ตรวจการแผ่นดินพบประชาชนในส่วนภูมิภาค ซึ่งทางสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งและสำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ จัดขึ้นที่โรงแรมภูเก็ตเมอร์ลิน อ.เมือง จ.ภูเก็ต
โดยมีผู้เข้าร่วมการสัมมนา ประกอบด้วย ผู้แทนส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ผู้แทนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้แทนองค์กรภาคเอกชน อาจารย์ นักวิชาการ สื่อมวลชนและประชาชนในจังหวัดภูเก็ตและจังหวัดใกล้เคียงจำนวนประมาณ 500 คน
การจัดสัมมนาในครั้งนี้ เพื่อเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจ เกี่ยวกับอำนาจหน้าที่ของผู้ตรวจการแผ่นดินให้กับประชาชนและเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งเป็นการประชาสัมพันธ์ผลการดำเนินงานของผู้ตรวจการแผ่นดินในช่วง 8 ปีที่ผ่านมา นอกจากนี้ ยังเป็นการสร้างความรู้ความเข้าใจในอำนาจหน้าที่ขององค์กรอิสระที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนรับทราบความคิดเห็นจากราชการ พนักงานของรัฐ นักวิชาการ ผู้ท้องถิ่น องค์กรเอกชน สื่อมวลชน และประชาชนผู้สนใจทั่วไป เพื่อนำข้อคิดเห็นที่ได้ไปเป็นแนวทางการปรับปรุงแก้ไขการปฎิบัติงานของสำนักงานให้มีประสิทธิภาพ และเกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประเทศชาติและประชาชนต่อไป
พลเอกธีรเดช กล่าวว่า ผู้ตรวจการแผ่นดินเป็นองค์กรอิสระที่ตั้งขึ้นเพื่อทำหน้าที่เป็นกลไกในการตรวจสอบการใช้อำนาจของรัฐ เพื่อคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของประชาชนและแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน ตลอดจนให้การบริหารราชการแผ่นดินตามหลักธรรมาภิบาล
โดยมีภารกิจพิจารณาและสอบสวนหาข้อเท็จจริงตามคำร้องเรียนของประชาชนในกรณีที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมจากการปฏิบัติหน้าที่ หรือละเลยไม่ปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายของข้าราชการ พนักงานและลูกจ้างของรัฐ ตรวจสอบการละเลยการปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบด้วยกฎหมายขององค์กรตามรัฐธรรมนูญและองค์กรในกระบวนการยุติธรรม การฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองและเจ้าหน้าที่ของรัฐ รวมถึงการติดตามประเมินผลและจัดทำข้อเสนอแนะในการปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญ
พลเอกธีรเดช กล่าวด้วยว่า วิธีการแก้ไขปัญหาของผู้ตรวจการแผ่นดิน ยึดหลักการหาข้อยุติโดยสันติวิธี คือ ต้องพยายามเข้าใจปัญหาของผู้ร้องเรียน ขณะเดียวกันก็ต้องเข้าใจการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่หรือหน่วยงานของรัฐแล้วจึงหาข้อยุติ เพื่อขจัดความขัดแย้งให้ความเป็นธรรมอย่างเสมอภาคกัน ด้วยการไกล่เกลี่ย ประนีประนอม จนเป็นที่พอใจกันทั้งสองฝ่าย คือ ไม่มีใครแพ้ ใครชนะ
โดยผู้ตรวจการแผ่นดิน จะไม่มุ่งหาว่าใครทำถูกใครทำผิด แต่จะคิดถึงเรื่องความเดือดร้อนเสียหายของประชาชนเป็นหลัก ดังนั้นจึงอยากให้มีการมาใช้บริการผู้ตรวจการแผ่นดินก่อน หากไม่พอใจจึงค่อยไปฟ้องคดีต่อศาล เพราะหากไปฟ้องศาลก่อน แล้วไม่ถูกใจในคำพิพากษา จะมาร้องเรียนผู้ตรวจการแผ่นดินอีกไม่ได้
ทั้งนี้ ปัจจุบันประชาชนได้เริ่มรับรู้การมีผู้ตรวจการแผ่นดินมากขึ้น โดยเห็นได้จากจำนวนเรื่องร้องเรียนที่ได้รับไว้พิจารณาเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จากเริ่มแรกเมื่อปี 2543 เฉลี่ยเดือนละ 10-20 เรื่อง แต่ปัจจุบันเพิ่มขึ้นเฉลี่ยเดือนละ 200 เรื่อง รวมระยะเวลา 8 ปี มีเรื่องร้องเรียนที่ได้รับไว้แล้วทั้งสิ้นกว่า 18,000 เรื่อง และทำเสร็จไปกว่าร้อยละ 85
