xs
xsm
sm
md
lg

รายงานพิเศษ : “ม็อบเสื้อแดง” คิดว่า ใช้ “กำลัง” ปิด “ความจริง” ได้หรือ?

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

ม็อบเสื้อแดง ปิดล้อมสถานีไทยพีบีเอสที่เชียงใหม่ นอกจากด่าอย่างหยาบคายแล้ว ยังขู่ตัดน้ำตัดไฟไม่ให้ออกอากาศและไม่ให้ใครออกมาจากอาคารด้วย(3 พ.ย.)
อมรรัตน์ ล้อถิรธร...รายงาน

และแล้ว ม็อบเสื้อแดงแห่ง จ.เชียงใหม่ ก็สำแดงความป่าเถื่อน ด้วยการยกพลไปปิดล้อม-ตัดน้ำตัดไฟ ไม่ให้สถานีไทยพีบีเอส ที่เชียงใหม่ออกอากาศ และไม่ให้พนักงานออกจากอาคาร เพียงเพราะรับไม่ได้ที่สื่อแห่งนี้เสนอความจริง “ด้านลบ” ของตัวเอง ที่มีการจ้างวานคนให้มาร่วมชุมนุมฟัง “ทักษิณ” โฟนอินในรายการ “ความจริงวันนี้ฯ” ที่ราชมังคลากีฬาสถานเมื่อ 1 พ.ย.งานนี้ต้องจับตา ว่า สมาคมวิชาชีพสื่อจะออกแถลงการณ์ประณามหรือไม่? และรัฐบาลนายสมชายที่ปากบอก นปช.เสื้อแดงไม่เกี่ยวรัฐบาล แต่กลับหยิบยื่นสื่อรัฐทั้งโทรทัศน์และวิทยุ ถ่ายทอดรายการความจริงวันนี้ จะจัดการคนในคอนโทรลของตัวเองอย่างไร หรือไม่?

ในที่สุด ก็เกิดเหตุการณ์คุกคามสื่อสาธารณะอย่างสถานีโทรทัศน์ไทยทีวี ทีวีสาธารณะ (ไทยพีบีเอส) ขึ้นจนได้ แม้สถานีแห่งนี้จะได้ชื่อว่าเป็นสื่อที่นำเสนอข่าวอย่างเป็นกลาง และหลากหลายที่สุด (จากการสำรวจของโครงการศึกษาและเฝ้าระวังสื่อเพื่อสุขภาวะของสังคม หรือมีเดีย มอนิเตอร์) ที่ทำการสำรวจเมื่อเร็วๆ นี้ อาจเป็นเพราะสื่อแห่งนี้เสนอข่าวเป็นกลางเกินไปในสายตาของแนวร่วม นปช.ที่สนับสนุนรัฐบาล สังคมจึงได้เห็นกลุ่มคนเสื้อแดงที่เชียงใหม่ทนไม่ได้กับความจริงด้านลบของ นปช.และกลุ่มตัวเอง จึงได้ออกมาแสดงความป่าเถื่อนด้วยการปลุกระดมคน และพากันไปปิดล้อมที่ศูนย์ข่าวภาคเหนือของไทยพีบีเอสที่เชียงใหม่ในวันนี้ (3 พ.ย.)

การปิดล้อมดังกล่าวเกิดขึ้น หลังจากทางสถานีไทยพีบีเอสส่วนกลางได้นำเสนอข่าวเมื่อค่ำวานนี้ (2 พ.ย.) เกี่ยวกับการจัดรายการ “ความจริงวันนี้ ต้านรัฐประหาร”ที่สนามกีฬาราชมังคลากีฬาสถานเมื่อวันที่ 1 พ.ย.โดยตอนหนึ่ง ทางไทยพีบีเอสได้นำเสนอข่าวที่ได้จากการสัมภาษณ์นักการเมืองท้องถิ่น ว่า ผู้ชุมนุมที่เดินทางมาจาก จ.เชียงใหม่ ได้รับเบี้ยเลี้ยงคนละ 500 บาท ค่าอาหาร 200 บาท ยังไม่รวมค่าเดินทางและที่พัก ซึ่งหากรวมแล้วจะตกประมาณคนละ 2,000 บาท

