วานนี้ (28 ต.ค.) นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี และรมว.กลาโหม กล่าวชี้แจงถึงกรณีที่มีการพูดจาจาบจ้วงสถาบันเบื้องสูง ซึ่งรัฐบาลจะต้องเข้าไปดูแลในเรื่องนี้ว่า อยากจะบอกว่าจริงๆแล้ว คนที่เป็นรัฐบาลก็ดี ข้าราชการ ทหาร ตำรวจ ประชาชน อยากให้เรื่องนี้เป็นเรื่องที่อยู่ในหัวใจของเราทุกคน ไม่อยากให้ต้องมาพูด วิพากษ์วิจารณ์เรื่องนั้น เรื่องนี้ ช่วยกันดูแลอยู่แล้ว
เมื่อถามว่าจะสั่งการ หรือดำเนินการทางกฎหมายเด็ดขาดหรือไม่ นายสมชาย กล่าวว่า สั่งไปตั้งเยอะแล้ว แต่เรื่องอย่างนี้เราต้องพยายามให้อยู่ในความรู้สึก ในจิตใจของเราทุกคน ใครมีเบาะแสอย่างไรที่ไม่ชอบมาพากล ก็ให้ดำเนินการกันไปอยู่แล้ว
" อย่าเอามาเกี่ยวโยงกับการเมือง ไม่ว่าเรื่องอะไรทั้งสิ้น บอกแล้วว่าเรื่องนี้อยู่ในหัวใจคนไทยทุกคน ไม่ว่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ไม่มีฝักไม่มีฝ่าย เรื่องอย่างนี้ ขอให้เป็นเรื่องที่สังวรณ์ไว้ว่า ไม่ว่าสถาบันใด ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง อย่าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องที่ทำให้เกิดความรู้สึกกระทบกระเทือนหัวใจของคนไทยทุกคน ผมขอพูดรวมๆ อย่างนี้ก็แล้วกัน"
เมื่อถามว่าจะจับตาเรื่องวันที่ 1 พ.ย.นี้ ในรายการ"ความจริงวันนี้" ที่สนามราชมังคลากีฬาสถานหรือไม่ ซึ่งอาจจะมีการพูดจาพาดพิงสถาบันฯ นายสมชาย กล่าวว่า ใครก็ได้ ถ้าพูดจาอะไรผิดกฎหมาย บอกแล้วว่า ใครทำอะไรต้องรับผิดชอบ และเจ้าหน้าที่จะดูแลอย่างเคร่งครัด เมื่อถามว่า ในวันที่ 1 พ.ย. ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะส่งกำลังไปดูแลเพื่อป้องกันหากมีเหตุปะทะเกิดขึ้นหรือไม่ นายสมชายกล่าวว่า ก็ต้องดูแลกัน
**เตรียมจัด"รัฐบาลพบประชาชนสัญจร"
นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงข่าวภายหลังการประชุม ครม.ว่านายกฯ ได้เป็นประธานในที่ประชุมครม.ประมาณ 40 นาที ก่อนที่จะลงพื้นในจังหวัดภาคใต้ ทั้งนี้นายกฯ ได้ปรารภถึงข่าวคราวความห่วงใยของหลายฝ่าย ที่อาจจะหมิ่นสถาบันฯ บางฝ่ายตำหนิรัฐบาลว่าปล่อยปะละเลย นายกฯได้กำชับตำรวจ และกระทรวงทุกกระทรวงให้ดูแลอย่างใกล้ชิด และดำเนินการตามกฎหมายให้เด็ดขาด
นอกจากนี้ นายกฯได้พูดถึงรายการ"รัฐบาลพบประชาชน" ที่ได้ออกอากาศเป็นครั้งแรก โดยนายกฯบอกว่า ในสัปดาห์ต่อๆไป ขอให้แต่ละกระทรวงทยอยออกรายการ ซึ่งในรายการอาจจะมีการพูดมากกว่า 1 เรื่อง และอาจมีรองนากยฯ และรัฐมนตรีไปร่วมมากกว่า 1 ท่าน ทั้งนี้ทีมโฆษกรัฐบาลได้มีแนวคิดต่อไปคือ นอกจากจัดรายการสดในสถานีเอ็นบีที แล้วอาจจัดสัญจรในภูมิภาคต่างๆ และจะ เชิญประชาชนที่สนใจเข้าร่วมรับฟัง
