xs
xsm
sm
md
lg

ชี้แมลงวันตอมแมลงวันได้ “สมเกียรติ” ร้องสื่อต้องรับการตรวจสอบจาก ปชช.

เผยแพร่:   โดย: MGR Online

นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์
ผู้จัดการออนไลน์ – “สมเกียรติ” ยืนยันการเจรจาเพื่อแก้ไขปัญหาให้ประสบผลต้องอยู่บนพื้นฐาน 4 ประการ พูดความจริง-ตั้งโจทย์ถูก-ถูกเป็นถูก ผิดเป็นผิด-ต่อรองกันไม่ได้ ชี้ “เครือข่ายสานเสวนา” อ้างว่าอยู่ตรงกลาง ไม่ได้ เปิดโปงนักข่าวบางกลุ่มรับเงินเพื่อรับใช้นักการเมือง ระบุสื่อบางคนเป็นหมาเฝ้าบ้านที่พร้อมจะแปลงตัวเป็นแมลงวันทุกเมื่อ ยันสื่อต้องตรวจสอบกันเอง และยอมให้สังคมร่วมตรวจสอบจึงจะถูกต้อง

 คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ปราศรัย 

วานนี้ (31 ต.ค.) เมื่อเวลาประมาณ 23.10 น. นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ได้ขึ้นปราศรัย ณ เวทีทำเนียบรัฐบาล โดยสวมเสื้อยืดสีเหลือง ขึ้นมอบเงินแสนกว่าบาท ที่ชาวนครราชสีมาบริจาคผ่านตนเองมาให้กับพันธมิตรฯ เอเอสทีวี กองทุนผู้บาดเจ็บ และเครือข่าย โดยส่งต่อให้กับนายพิภพ ธงไชย

ต่อมา นายสมเกียรติได้กล่าวถึงเครือข่ายสันติประชาธรรม ที่ออกมารณรงค์ให้มีการสานเสวนาเพื่อแก้ปัญหาวิกฤตความขัดแย้งในบ้านเมือง โดยระบุว่า การเข้าพูดคุยหรือเจรจานั้นต้องอยู่บนพื้นฐาน 4 ประการ เพื่อให้ปัญหาได้รับการแก้ไขจริงๆ ประกอบไปด้วย หนึ่ง ต้องพูดความจริง สอง ต้องตั้งโจทย์ให้ถูกต้อง และ สาม ต้องเป็นไปตามหลักเกณฑ์ทางกฎหมาย ถูกเป็นถูก ผิดเป็นผิด ไม่ใช่เจรจาให้ผิดเป็นถูก และ สี่ ต่อรองไม่ได้

“เช่นจำคุก พ.ต.ท.ทักษิณ 2 ปี ต่อรองให้เหลือรอลงอาญา อย่างนี้ต่อรองไม่ได้ ... นอกจากนี้ เช่น สมชายขอตั้ง ส.ส.ร.3 ขออยู่ไปอีก 120 วัน ต่อรองคลิปวิดีโอขอปิดหน้าผู้ชาย อย่างนี้ไม่ได้” นายสมเกียรติแจง

จากนั้นแกนนำพันธมิตรฯ ผู้นี้ ได้อ่านบทความตอนหนึ่งในหนังสือ “เปลว สีเงินอ่านวิกฤต” ที่เขียนโดยเปลว สีเงิน คอลัมนิสต์อาวุโสแห่งหนังสือพิมพ์ไทยโพสต์ ที่กล่าว สนับสนุนแนวคิดการเมืองใหม่ของพันธมิตรฯ ตั้งแต่วันที่ 27 กุมภาพันธ์ 2549 แล้ว

“เปลว สีเงิน บอกว่า ประชาธิปไตยไม่ต่อรอง ประชาชนเท่านั้นคือผู้ที่กำหนดอนาคตชาติ เพราะฉะนั้นเมื่อพันธมิตรฯ ประกาศเป็นสัตยาบันทักษิณออกไป ต้องปฏิรูปการเมืองใหม่ นี่แหละจึงเป็นธงประชาชนกำหนดทิศทางของชาติแท้จริง” นายสมเกียรติอ่านข้อความในหนังสือ พร้อมชี้ให้เห็นว่าพันธมิตรฯ พูดถึงเรื่องการเมืองใหม่ตั้งแต่ปี 2549 แล้ว