ปรากฏว่า ข่าวดังกล่าวส่งผลให้กลุ่มรักเชียงใหม่ 2551 ที่นำโดยนายเพชรวรรต วัฒนพงศ์ศิริกุล แกนนำกลุ่มดังกล่าวไม่พอใจ หาว่าไทยพีบีเอสเสนอข่าวเท็จ จึงได้พูดปลุกระดมมวลชนทางวิทยุชุมชนให้แนวร่วมของกลุ่มไปรวมตัวที่หน้าโรงแรมแกรนด์วโรรสพาเลซ ต.พระสิงห์ อ.เมือง จ.เชียงใหม่ ในเวลาประมาณ 11.00 น.วันนี้ (3 พ.ย.) จากนั้นได้เคลื่อนพลไม่ต่ำกว่า 200 คน ไปยังศูนย์ข่าวไทยพีบีเอสที่ อ.สันทราย โดยได้บุกพังประตูรั้วศูนย์ข่าวและเข้าไปปิดล้อมอาคารของไทยพีบีเอส พร้อมใช้เครื่องขยายเสียงปราศรัยจี้ให้ผู้บริหารไทยพีบีเอส รวมทั้งผู้ประกาศข่าว และผู้ที่ให้ข่าวเรื่องจ้างวานมาชุมนุม เดินทางมาชี้แจงเรื่องนี้ที่ศูนย์ข่าว พร้อมกันนี้ ยังจี้ให้ไทยพีบีเอสออกแถลงการณ์ขอโทษต่อข่าวที่นำเสนอไป หากไม่ขอโทษหรือชี้แจงไม่ชัดเจน ทางกลุ่มจะตัดน้ำตัดไฟไม่ให้สถานีออกอากาศ และห้ามคนเข้าออกจากอาคารโดยเด็ดขาด ซึ่งคาดว่ามีเจ้าหน้าที่ของศูนย์ข่าวไทยพีบีเอสอยู่ในอาคารประมาณ 30 คน (เมื่อเวลา 15.00 น.เศษ มีรายงานว่า ม็อบเสื้อแดงเริ่มตัดน้ำแล้ว)

พฤติกรรมของกลุ่มคนเสื้อแดงแนวร่วม นปช.ที่เชียงใหม่ ที่ปิดล้อมไทยพีบีเอสคงไม่น่าจะถูกต้องแน่ในสายตาของนักวิชาการด้านสื่อสารมวลชน!

อ.อนุสรณ์ ศรีแก้ว คณบดีคณะนิเทศศาสตร์ มหาวิทยาลัยรังสิต บอกว่า ในฐานะคนที่สอนด้านสื่อเห็นว่า เหตุการณ์ดังกล่าวเป็นกระบวนการที่ทำให้สื่อไม่สามารถทำงานได้ ซึ่งเป็นกระบวนการที่ไม่ถูกต้อง ดังนั้น หากสมาคมวิชาชีพสื่อ ไม่ว่าจะเป็นสมาคมนักข่าวนักหนังสือพิมพ์แห่งประเทศไทย และสมาคมนักข่าววิทยุและโทรทัศน์ไทย ยังมีจุดยืนเหมือนเดิมที่เคยออกแถลงการณ์ตำหนิกลุ่มพันธมิตรฯ ที่บุกยึดเอ็นบีที (แม้จะเห็นว่าเอ็นบีทีเสนอข่าวไม่เป็นกลาง) สมาคมสื่อก็ต้องออกแถลงการณ์ประณามการกระทำของม็อบเสื้อแดงที่เชียงใหม่ที่ปิดล้อมข่มขู่คุกคามไทยพีบีเอสในครั้งนี้ด้วย เพราะเป็นการกระทำที่ไม่ถูกต้อง

อ.อนุสรณ์ ยังแนะด้วยว่า หากไทยพีบีเอส เห็นว่า ข่าวที่ตนนำเสนอไปอยู่บนข้อเท็จจริงที่ถูกต้องแล้ว ก็ไม่สมควรขอโทษตามที่กลุ่มเสื้อแดงเรียกร้อง เพราะหน้าที่ของสื่อต้องรักษาจุดยืนในการนำเสนอข้อเท็จจริง