**คดียังไม่ถึงที่สุดถอดยศ"แม้ว"ไม่ได้
พล.ต.ท.วัชรพล ประสารราชกิจ ผู้ช่วย ผบ.ตร.และ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงการดำเนินการถอดยศ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ภายหลังศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิพากษาลงโทษจำคุก เป็นเวลา 2 ปี ในคดีทุจริตซื้อที่ดินรัชดาฯว่า ในเรื่องการถอดยศ มีระเบียบสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งออกตาม พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2547 กำหนดไว้อย่างชัดเจน ครอบคลุมถึงข้าราชการตำรวจที่ยังอยู่ในตำแหน่ง และอดีตข้าราชการตำรวจ โดยมีขั้นตอน คือ กองวินัย และกองกำลังพล ต้องตรวจสอบข้อมูลว่า บุคคลใดเข้าข่ายองค์ประกอบที่จะต้องถูกถอดยศหรือไม่ หลังจากนั้นจึงเสนอให้ ตร.พิจารณา
"องค์ประกอบสำคัญ ที่เข้าข่ายที่จะถูกดำเนินการถอดยศ คือข้าราชการตำรวจผู้นั้น ต้องถูกศาลพิพากษาลงโทษจำคุก และคดีต้องถึงที่สุดแล้ว สำหรับกรณีของ พ.ต.ท.ทักษิณ ยังไม่ถือว่าคดีถึงที่สุด เพราะศาลยังเปิดโอกาสให้จำเลยสามารถนำพยานหลักฐานใหม่มายื่นต่อศาลได้ภายใน 30 วัน ซึ่งหลังจากคดีถึงที่สุดแล้ว หน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็จะต้องพิจารณาดำเนินการตามขั้นตอน ซึ่งจะต้องดำเนินการอย่างรอบคอบ เพราะกระบวนการถอดยศไม่ได้สิ้นสุดแค่ระดับ ตร. แต่ยังต้องเสนอโปรดเกล้าฯ ให้ถอดยศด้วย" พล.ต.ท.วัชรพล กล่าว
**สั่งเอาจริงเว็บไซต์หมิ่นสถาบันฯ
พล.ต.ท.วัชรพล ยังกล่าวถึงการดำเนินการคดีหมิ่นเบื้องสูงว่า พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร.ได้มีคำสั่งกำชับให้ทุกกองบัญชาการปฏิบัติไปแล้ว ซึ่งก่อนหน้านี้ก็มีการตั้งคณะกรรมการระดับกองบัญชาการกลั่นกรองเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว เพื่อให้การปฏิบัติงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และรายงานผลการดำเนินการมาทุก 15 วัน
ส่วนเรื่องที่ทาง กอ.รมน.ออกมาระบุว่า พื้นที่กทม. พบมีการหมิ่นฯอย่างชัดเจนนั้น ก็ต้องมีการตรวจสอบว่าคดีอะไร เราได้ดำเนินการอะไรไปบ้างแล้ว เพราะเมื่อคดีเหล่านี้ถึงมือตำรวจก็ต้องดำเนินการอย่างรอบคอบ
สำหรับการกระทำความผิดเกี่ยวกับการหมิ่นฯ ในเว็บไซต์ ก็มอบให้ทางสำนักงานสารสนเทศและการสื่อสาร (สทส.) เป็นผู้ดำเนินการ ซึ่งมีศูนย์ตรวจสอบและติดตามการกระทำผิดทางเทคโนโลยี (ศตท.) คอยติดตามการกระทำความผิดทางเว็บไซต์ต่างๆ อยู่แล้ว ที่ผ่านมาก็ได้มีการประสานกับทางกระทรวง ไอซีที อยู่ตลอด เช่น เว็บไซต์ฟ้าเดียวกัน หรือประชาไท ก็ได้มีการประสานทางกระทรวงไอซีที ทำการบล็อกแล้ว แต่ขั้นตอนของกระทรวงไอซีที ก็ต้องมีการร้องต่อศาล เพื่อทำการปิดหรือบล็อกเว็บไซต์นั้นๆ
