ผู้จัดการออนไลน์ – เชื้อชั่วแผ่ถึง “สภาสูง” รองวุฒิฯ รับลูก 145 ส.ส.ทาสแม้วยัดเรื่อง ถอด “รสนา” เป็นวาระเร่งด่วนเข้าที่ประชุม ยัดข้อหามีพฤติการณ์ส่อทุจริต่อหน้าที่-ไม่ปฏิบัติตามจริยธรรม กลุ่ม 40 ส.ว. รุมค้านชี้วุฒิสภาไม่ปกป้องพวกเดียวกันเอง ทีกรณี ส.ส.สถุล ขู่เตะไม่ทำอะไร สุดท้ายทานไม่ไหวลงคะแนน 42-41 เสียง รับพิจารณา
วันนี้ (7 พ.ย.) ในการประชุมวุฒิสภาสมัยสามัญนิติบัญญัติ นายนิคม ไวยรัชพานิช รองประธานสภาวุฒิสภา คนที่ 1 ทำหน้าที่ประธานการประชุม แจ้งต่อที่ประชุมว่ามีการรวบรวมรายชื่อ ส.ส.จากพรรคร่วมรัฐบาล 145 คน ยื่นเรื่องให้ประธานวุฒิสภาส่งเรื่องต่อไปยังคณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) เพื่อถอดถอน นางสาวรสนา โตสิตระกูล ส.ว.กทม.ออกจากตำแหน่ง เนื่องจากมีพฤติการณ์ส่อไปในทางทุจริตต่อหน้าที่ และฝ่าฝืนไม่ปฏิบัติตามมาตรฐานทางจริยธรรมอย่างร้ายแรง
สำหรับการบรรจุวาระดังกล่าว ส่งผลให้สมาชิกวุฒิสภาจำนวนมากลุกขึ้นอภิปรายถึงความเหมาะสมที่จะยื่นถอดถอน น.ส.รสนา รวมทั้งขอให้หารือในเรื่องดังกล่าวเพื่อให้มีความชัดเจน
40 ส.ว.อัด “นิคม” ยัดวาระมีเงื่อนงำ
นายสมชาย แสวงการ ส.ว.สรรหา อภิปรายว่า ตอนนี้มีความพยายามทำให้เข้าใจเหตุการณ์วันที่ 7 ตุลาคม คลาดเคลื่อน มีการบิดเบือนว่า มี ส.ว.จำนวนหนึ่งไม่ต้องการให้รัฐสภาประชุมได้ และกล่าวหาว่า มีการเปิดโรงแรมสวนดุสิตเพลสเป็นกองบัญชาการ ใช้กล้องส่องทางไกลส่องมายังสภา และแจ้งความเคลื่อนไหวในสภากับกลุ่มพันธมิตรฯ จึงขอยืนยันว่า ตน และ น.ส.รสนา ต้องการให้บ้านเมืองเดินต่อไปอย่างมีนิติรัฐ และมีการใช้อำนาจรัฐโดยชอบธรรม และไม่ได้มีพฤติกรรมอย่างที่มีการกล่าวหา และ น.ส.รสนา ไม่ได้เข้ามาก่อกวนการประชุม แต่ได้เข้ามาทักท้วงเนื่องจากมีผู้บาดเจ็บมากมายจากการสลายการชุมนุมเพื่อให้รัฐบาลเข้ามาแถลงนโยบายได้ในวันดังกล่าว
นายสมชาย กล่าวต่อว่า ส่วนที่มีการกล่าวหา ว่า น.ส.รสนา พาผู้ติดตามที่เป็นสามีเข้าห้องประชุม การประชุมในวันนั้น น.ส.รสนา โดน ส.ส.หลายคนเข้ามารุมล้อมกรอบ
“วิสัยคนเป็นสามี หากเห็นภรรยาจะโดนคุกคามก็ต้องเข้ามาปกป้อง ผมขอถามว่า วุฒิสภาจะปล่อยให้เพื่อสมาชิกที่ปฏิบัติหน้าที่ โดนข่มขู่ โห่ฮา โดนขู่จะเตะ เมื่อลุกขึ้นอภิปรายในการประชุมร่วมของรัฐสภาหรือ” นายสมชาย กล่าวพร้อมเสนอให้ที่ประชุม หารือในเรื่องดังกล่าว รวมถึงหารือปัญหาความขัดแย้งในวุฒิสภาที่มีการพูดจากันจบแล้วในคณะกรรมาธิการวิสามัญกิจการวุฒิสภา (วิปวุฒิฯ) แต่กลับมี ส.ว.หยิบมาพูดอีกในการประชุมสัปดาห์ที่แล้ว