“ผมคิดว่าถ้าข้อเท็จจริงมันเป็นเช่นนั้นอยู่แล้วเนี่ย ก็ไม่ควรต้องออกไปขอโทษอะไร ยกเว้นว่า การนำเสนอข่าวดังกล่าวเป็นความผิดพลาดของสื่อเองว่าข้อเท็จจริงมันไม่ได้เป็นเช่นนั้น แต่สื่อนำเสนอไม่ถูกต้องตามข้อเท็จจริง ผมก็คิดว่ากระบวนการตรงนี้ก็ควรออกมาขอโทษ แต่ถ้าหากว่าเรื่องราวต่างๆ ที่เกิดขึ้นนั้น มันเป็นความจริงอยู่แล้ว ข้อเท็จจริงเป็นเช่นนั้นอยู่แล้ว ผมคิดว่าสื่อเองก็ต้องยืนยันในความถูกต้องตรงนี้ มิฉะนั้นแล้วจุดยืนของสื่อจะอยู่ตรงไหน จุดยืนของสื่อ ก็คือ ต้องยืนอยู่บนข้อเท็จจริงที่ถูกต้องเท่านั้น”

อ.อนุสรณ์ ยังพูดถึงกรณีที่นายจตุพร พรหมพันธุ์ ส.ส.สัดส่วน พรรคพลังประชาชน และอดีตแกนนำ นปก.ซึ่งเป็น 1 ในผู้ดำเนินรายการ “ความจริงวันนี้”จะนำเทปรายการที่จัดที่สนามกีฬาราชมังคลากีฬาสถาน เมื่อวันที่ 1 พ.ย.ที่มี พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร โฟนอินเข้ามา มาออกอากาศในรายการปกติทางสถานีโทรทัศน์เอ็นบีทีด้วยว่า ไม่เห็นด้วยแน่นอน เพราะต่อให้เป็นรายการความจริงวันนี้สัญจรที่จัดที่เมืองทองธานี ซึ่งไม่มี พ.ต.ท.ทักษิณ โฟนอิน ก็ไม่ควรนำมาออกอากาศทางเอ็นบีทีอยู่แล้ว แต่ยิ่งมี พ.ต.ท.ทักษิณ โฟนอินเข้ามา ยิ่งไม่สมควรนำมาออกทางสื่อของรัฐที่มาจากภาษีประชาชน เพราะสถานะของ พ.ต.ท.ทักษิณ วันนี้ ไม่ใช่แค่อดีตนายกฯ เท่านั้น แต่ยังเป็น “อาชญากรหนีคดี”ที่พูดหมิ่นเหม่ต่อการหมิ่นศาลและสถาบันด้วย

“ข้อเท็จจริง ก็คือว่า คุณทักษิณ ปัจจุบันสถานะไม่ได้เป็นอดีตนายกฯ เพียงอย่างเดียว อีกสถานะหนึ่ง ก็คือ นักโทษชาย หรืออาชญากรคนหนึ่งที่หนีคดี และในขณะเดียวกันเอ็นบีทีก็เป็นสื่อของรัฐ เป็นสื่อที่ได้มาจากงบประมาณของประชาชน เพราะฉะนั้นการที่จะเอานักโทษชายคนหนึ่งและใช้สื่อของรัฐ เพื่อต้องการที่จะทำการแสดงความคิดเห็น ซึ่งก็หมิ่นเหม่เหลือเกินว่า ความเห็นดังกล่าวนั้นเป็นการหมิ่นศาล เป็นการหมิ่นพระบรมเดชานุภาพหรือไม่ อย่างไร ซึ่งผมคิดว่า ด้วยประการทั้งปวง ไม่ควรที่จะนำเสนอหรือออกอากาศซ้ำ มิฉะนั้นแล้วก็เป็นเยี่ยงอย่าง ถ้าเกิดว่าหมอเสริม (สาครราษฎร์) ที่เคยต้องโทษฆ่าผู้หญิงคนหนึ่ง ขอโอกาสพูดเหมือนทักษิณ ขอโอกาสแสดงข้อเท็จจริงต่างๆ ว่าเป็นอย่างไร ผมคิดว่าสังคมนี้จะอยู่กันได้อย่างไร ถ้าหากมาตรฐานบรรทัดฐานเป็นเช่นนี้”

อ.อนุสรณ์ ยังบอกด้วยว่า หากผู้ดำเนินรายการ “ความจริงวันนี้”ยังดึงดันจะนำรายการที่จัดที่สนามกีฬาราชมังคลากีฬาสถาน เมื่อวันที่ 1 พ.ย.มาออกอากาศซ้ำทางเอ็นบีที ก็ควรนำเสนออย่างเป็นกลาง เช่น รายการความยาว 1 ชม.ก็ออกอากาศของกลุ่ม นปช.ครึ่งชั่วโมง และให้พันธมิตรฯ ได้ออกครึ่งชั่วโมง