พร้อมกันนั้น ได้กล่าวต่อถึงข้อความตอนหนึ่งในหนังสือที่ระบุว่า “เพื่ออนาคตของชาติที่ปราศจากผู้นำโกงชาติที่ไร้จริยธรรม เพื่อให้ประชาชนบรรลุตามเป้าหมาย เราต้องไม่ยอมให้มีการต่อรอง และต้องไม่มีการอ่อนข้อใดๆ ทั้งสิ้น ทักษิณต้องออกไป ระบบการเมืองไทยต้องปฏิรูปการเมืองใหม่ทั้งหมด”

ด้วยเหตุนี้นายสมเกียรติจึงกล่าวถึงกรณีที่มีเครือข่ายสานเสวนาออกมาให้มีการเจรจา 4 ฝ่ายว่า

“เปลว เขาพูดอย่างนี้ครับ เขาอัดพวกที่ชอบอ้างตัวว่าเป็นกลางว่า คำว่าความเป็นกลางคือกระดาษที่อยู่ระหว่างแก้มก้น เป็นจินตนาการเพ้อเจ้อของคนบางคน” เมื่ออ่านถึงตอนนี้มวลชนในทำเนียบก็ส่งเสียเฮขึ้น และ นายสมเกียรติได้กล่าวว่า ขอฝากข้อความนี้ไปถึงนักวิชาการกลุ่มหนึ่ง นักเคลื่อนไหวทางสังคม รวมถึงนักหนังสือพิมพ์จำนวนไม่น้อยที่ ณ เวลานี้ไปตระเวนไปตามที่ต่างๆ เพื่อรณรงค์เรื่องความเป็นกลางที่ไม่แยกความผิด ความถูก สิ่งที่ควร สิ่งที่ไม่ควร โดยผู้ที่กระทำเช่นนี้ คือ ผู้ที่ไม่กล้าเผชิญหน้ากับความจริง และขออยู่ตรงกลางระหว่างความใช่กับความไม่ใช่

อัด “นักข่าว” บางกลุ่มรับใช้นักการเมือง

นายสมเกียรติกล่าววิพากษ์วิจารณ์สื่อมวลชน และฝากถึงบรรดาผู้บริหารสมาคมสื่อมวลชนเกี่ยวกับสิ่งพิมพ์ ซึ่งนายสมเกียรติระบุว่าในช่วงที่ผ่านมาวิจารณ์พันธมิตรฯ อย่างหนักมาโดยตลอด โดยเขาได้ยกข้อเขียนในหนังสือ “สื่อเสรีมีจริงหรือ บทเรียนประชาธิปไตยและวัฒนธรรมสื่อมวลชนไทย” ของนายประวิตร โรจนพฤกษ์ ผู้สื่อข่าวของเครือเนชั่น ที่ระบุว่า ผู้สื่อข่าวในปัจจุบันนั้นจำนวนหนึ่งรับเงินเพื่อรับใช้นักการเมือง ขณะเดียวกันก็ปฏิเสธการตรวจสอบและการวิพากษ์วิจารณ์ของสังคม

ในเรื่องของสมาคมสื่อ นายสมเกียรติชี้ให้เห็นว่า สมาคมสื่อมักจะเป็นใบ้เมื่อสื่อบางแขงมีพฤติกรรมที่ไม่เหมาะสม อย่างเช่น กรณีการที่รายการโทรทัศน์ทางเอ็นบีทีจะให้ นักโทษหนีคดีอาญาอย่าง พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร อดีตนายกรัฐมนตรีโฟนอินเข้ารายการ ขณะเดียวกันก็มีข่าวว่า ผู้บริหารสมาคมสื่อบางแห่งชอบให้นักการเมืองเลี้ยงข้าว