"นอกจากจะประสานปิด หรือบล็อกเว็บไซต์แล้วเรื่องการดำเนินคดีทางอาญา เราก็ต้องดูไปตามพยานหลักฐาน ว่าจะดำเนินการได้หรือไม่ อย่างเช่น ข้อมูลในฮาร์ดดิสต์ต่างๆ กระบวนการต่างๆ จะต้องทำอย่างละเอียดรอบคอบ เพราะเป็นข้อหาที่ละเอียดอ่อน การดำเนินการตามกฎหมายบางครั้งอาจจะไม่ทันใจ แต่เราก็ทำอยู่ตลอด ทางกองบัญชาการตำรวจสันติบาลเองก็ได้ตั้งคณะทำงานขึ้นมาเพื่อติดตามการกระทำผิดในเรื่องนี้โดยเฉพาะ" โฆษกตร. กล่าว
**คดี"เจ๊เพ๊ญ"ต้องส่งกลับบช.ก.อีกครั้ง
ขณะที่คดีของนายจักรภพ เพ็ญแข อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ผู้ต้องหาคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพนั้น พล.ต.ท.วัชรพล กล่าวว่า ล่าสุดทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติให้พนักงานสอบสวนกองปราบปราม สอบพยานเพิ่มตามที่ผู้ต้องหาร้องขอมา เมื่อสอบพยานเสร็จเรียบร้อย ก็มีประเด็นว่า การให้การของพยานดังกล่าวอาจมีผลต่อความเห็นทางคดีที่ทางคณะกรรมการคดีหมิ่นฯ ของบช.ก.และคณะกรรมการคดีหมิ่นฯ ของตร. มีความเห็นไป พนักงานสอบสวนกองปราบปราบหลังจากสอบพยานเสร็จก็ต้องส่งเรื่องมายังคณะกรรมการคดีหมิ่นฯของบช.ก. มีความเห็นอีกครั้ง คณะกรรมการของบช.ก. ก็ต้องส่งเรื่องมายังคณะกรรมการคดีหมิ่นฯ และผบ.ตร. มีความเห็นอีกครั้งตามขั้นตอน ก่อนจะส่งสำนวนให้พนักงานสอบสวนเสนออัยการต่อไป ซึ่งกระบวนการต่างๆ ก็ต้องใช้ระยะเวลา
**สั่งบันทึกเสียง"ทักษิณ"โฟนอิน
พล.ต.ท.วัชรพล ยังกล่าวถึงกรณี พ.ต.ท.ทักษิณ จะมีการโฟนอินจากประเทศอังกฤษ มายังกลุ่ม นปช. ที่จะชุมนุมกันในสนามราชมังคลากีฬาสถาน ในวันที่ 1 พ.ย.นี้ว่า หน่วยงานที่เกี่ยวข้องใน ตร. และบช.น. มีการติดตามสถานการณ์วิเคราะห์กันอยู่ตลอด ส่วนการพูดของ พ.ต.ท.ทักษิณ นั้นตำรวจก็ต้องมีการบันทึกเสียงเอาไว้ หากมีอะไรเกิดขึ้นเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องเป็นผู้ดำเนินการสืบสวนสอบสวน ซึ่งการดำเนินคดีต่างๆ ที่เกิดขึ้น ต้องใช้พยานหลักฐานเป็นหลักและเป็นรูปธรรม
**เร่งตรวจสอบวิทยุชุมชนจาบจ้วง
พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว ผบช.น. กล่าวถึงกรณีเดียวกันว่า ได้กำชับทุกหน่วยงานในสังกัดเร่งดำเนินการ โดยให้ตรวจสอบสื่อมวลชนทุกแขนง และกลุ่มบุคคลต่างๆ ที่ออกมาปราศรัย โดยเฉพาะวิทยุชุมชน ให้ศูนย์สืบสวนกองบัญชาการตำรวจนครบาลจัดชุดเฝ้าระวัง หากพบมีข้อความหมิ่นเบื้องสูง จะดำเนินการตามกฎหมายทันที