อย่างไรก็ดี นายนิคม แจ้งว่า ขอให้พิจารณาวาระอื่นก่อน เพราะมีกระทู้หลายกระทู้ และปัญหาในวุฒิสภาจบแล้ว แต่ นายสมชาย ลุกขึ้นทักท้วงว่า ปัญหาบ้านเมืองในวันนี้คือ การไม่เอาความจริงมาพูดกันและเอาซุกไว้ใต้พรม จึงควรหารือเพื่อไม่ให้ปัญหาบานปลายออกไปอีก
จงใจเล่น “รสนา” ชี้กรณีอื่นไม่สน
ด้าน นายตวง อันทะไชย ส.ว.สรรหา กล่าวว่า เมื่อมีเรื่องเข้ามาก็ต้องสอบสวนให้ได้ข้อยุติก่อนแจ้งที่ประชุม แต่ที่ประธานทำเหมือนเป็นการรับลูกจากฝ่ายการเมือง เพราะ 2-3 วันที่ผ่านมา มีการยื่นถอดถอน ส.ว.หลายกรณี เช่น กรณี ส.ว.ยื่นเรื่องให้อธิบดีกรมประชาสัมพันธ์ ทบทวนการนำเทปรายการความจริงวันนี้สัญจรออกอากาศ ซึ่งอาจทำให้ความขัดแย้งในบ้านเมืองบานปลาย แต่ ส.ส.ก็ยื่นเรื่องถอดถอน ฉะนั้นเห็นว่า ถ้าเป็นการเล่นเหลี่ยมทางการเมือง ประธานไม่ควรนำมาในที่ประชุมจนกว่าจะตั้งกรรมการสอบสวนจนได้ข้อยุติ
นอกจากนี้ วาระนี้เป็นวาระเรื่องด่วนและเข้ามาตอน นายประสพสุข บุญเดช ประธานวุฒิสภาไม่อยู่บนบัลลังก์ประธาน สมาชิกจึงสงสัย ฉะนั้น ตนขอเสนอญัตติให้เลื่อนวาระนี้ออกไปก่อน ทำให้ นายนิคม ชี้แจงว่า เรื่องนี้ไม่ใช่ประเด็นการเมือง แต่เป็นการทำตามข้อบังคับการประชุมวุฒิสภา ข้อ 112 ที่ต้องแจ้งให้ที่ประชุมจากนั้นถึงค่อยตั้งกรรมการสอบสวน แต่นายตวง ลุกขึ้นแย้งว่า เรื่องนี้เป็นเรื่องที่แจ้งมาใหม่ ถือเป็นวาระใหม่ ประธานและรอง จึงควรคุยกันภายนอกก่อน ไม่เช่นนั้นจะเหมือนเป็นการรับลูกจากฝ่ายการเมือง
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า จากนั้น ส.ว.ทั้งฝ่ายเลือกตั้งและสรรหา อาทิ น.ส.สุมล สุตะวิริยะวัฒน์ ส.ว.เพชรบุรี นายไพบูลย์ ซำศิริพงษ์ ส.ว.ปทุมธานี พญ.พรพันธุ์ บุญยรัตพันธุ์ นาย มณเฑียร บุญตัน พล.อ.เลิศรัตน์ รัตนวานิช นายประสาร มฤคพิทักษ์ ส.ว.สรรหา อภิปรายเรียกร้องความเป็นธรรมให้ น.ส.รสนา ประมาณ 1 ชั่วโมง โดยระบุว่า เหตุวันดังกล่าว น.ส.รสนา ไม่ได้พาผู้ติดตามเข้ามา และไม่เคยพาผู้ติดตามเข้ามาในการประชุมวุฒิสภา ตามที่ ส.ส.หญิงพรรคพลังประชาชน แกนนำการยื่นถอดถอนระบุ ทั้งนี้ เมื่อผู้ติดตามของ น.ส.รสนา เป็นสามี และเห็นภรรยากำลังโดน ส.ส.4-5 คน เดินเข้ามารุมล้อมกรอบชี้หน้า โห่ฮา ด่าทอ ก็เป็นวิสัยของสามีที่จะเข้ามาปกป้อง และเมื่อเข้ามาก็มานั่งคุมเชิงไมได้ลุกขึ้นมาทำอะไร จึงไม่ร้ายแรงถึงต้องยื่นถอดถอน
