xs
xsm
sm
md
lg

สื่อนอกชี้ พ.ร.ก.ฉุกเฉินไม่แก้ปัญหา-องค์กรสิทธิฯ วอนรัฐไม่ใช้อำนาจในทางผิด

เผยแพร่:   โดย: MGR Online


เอเจนซี - รอยเตอร์รายงานข่าว ผบ.ทบ.ประกาศไม่ใช้กำลังเข้าปราบปรามพันธมิตรฯ แม้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน ให้อำนาจ พร้อมอ้างนักวิเคราะห์ ชี้ประกาศภาวะฉุกเฉินไม่ใช่จุดจบของปัญหา ขณะที่องค์กรสิทธิมนุษยชนร้องรัฐบาลไทยอย่าใช้อำนาจที่มีเกินขอบเขต

สำนักข่าวรอยเตอร์ รายงานว่า พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผู้บัญชาการทหารบก กล่าววันนี้ (2) ว่า แม้ พ.ร.ก.ฉุกเฉิน จะมอบอำนาจให้เขาทำเช่นนั้น แต่เขาบอกว่า “ถ้าเราคิดใช้ตำรวจและทหาร นำพวกเขาออกมาด้วยวิธีสันติ เราจะทำ แต่เราคิดว่ามันยิ่งจะสร้างปัญหามากขึ้น” เขาบอกกับผู้สื่อข่าวหลังมีประชาชน 1 รายเสียชีวิตจากเหตุปะทะกันระหว่างฝ่ายสนับสนุน และต่อต้านรัฐบาล

พระราชกำหนดบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินที่ประกาศโดยนายสมัคร สุนทรเวช นายกรัฐมนตรี ห้ามประชาชนชุมนุม จำกัดเขตอาคารราชการ และห้ามสื่อมวลชนนำเสนอข่าวที่ยุยงความไม่สงบ

รอยเตอร์ รายงานว่า แต่ทหารไม่สู้เต็มใจบังคับใช้พระราชกำหนดนี้ อนุพงษ์ กล่าวว่า ทหารจะไม่ติดอาวุธ และจะปฏิบัติการเพียงกั้นการปะทะระหว่างผู้ประท้วงเท่านั้น

“การประกาศภาวะฉุกเฉินขึ้นอยู่กับความเหมาะสมและช่วงเวลา แต่ถ้าคุณถามผมว่ามันคือการเริ่มต้นของจุดสิ้นสุดหรือไม่นั้น? ไม่ มันไม่ใช่แบบนั้น” นายภูวดล ลาภอุดมสุข จากบริษัท ความมั่นคงเอเซีย พลัส ระบุ

เหตุปะทะกลางดึกคืนวันจันทร์ ส่งผลให้มีผู้เสียชีวิต 1 ราย และบาดเจ็บ 45 คน ถือเป็นความรุนแรงครั้งร้ายแรงที่สุดซึ่งปะทุขึ้น นับตั้งแต่พันธมิตรฯ เริ่มต้นการประท้วงในเดือนพฤษภาคม

สำนักข่าวรอยเตอร์ ระบุว่า ผู้สนับสนุนนายสมัครได้สลายตัวกันไปแล้ว แต่คาดหมายว่าจะจับกลุ่มขึ้นมาใหม่ภายใต้ความมืดที่ปกคลุม

ขณะเดียวกัน สำนักข่าวเอเอฟพี รายงานว่า องค์กรสิทธิมนุษยชนและกลุ่มกฎหมายต่างๆ ได้ออกมาเรียกร้องรัฐบาลไทยและทหาร ไม่ใช้อำนาจในทางที่ผิดภายใต้พระราชกำหนดบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉิน หลังเหตุปะทะกันระหว่างผู้ประท้วง

“เหตุปะทะระหว่างผู้ชุมนุมฝ่ายตรงข้ามควรได้รับการป้องกันผ่านมาตรการบังคับใช้ตามกฎหมายปกติ” โรเจอร์ นอร์มันด์ ผู้อำนวยภาคพื้นเอเชียแปซิฟิก ของคณะกรรมาธิการนิติกรสากล กล่าว

“รัฐบาลควรสร้างความมั่นใจว่าประกาศภาวะฉุกเฉินจะถูกใช้ในระยะสั้น และใช้เท่าที่จำเป็นตามความกังวลด้านความปลอดภัยตามกฎหมาย” เขากล่าวในแถลงการณ์

ด้าน นายสุนัย ผาสุก ที่ปรึกษาองค์กรฮิวแมนไรท์วอชท์ประจำประเทศไทย กล่าวว่า พระราชกำหนดบริหารราชการในสถานการณ์ฉุกเฉินยิ่งเพิ่มความกังวลด้านการปราบปราม และมอบอำนาจให้กับผู้บัญชาการทหารบกมากเกินไป และกำหนดอย่างคลุมเครือ

“จะมีการเลือกเฟ้นตรวจสอบสื่อมวลชนที่รายงานข่าวต่อต้านพฤติการณ์ของรัฐบาลอย่างเข้มข้น” เขากล่าว “มีการห้ามเดินทาง ห้ามเคลื่อนไหว ห้ามประชาชนรวมตัวกันเกิน 5 คนขึ้นไปและใช้กำลังขับไล่...ในกรณีนี้หมายถึงการขับไล่ออกจากทำเนียบรัฐบาล”
กำลังโหลดความคิดเห็น