นอกจากนี้ ตำรวจยังได้แจ้งข้อมูลเบาะแสบางส่วนจากประชาชนอยู่แล้ว ส่วนนี้ยืนยันว่า ตำรวจจะดำเนินคดีต่อทุกกลุ่มบุคคลที่มีการพาดพิงหมิ่นเบื้องสูง ไม่ว่าจะเป็นกลุ่ม นปช. หรือกลุ่มพันธมิตรฯ
**ไอซีทีขอ500 ล.ซื้อเครื่องบล็อกเว็บ
นายมั่น พัธโนทัย รมว.เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) กล่าวถึงเว็บไซต์ที่หมิ่นเบื้องสูงในขณะนี้ว่า ได้รายงานให้ ครม.รับทราบแล้ว แต่ไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ ซึ่งทุกคนทำงานอย่างเต็มที่ ทั้งฝ่ายข่าวกรอง และกระทรวงไอซีที แต่ก็มีปัญหาการเกิดขึ้นของเว็บไซต์ที่ไม่เหมาะสมขึ้นมาเรื่อยๆ ตลอด
"เบื้องต้นได้มีการหารือว่า จะมีการซื้อเครื่องมือบล็อกเกตเวย์ของเว็บไซต์ที่ไม่เหมาะสมจากต่างประเทศ ราคาสูงสุด ตั้งแต่ 500 ล้านบาท ถึง 100 ล้านบาท ที่สามารถบล็อกเว็บไซต์ทั้งเว็บก่อการร้าย และเว็บโป๊ต่างๆได้ แต่ขณะนี้จะเน้นในการบล็อคสัญญานเว็บไซต์ที่หมิ่นเบื้องสูงก่อน ซึ่งจะมีการหารือกับ ครม.ก่อนว่าจะตกลงซื้อเครื่องบล็อกสัญญานนี้หรือไม่ แต่ส่วนตัวตอนนี้ยอมรับว่า หนักใจมากในเรื่องนี้ เพราะยิ่งปราบ ก็ยิ่งเยอะ" รมว.ไอซีทีกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า จำเป็นต้องมีการตั้งคณะกรรมการทำงานขึ้นมาพิจารณาเรื่องนี้เป็นกรณีพิเศษหรือไม่ นายมั่น กล่าวว่า คงไม่ต้องถึงกับต้องตั้งเป็นคณะกรรมการ เพราะตั้งแต่วันที่นายกฯ มามอบนโยบาย เมื่อวันที่ 23 ต.ค.ที่ผ่านมา ทั้งกระทรวงไอซีที และฝ่ายข่าวกรอง ก็ได้ร่วมกันทำงานอย่างเต็มที่
เมื่อถามว่าสามารถเปิดเผยชื่อเว็บไซต์ ที่หมิ่นเบื้องสูงในขณะนี้ได้หรือไม่ นายมั่น กล่าวว่า คงเปิดเผยไม่ได้ ไม่เหมาะ เพราะยิ่งเปิดเผย ก็จะยิ่งเป็นการเผยแพร่ยิ่งขึ้นไปอีก
**ผบ.สส.ไม่ห่วงทักษิณโฟนอิน
พล.อ. ทรงกิตติ จักกาบาตร์ ผบ.สส. กล่าวว่า อยากขอร้องประชาชนทั่วไป เมื่อเราเกิดเป็นคนไทย สถาบันพระมหากษัตริย์ได้สร้างประเทศไทย และพระราชทานความเมตตา โดยเฉพาะพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่พระราชทานแนวทางการดำรงชีวิต สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ ทรงเป็นห่วงได้พระราชทานแนวทางการอนุรักษ์ดิน และน้ำ และพระราชทานวิชาชีพแก่ประชาชนในโครงการศิลปาชีพ ซึ่งเราที่มีสายเลือดความเป็นคนไทยต้องช่วยกันปกป้อง และไม่ดึงสถาบันกษัตริย์มาเกี่ยวข้องกับทางการเมือง