พร้อมชี้ให้เห็นว่า สิ่งที่ ส.ส.ทำเป็นการเอาเสียงข้างมากเข้าว่า เป็นการบั่นทอนกำลังใจการทำงานของ ส.ว.จึงขอให้ ส.ว.สามัคคี และรวมพลัง ปกป้องศักดิ์ศรีของวุฒิสภาด้วย เพราะเพื่อน ส.ว.คนหนึ่งไม่ได้ทำอะไรผิดมากมาย จึงไม่เป็นเหตุสมควรให้ถูกถอดถอน และไม่เข้าเกณฑ์รัฐธรรมนูญมาตรา 270 ขณะที่ ส.ส.ฝ่ายรัฐบาลอย่าง นายการุณ โหสกุล ส.ส.กทม. พรรคพลังประชาชน มีพฤติกรรมไม่สมควรในสภาถึง 2 ครั้ง แต่กลับไม่มีการทำอะไร ทั้งนี้นายประสาร ยังเสนอญัตติให้ที่ประชุมพิจารณาเรื่องนี้เพื่อปกป้องศักดิ์ศรีของวุฒิสภา
ด้าน นายประสพสุข บุญเดช วุฒิสภา ทำหน้าที่ประธานการประชุม ชี้แจงว่า เมื่อมีการยื่นเรื่องถอนถอนมายังตน ตามข้อบังคับการประชุมข้อ 112 ประธานวุฒิสภาต้องแจ้งให้ที่ประชุมวุฒิสภาทราบโดยเร็ว จากนั้นจะส่งเรื่องให้คณะกรรมการป้องกันและปราบปรามการทุจริตแห่งชาติ (ป.ป.ช.) ดำเนินการต่อ ถ้าพบว่า มีมูล ป.ป.ช.จะส่งมายังวุฒิสภา เพื่อดำเนินการตามกระบวนการถอดถอนต่อไป ซึ่งตนเคยแจ้งเรื่องในลักษณะอย่างนี้ต่อที่ประชุมหลายครั้งแล้ว อย่างไรก็ดี เมื่อมีญัตติเข้ามา 2 ญัตติ จึงขอมติที่ประชุม ผลปรากฏว่า ที่ประชุมมีมติให้พิจารณาเรื่องดังกล่าวต่อไปด้วยคะแนน 42 ต่อ 41 เสียง งดออกเสียง 6 เสียง
จากนั้นเป็นการพิจารณาวาระเพื่อทราบกรณีที่ ส.ส.จำนวน 145 คน เข้าชื่อยื่นถอดถอน น.ส.รสนา ตามรัฐธรรมนูญมาตรา 270 โดย ส.ว.หลายคนอาทิ นายจำนงค์ สวมประคำ นาย อนุรักษ์ นิยมเวช ส.ว.สรรหา อภิปรายว่า ขั้นตอนนี้เป็นขั้นตอนการแจ้งเพื่อทราบ จึงต้องรอ ป.ป.ช.สอบสวนก่อน หากมีมูลจึงส่งเรื่องกลับมาให้วุฒิสภาพิจารณา ฉะนั้น ขั้นตอนนี้จึงไม่ต้องอภิปรายชี้ผิดชี้ถูกมากมาย
ส.ว.ลูกไล่แม้วใส่ร้ายต่อ
ด้าน นายเกชา ศักดิ์สมบูรณ์ ส.ว.ราชบุรี กล่าวว่า การประชุมรัฐสภาวันที่ 7 ตุลาคม ในห้องประชุม ตนนั่งอยู่ใกล้ผู้ติดตามของ น.ส.รสนา โดยนั่งถัดไป 3 แถว และเห็นผู้ติดตามของน.ส.รสนา เข้ามานั่งในห้องประชุมอย่างสงบเสงี่ยม พยายามก้มหน้าหลบ และพูดโทรศัพท์ ซึ่งเข้ามาก่อนจะมี ส.ส.มารุมล้อมน.ส.รสนา แล้ว และเมื่อมีเหตุการณ์ ก็ไม่เห็นว่า ผู้ติดตามจะพยายามมาปกป้อง น.ส.รสนา และ น.ส.รสนา ก็นั่งห่างกับผู้ติดตามถึง 5 แถว