“ในหนังสือมติชนสุดสัปดาห์วันที่ 16 มีนาคม 2542 หน้า 68 รายงานว่ามีใบปลิวออกมาโจมตี (...) อดีตนายกสมาคมนักข่าว ระบุว่าทุกสิ้นเดือนคนในสมาคมของวงการหนังสือพิมพ์กลุ่มหนึ่งจะเชิญนักการเมืองใหญ่ๆ ไปกินวงแชร์ ซึ่งมีคนในสมาคมทั้งเก่าและใหม่เป็นสมาชิก คนจ่ายเงินเลี้ยงนักข่าวคือนักการเมืองใหญ่ที่ได้รับเชิญ” นายสมเกียรติระบุถึงข้อความตอนหนึ่งในหนังสือ พร้อมระบุว่า นักข่าวบางคนจริงๆ แล้วก็คือสุนัขของนักการเมืองเท่านั้น

ส่วนกรณีที่สื่อหนังสือพิมพ์และโทรทัศน์ระบุว่า ตนเองเป็น “หมาเฝ้าบ้าน” นั้น หนังสือของนายประวิตรแฉว่า บรรณาธิการบางคนที่บอกว่าตัวเองเป็นคนธรรมดากลับมีบ้านหลายหลัง ราคาเป็นสิบๆ ล้าน มีรถหลายคัน แถมมีคนขับอีกด้วย เหตุใดนักข่าวเหล่านี้จึงอ้างตัวเองว่าเป็นหมาได้

“ประวิตร กล่าวว่า การมององค์กรสื่อเป็นหมาเฝ้าบ้าน เป็นการมองแบบอุดมคติโรแมนติก มองด้านเดียวและเข้าข้างตัวเองของสื่อ เพราะ เมื่อใดก็ตามที่อาการกลืนไม่เข้าคายไม่ออกของสื่อปูดขึ้นมา หมาเฝ้าบ้านก็แปลงร่างกลายเป็นแมลงวัน พร้อมกับประกาศว่าแมลงวันย่อมไม่ตอมแมลงวัน หรือ แมลงวันย่อมไม่ตอมตัวของมันเอง” พร้อมยืนยันว่า ประชาชนต้องไม่ปล่อยให้สื่อมวลชนลอยนวล ต้องให้ประชาชนตรวจสอบสื่อได้

จากกรณีดังกล่าว นายสมเกียรติได้กล่าวถึงสื่อมวลชนฉบับหนึ่งที่ลงภาพ “ตี๋” ชิงชัย อุดมเจริญกิจ ในวันที่ 7 ต.ค. ที่ถูกระเบิดจนแขนขาด โดยกล่าวหาว่ามือข้างหนึ่งของเขากำระเบิดปิงปองเอาไว้ ทั้งๆ ที่สิ่งที่อยู่ในมือของตี๋เป็นเพียงพวงกุญแจ ซึ่งเมื่อมีการชี้แจงข้อเท็จจริงแล้ว หนังสือพิมพ์ฉบับดังกล่าวก็ไม่ยอมแก้ข่าวให้ ทั้งยังมีคอลัมนิสต์นำไปขยายความจากข้อมูลที่ผิดพลาดดังกล่าวอีกด้วย ซึ่งเมื่อนายสมเกียรติถามมวลชนว่าเป็นหนังสือพิมพ์ฉบับใด ก็ได้รับคำตอบเป็นเสียงอันดังทั่วทำเนียบว่า “ข่าวสด”

นายสมเกียรติ กล่าวต่อว่า ในการปราศรัยครั้งต่อไปตนเองจะกล่าวถึง การกลั่นแกล้งและข่มขู่สื่อมวลชนของระบอบทักษิณ โดยเฉพาะเครือเนชั่น แนวหน้า และผู้จัดการ ที่ออกมาต่อสู้กับระบอบทักษิณในช่วงหลายปีที่ผ่านมา
กำลังโหลดความคิดเห็น