วันนี้ (4 มิ.ย.) พลเอกธีรเดช มีเพียร ประธานผู้ตรวจการแผ่นดิน เป็นประธานเปิดการสัมมนา เรื่อง ผู้ตรวจการแผ่นดินพบประชาชนในส่วนภูมิภาค ซึ่งทางสำนักงานผู้ตรวจการแผ่นดิน ร่วมกับสำนักงานคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ สำนักงานคณะกรรมการการเลือกตั้งและสำนักงานคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ จัดขึ้นที่โรงแรมภูเก็ตเมอร์ลิน อ.เมือง จ.ภูเก็ต
โดยมีผู้เข้าร่วมการสัมมนา ประกอบด้วย ผู้แทนส่วนราชการและรัฐวิสาหกิจต่างๆ ที่เกี่ยวข้อง ผู้แทนองค์กรปกครองส่วนท้องถิ่น ผู้แทนองค์กรภาคเอกชน อาจารย์ นักวิชาการ สื่อมวลชนและประชาชนในจังหวัดภูเก็ตและจังหวัดใกล้เคียงจำนวนประมาณ 500 คน
การจัดสัมมนาในครั้งนี้ เพื่อเสริมสร้างความรู้ความเข้าใจ เกี่ยวกับอำนาจหน้าที่ของผู้ตรวจการแผ่นดินให้กับประชาชนและเจ้าหน้าที่ของหน่วยงานของรัฐที่เกี่ยวข้อง รวมทั้งเป็นการประชาสัมพันธ์ผลการดำเนินงานของผู้ตรวจการแผ่นดินในช่วง 8 ปีที่ผ่านมา นอกจากนี้ ยังเป็นการสร้างความรู้ความเข้าใจในอำนาจหน้าที่ขององค์กรอิสระที่เกี่ยวข้อง ตลอดจนรับทราบความคิดเห็นจากราชการ พนักงานของรัฐ นักวิชาการ ผู้ท้องถิ่น องค์กรเอกชน สื่อมวลชน และประชาชนผู้สนใจทั่วไป เพื่อนำข้อคิดเห็นที่ได้ไปเป็นแนวทางการปรับปรุงแก้ไขการปฎิบัติงานของสำนักงานให้มีประสิทธิภาพ และเกิดประโยชน์สูงสุดแก่ประเทศชาติและประชาชนต่อไป
พลเอกธีรเดช กล่าวว่า ผู้ตรวจการแผ่นดินเป็นองค์กรอิสระที่ตั้งขึ้นเพื่อทำหน้าที่เป็นกลไกในการตรวจสอบการใช้อำนาจของรัฐ เพื่อคุ้มครองสิทธิเสรีภาพของประชาชนและแก้ไขปัญหาความเดือดร้อนของประชาชน ตลอดจนให้การบริหารราชการแผ่นดินตามหลักธรรมาภิบาล
โดยมีภารกิจพิจารณาและสอบสวนหาข้อเท็จจริงตามคำร้องเรียนของประชาชนในกรณีที่ไม่ได้รับความเป็นธรรมจากการปฏิบัติหน้าที่ หรือละเลยไม่ปฏิบัติหน้าที่ตามกฎหมายของข้าราชการ พนักงานและลูกจ้างของรัฐ ตรวจสอบการละเลยการปฏิบัติหน้าที่โดยไม่ชอบด้วยกฎหมายขององค์กรตามรัฐธรรมนูญและองค์กรในกระบวนการยุติธรรม การฝ่าฝืนหรือไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมืองและเจ้าหน้าที่ของรัฐ รวมถึงการติดตามประเมินผลและจัดทำข้อเสนอแนะในการปฏิบัติตามรัฐธรรมนูญ
พลเอกธีรเดช กล่าวด้วยว่า วิธีการแก้ไขปัญหาของผู้ตรวจการแผ่นดิน ยึดหลักการหาข้อยุติโดยสันติวิธี คือ ต้องพยายามเข้าใจปัญหาของผู้ร้องเรียน ขณะเดียวกันก็ต้องเข้าใจการปฏิบัติงานของเจ้าหน้าที่หรือหน่วยงานของรัฐแล้วจึงหาข้อยุติ เพื่อขจัดความขัดแย้งให้ความเป็นธรรมอย่างเสมอภาคกัน ด้วยการไกล่เกลี่ย ประนีประนอม จนเป็นที่พอใจกันทั้งสองฝ่าย คือ ไม่มีใครแพ้ ใครชนะ
โดยผู้ตรวจการแผ่นดิน จะไม่มุ่งหาว่าใครทำถูกใครทำผิด แต่จะคิดถึงเรื่องความเดือดร้อนเสียหายของประชาชนเป็นหลัก ดังนั้นจึงอยากให้มีการมาใช้บริการผู้ตรวจการแผ่นดินก่อน หากไม่พอใจจึงค่อยไปฟ้องคดีต่อศาล เพราะหากไปฟ้องศาลก่อน แล้วไม่ถูกใจในคำพิพากษา จะมาร้องเรียนผู้ตรวจการแผ่นดินอีกไม่ได้
ทั้งนี้ ปัจจุบันประชาชนได้เริ่มรับรู้การมีผู้ตรวจการแผ่นดินมากขึ้น โดยเห็นได้จากจำนวนเรื่องร้องเรียนที่ได้รับไว้พิจารณาเพิ่มขึ้นอย่างรวดเร็ว จากเริ่มแรกเมื่อปี 2543 เฉลี่ยเดือนละ 10-20 เรื่อง แต่ปัจจุบันเพิ่มขึ้นเฉลี่ยเดือนละ 200 เรื่อง รวมระยะเวลา 8 ปี มีเรื่องร้องเรียนที่ได้รับไว้แล้วทั้งสิ้นกว่า 18,000 เรื่อง และทำเสร็จไปกว่าร้อยละ 85