"อยากขอร้องว่าอย่าอ้างอิง หรือนำพระองค์ หรือสถาบันฯลงมา เราเทิดทูนไว้และปลูกฝังสิ่งนี้ไว้ กับตัวเรา และลูกหลานของเรา สิ่งนี้จะเป็นมาตรการที่ดีที่สุดของคนไทยทั้งชาติ และอยากขอให้พวกเราร่วมมือร่วมใจกัน ทำงานถวายพระองค์ท่าน เราจะไม่ลงรายละเอียดว่าใครจะมาจาบจ้วง เราจะมาพูดซ้ำแล้วซ้ำอีกไม่มีประโยชน์ สิ่งที่ทำได้ในเชิงสร้างสรรค์ ขอให้ทุกคนที่เป็นคนไทยทำในสิ่งที่ดี นึกถึงพระองค์ท่านที่เสียสละ สร้างสรรค์สิ่งที่ดีให้กับประเทศชาติ และประชาชนของพระองค์มาเป็นเวลาหลายสิบปี เราก็ควรจะแสดงความกตัญญู และความเป็นคนไทยแบบคนไทยจริงๆ ที่ต่างชาติเขาชื่นชม" พล.อ.ทรงกิตติ กล่าว
ส่วนกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นักโทษหนีคุก จะโฟนอิน ผ่านรายการความจริงวันนี้ ที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน ในวันที่ 1 พ.ย.นี้ พล.อ.ทรงกิตติ กล่าวว่า ไม่ห่วง และขณะนี้ยังไม่เกิดอะไร ซึ่งท่านอาจจะโทรศัพท์มาพูดคุยกับประชาชน ถือเป็นเรื่องธรรมดา หรืออาจจะพูดให้สามัคคีกัน และเสียสละเพื่อแผ่นดินก็ได้ และยังไม่ใช่ประเด็นที่เราจะไปคิดถึงตรงนั้น เรายังหวังในสิ่งที่ดี และช่วยกันปรับสิ่งที่ไม่ดีให้เป็นสิ่งที่ดี
**"ยังแพด"จี้ ผบ.ทบ.ปิดเว็บหมิ่น
เมื่อเวลา 14.30 น. วานนี้ ที่กองทัพบก กลุ่มเครือข่ายเยาวชนกู้ชาติ หรือกลุ่มยังแพด จำนวน 10 คน นำโดยนายวสันต์ วานิชย์ ผู้ประสานงานยังแพด เข้ายื่นจดหมายเปิดผนึก เรียกร้องให้ พล.อ. อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. ตรวจสอบ และดำเนินการต่อสื่อที่หมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์ โดยในจดหมายเปิดผนึกได้อ้างถึงรายชื่อเว็บไซต์ ที่หมิ่นสถาบัน คือ เว็บไซต์ www.prachatai.com และ www.sameskybook.org โดยเรียกร้องให้ทางผบ.ทบ. ดำเนินการปิดเว็บไซต์ดังกล่าว ซึ่งเป็นการปฏิบัติหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 77 และหากกองทัพบก ไม่สามารถดำเนินการได้ ทางกลุ่มยังแพด จะเข้ามาดำเนินการปิดเว็บไซต์ ดังกล่าวเอง
**นักวิชาการอิสระยื่นถอด"สมชาย"
นายสมคิด หอมเนตร นักวิชาการอิสระ ได้เดินทางมายื่นหนังสือถึง นายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธาน กกต. ผ่านนายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการ กกต. ขอให้ตรวจสอบคุณสมบัติ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี และน.ส.ชินณิชา วงศ์สวัสดิ์ ขัดต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 267 , 265 มาตรา 160 (6) อันเป็นเหตุให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสิ้นสุด เพราะขาดคุณสมบัติการเป็น ส.ส. ตามมาตรา 171 วรรคสอง ประกอบมาตรา 48 หรือไม่ โดยนำหลักฐานใหม่ ที่แตกต่างจากที่ นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ส.ว.สรรหา ได้ยื่นเรื่องร้องเรียนให้ กกต.ตรวจสอบคุณสมบัตินายสมชาย และน.ส.ชินณิชาก่อนหน้านี้ มาให้กกต. คือ เอกสารรายงานผลการประกอบการของ บริษัทเอ็มลิงค์ เอเชีย คอร์ปเรชั่น จำกัด (มหาชน) และหนังสือรับรองบริษัท เอ็มลิงค์ เอเชีย คอร์ปเนชั่น จำกัด (มหาชน)