ส่วนกรณีที่รัฐบาล โดยเฉพาะนายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกฯ และรักษาการหัวหน้าพรรคพลังประชาชน ยืนยันว่า รัฐบาลไม่เกี่ยวข้องหรือสนับสนุนกลุ่ม นปช.คนเสื้อแดงนั้น อ.อนุสรณ์ ตั้งข้อสังเกตว่า รัฐบาลคงปฏิเสธไม่ได้ เพราะใครก็ตาม ถ้าไม่ปิดหูปิดตา ย่อมรู้ว่า รัฐบาล-รายการความจริงวันนี้-กลุ่ม นปช.เป็นกลุ่มเดียวกัน และหลายครั้งที่สังคมได้เห็น ส.ส.ในรัฐบาล โดยเฉพาะของพรรคพลังประชาชนไปแสดงบทบาทในกลุ่ม นปช. แถมรัฐบาลยังให้แกนนำ นปช.(วีระ มุสิกพงศ์-จตุพร พรหมพันธุ์-ณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ) มาจัดรายการ “ความจริงวันนี้”ทางสื่อของรัฐอย่างเอ็นบีที เพื่อเป็นเครื่องมือรัฐบาลในการโจมตีฝ่ายตรงข้ามอย่างไม่มีขีดจำกัด (ไม่เว้นแม้แต่การโจมตีองค์กรอิสระหรือศาล)

จะว่าไปแล้ว ลำพังสถานะของผู้ดำเนินรายการ “ความจริงวันนี้” นอกจากจะไม่เหมาะสม เพราะมีคนที่หมิ่นสถาบันซ้ำแล้วซ้ำอีกอย่างนายวีระ มุสิกพงศ์ ยังมีคนอย่างนายจตุพร พรหมพันธุ์ ที่ไม่เพียงเป็นอดีตแกนนำ นปก.ที่เคยยกพวกบุกไปด่าทอ พล.อ.เปรม ติณสูลานนท์ ที่บ้านสี่เสาเทเวศร์ แต่ยังเป็น ส.ส.สัดส่วนพรรคพลังประชาชน ไม่แค่นั้นยังมีคนอย่างนายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ โฆษกรัฐบาล ไปร่วมจัดรายการอยู่บ่อยๆ โดยอ้างข้างๆ คูๆ ว่าไม่ได้เป็นผู้จัด แต่เป็นแค่แขกรับเชิญ!?!

...เมื่อคนของรัฐบาลเป็นผู้จัดรายการ ไม่ว่าจะรายการความจริงวันนี้หรือความเท็จวันนี้ก็ตาม บวกสื่อของรัฐอย่าง “เอ็นบีที”ที่ถูกนำมาเป็นเครื่องมือออกอากาศ บวก“สถานีวิทยุกระจายเสียงแห่งประเทศไทย (สวท.) ของกรมประชาสัมพันธ์ คลื่นเอฟเอ็ม 92.5 และเอเอ็ม 891” ที่พร้อมใจกันถ่ายทอดเสียงรายการดังกล่าวให้ประชาชนได้รับฟังสดๆ พร้อมกับผู้ชมทางเอ็นบีทีนั้น ท่านนายกฯ สมชาย ที่เคยมือสั่นใจสั่นกลางสภากับเรื่องคลิปฉาวพาสาวกินข้าว-เข้าโรงแรมแล้ว ยังจะปากกล้าขา (มือ) สั่นว่าไม่เกี่ยวกับรัฐบาล-รัฐบาล ไม่ได้หนุนอยู่อีกหรือ อย่างนี้ต้องเรียกว่า เป็น “ผู้สนับสนุนหลักอย่างเป็นทางการ”เสียมากกว่า แต่ถ้าจะให้ดีแล้วละก็ ในเมื่อรัฐบาลและแกนนำ นปช.ทั้งหลาย รักรายการ “ความจริงวันนี้” มาก ก็ควรจะสอนม็อบเสื้อแดงของพวกตนด้วยว่า ต้องรักความจริงทั้ง 2 ด้าน ไม่ใช่รักเฉพาะความจริงด้านดี แต่ความจริงด้านลบของตัวเอง กลับรับไม่ได้ และใช้กำลังเข้าห้ำหั่นเพียงเพื่อปิดบังความจริงแบบนี้!!



ม็อบเสื้อแดง บุกพังประตูสถานีไทยพีบีเอสเข้าไปปิดล้อมอาคาร(ภาพ-เนชั่น)

มีตำรวจรักษาความปลอดภัยให้สถานีไทยพีบีเอสแค่ประมาณ 70 นาย
กำลังโหลดความคิดเห็น