ต่อมา น.ส.รสนา ได้กล่าวชี้แจงในที่ประชุมวุฒิสภาถึงเหตุการณ์ที่มีผู้ติดตามเข้าห้องประชุมรัฐสภาเมื่อวันที่ 7 ตุลาคม โดยปฏิเสธว่า ขอยืนยันว่าไม่ได้นำคนนอกเข้ามา ส่วนผู้ติดตามจะเข้ามาในห้องประชุมเมื่อไหร่นั้นตนไม่ทราบ แต่หากผู้ติดตามเข้ามามีความผิดก็ต้องดำเนินการสอบสวนแยกออกจากกรณีของตน โดยให้ตรวจสอบเป็นรายบุคคล ส่วนกรณีที่กล่าวหาว่าตนร่วมมือกับพันธมิตรฯโดยแบ่งแยกหน้าที่กันทำก็ขอปฏิเสธว่าไม่ได้เป็นพวกเดียวกับพันธมิตรฯ และไม่ได้ออกจากรัฐสภาก่อนสมาชิกคนอื่น
น.ส.รสนา กล่าวชี้แจงต่อว่า การไม่เข้าร่วมประชุมรัฐสภาในวันที่ 7 ต.ค.นั้น เป็นเอกสิทธิ์ของสมาชิกรัฐสภา หากมีความผิดเหมือนกับที่ถูกกล่าวหา ตนเชื่อว่า ทั้งสมาชิกสภาผู้แทนราษฎรและสมาชิกวุฒิสภา น่าจะมีความผิดในลักษณะเดียวกันอีกหลายๆ คน
ด้าน นายคำนูณ สิทธิสมาน ส.ว.กล่าวอภิปรายว่า น.ส.รสนา ไม่เกี่ยวข้องกับพันธมิตรฯ ที่มีคนบอกว่า มีความเกี่ยวข้องเพราะขึ้นเวทีพันธมิตรฯ ขอยืนยันว่า น.ส.รสนาไม่ได้ขึ้นเวทีพันธมิตรฯมานานแล้ว และแทบจะไม่รู้จักแกนนำพันธมิตรฯเป็นการส่วนตัวตนไม่อยากให้กล่าวหากันโดยสวมหมวกให้กันง่ายๆ ว่า ใครเป็นพวกใคร ใครเป็นสายให้ใคร ใครทำตามใครสั่ง คนมีความแตกต่างกันได้ แต่ต้องคิดให้รอบด้าน
ผู้สื่อข่าวรายงานว่า หลังจากสมาชิกอภิปรายนานกว่า 2 ชั่วโมงครึ่ง ประธานวุฒิสภาจึงสั่งปิดประชุมเมื่อเวลาประมาณ 15.10 น.
“เสรี” เชื่อคน กทม.นับแสนอยู่ข้าง “รสนา”
ด้าน นายเสรี สุวรรณภานนท์ อดีต ส.ว.กทม. และ อดีต ส.ส.ร. กล่าวถึงกรณีที่ ส.ส.พรรคพลังประชาชนยื่นเรื่องถอดถอน น.ส.รสนา ส.ว.กทม. ออกจากตำแหน่งว่า ควรให้ใช้เหตุผลในการทำงาน ไม่ใช่ใช้ความรู้สึกจัดการกับใครคนใดคนหนึ่ง เพราะสุดท้ายแล้วก็จะเป็นการทำลายระบบ และตัวผู้ผิดก็จะกลายเป็น ส.ส. 145 คนเอง ทั้งนี้ เห็นว่า การกระทำของ น.ส.รสนายังไม่ส่อว่า เป็นการกระทำที่ขัดต่อบทบัญญัติของรัฐธรรมนูญฝ่าฝืนจริยธรรมอย่างร้ายแรง และถ้าหากผิดจริง ก็ควรตักเตือนเท่านั้น
นายเสรี กล่าวว่า ถ้าหากยังจะฝืนถอดถอน น.ส.รสนา ต่อไป เชื่อว่า คนกรุงเทพฯ หลายแสนคน ที่เลือก น.ส.รสนา มาทำหน้าที่จะไม่ยอมเป็นแน่นอน เนื่องจากเป็นการใช้เผด็จการในระบอบรัฐสภา นำเสียงข้างมากมารังแกเสียงข้างน้อยอย่างไม่ยุติธรรม ตนรู้สึกผิดหวังที่ผลักดันให้นักการเมืองหญิงมีสิทธิเท่ากับนักการเมืองชาย แต่สุดท้ายก็มายอมให้นักการเมืองชายมาอยู่เบื้องหลัง