นายสุทธิพล กล่าวว่า เรื่องร้องเรียนดังกล่าวเป็นกรณีเดียวกับที่นายเรืองไกร ยื่นให้ตรวจสอบคุณสมบัติ นายสมชาย และน.ส.ชินณิชา ก่อนหน้านี้ จึงจะนำเรื่องดังกล่าวบรรจุเข้าสู่ที่ประชุมกกต. เพื่อให้พิจารณาร่วมกัน
เมื่อถามว่าจะสั่งการ หรือดำเนินการทางกฎหมายเด็ดขาดหรือไม่ นายสมชาย กล่าวว่า สั่งไปตั้งเยอะแล้ว แต่เรื่องอย่างนี้เราต้องพยายามให้อยู่ในความรู้สึก ในจิตใจของเราทุกคน ใครมีเบาะแสอย่างไรที่ไม่ชอบมาพากล ก็ให้ดำเนินการกันไปอยู่แล้ว
" อย่าเอามาเกี่ยวโยงกับการเมือง ไม่ว่าเรื่องอะไรทั้งสิ้น บอกแล้วว่าเรื่องนี้อยู่ในหัวใจคนไทยทุกคน ไม่ว่าฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง ไม่มีฝักไม่มีฝ่าย เรื่องอย่างนี้ ขอให้เป็นเรื่องที่สังวรณ์ไว้ว่า ไม่ว่าสถาบันใด ฝ่ายใดฝ่ายหนึ่ง อย่าไปเกี่ยวข้องกับเรื่องที่ทำให้เกิดความรู้สึกกระทบกระเทือนหัวใจของคนไทยทุกคน ผมขอพูดรวมๆ อย่างนี้ก็แล้วกัน"
เมื่อถามว่าจะจับตาเรื่องวันที่ 1 พ.ย.นี้ ในรายการ"ความจริงวันนี้" ที่สนามราชมังคลากีฬาสถานหรือไม่ ซึ่งอาจจะมีการพูดจาพาดพิงสถาบันฯ นายสมชาย กล่าวว่า ใครก็ได้ ถ้าพูดจาอะไรผิดกฎหมาย บอกแล้วว่า ใครทำอะไรต้องรับผิดชอบ และเจ้าหน้าที่จะดูแลอย่างเคร่งครัด เมื่อถามว่า ในวันที่ 1 พ.ย. ทางเจ้าหน้าที่ตำรวจจะส่งกำลังไปดูแลเพื่อป้องกันหากมีเหตุปะทะเกิดขึ้นหรือไม่ นายสมชายกล่าวว่า ก็ต้องดูแลกัน
**เตรียมจัด"รัฐบาลพบประชาชนสัญจร"
นายณัฐวุฒิ ใสยเกื้อ โฆษกประจำสำนักนายกรัฐมนตรี แถลงข่าวภายหลังการประชุม ครม.ว่านายกฯ ได้เป็นประธานในที่ประชุมครม.ประมาณ 40 นาที ก่อนที่จะลงพื้นในจังหวัดภาคใต้ ทั้งนี้นายกฯ ได้ปรารภถึงข่าวคราวความห่วงใยของหลายฝ่าย ที่อาจจะหมิ่นสถาบันฯ บางฝ่ายตำหนิรัฐบาลว่าปล่อยปะละเลย นายกฯได้กำชับตำรวจ และกระทรวงทุกกระทรวงให้ดูแลอย่างใกล้ชิด และดำเนินการตามกฎหมายให้เด็ดขาด
นอกจากนี้ นายกฯได้พูดถึงรายการ"รัฐบาลพบประชาชน" ที่ได้ออกอากาศเป็นครั้งแรก โดยนายกฯบอกว่า ในสัปดาห์ต่อๆไป ขอให้แต่ละกระทรวงทยอยออกรายการ ซึ่งในรายการอาจจะมีการพูดมากกว่า 1 เรื่อง และอาจมีรองนากยฯ และรัฐมนตรีไปร่วมมากกว่า 1 ท่าน ทั้งนี้ทีมโฆษกรัฐบาลได้มีแนวคิดต่อไปคือ นอกจากจัดรายการสดในสถานีเอ็นบีที แล้วอาจจัดสัญจรในภูมิภาคต่างๆ และจะ เชิญประชาชนที่สนใจเข้าร่วมรับฟัง
**คดียังไม่ถึงที่สุดถอดยศ"แม้ว"ไม่ได้
พล.ต.ท.วัชรพล ประสารราชกิจ ผู้ช่วย ผบ.ตร.และ โฆษกสำนักงานตำรวจแห่งชาติ กล่าวถึงการดำเนินการถอดยศ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร ภายหลังศาลฎีกาแผนกคดีอาญาของผู้ดำรงตำแหน่งทางการเมือง พิพากษาลงโทษจำคุก เป็นเวลา 2 ปี ในคดีทุจริตซื้อที่ดินรัชดาฯว่า ในเรื่องการถอดยศ มีระเบียบสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ซึ่งออกตาม พ.ร.บ.ตำรวจแห่งชาติ พ.ศ.2547 กำหนดไว้อย่างชัดเจน ครอบคลุมถึงข้าราชการตำรวจที่ยังอยู่ในตำแหน่ง และอดีตข้าราชการตำรวจ โดยมีขั้นตอน คือ กองวินัย และกองกำลังพล ต้องตรวจสอบข้อมูลว่า บุคคลใดเข้าข่ายองค์ประกอบที่จะต้องถูกถอดยศหรือไม่ หลังจากนั้นจึงเสนอให้ ตร.พิจารณา
"องค์ประกอบสำคัญ ที่เข้าข่ายที่จะถูกดำเนินการถอดยศ คือข้าราชการตำรวจผู้นั้น ต้องถูกศาลพิพากษาลงโทษจำคุก และคดีต้องถึงที่สุดแล้ว สำหรับกรณีของ พ.ต.ท.ทักษิณ ยังไม่ถือว่าคดีถึงที่สุด เพราะศาลยังเปิดโอกาสให้จำเลยสามารถนำพยานหลักฐานใหม่มายื่นต่อศาลได้ภายใน 30 วัน ซึ่งหลังจากคดีถึงที่สุดแล้ว หน่วยงานที่เกี่ยวข้องก็จะต้องพิจารณาดำเนินการตามขั้นตอน ซึ่งจะต้องดำเนินการอย่างรอบคอบ เพราะกระบวนการถอดยศไม่ได้สิ้นสุดแค่ระดับ ตร. แต่ยังต้องเสนอโปรดเกล้าฯ ให้ถอดยศด้วย" พล.ต.ท.วัชรพล กล่าว
**สั่งเอาจริงเว็บไซต์หมิ่นสถาบันฯ
พล.ต.ท.วัชรพล ยังกล่าวถึงการดำเนินการคดีหมิ่นเบื้องสูงว่า พล.ต.อ.พัชรวาท วงษ์สุวรรณ ผบ.ตร.ได้มีคำสั่งกำชับให้ทุกกองบัญชาการปฏิบัติไปแล้ว ซึ่งก่อนหน้านี้ก็มีการตั้งคณะกรรมการระดับกองบัญชาการกลั่นกรองเกี่ยวกับเรื่องดังกล่าว เพื่อให้การปฏิบัติงานเป็นไปอย่างมีประสิทธิภาพ และรายงานผลการดำเนินการมาทุก 15 วัน
ส่วนเรื่องที่ทาง กอ.รมน.ออกมาระบุว่า พื้นที่กทม. พบมีการหมิ่นฯอย่างชัดเจนนั้น ก็ต้องมีการตรวจสอบว่าคดีอะไร เราได้ดำเนินการอะไรไปบ้างแล้ว เพราะเมื่อคดีเหล่านี้ถึงมือตำรวจก็ต้องดำเนินการอย่างรอบคอบ
สำหรับการกระทำความผิดเกี่ยวกับการหมิ่นฯ ในเว็บไซต์ ก็มอบให้ทางสำนักงานสารสนเทศและการสื่อสาร (สทส.) เป็นผู้ดำเนินการ ซึ่งมีศูนย์ตรวจสอบและติดตามการกระทำผิดทางเทคโนโลยี (ศตท.) คอยติดตามการกระทำความผิดทางเว็บไซต์ต่างๆ อยู่แล้ว ที่ผ่านมาก็ได้มีการประสานกับทางกระทรวง ไอซีที อยู่ตลอด เช่น เว็บไซต์ฟ้าเดียวกัน หรือประชาไท ก็ได้มีการประสานทางกระทรวงไอซีที ทำการบล็อกแล้ว แต่ขั้นตอนของกระทรวงไอซีที ก็ต้องมีการร้องต่อศาล เพื่อทำการปิดหรือบล็อกเว็บไซต์นั้นๆ
"นอกจากจะประสานปิด หรือบล็อกเว็บไซต์แล้วเรื่องการดำเนินคดีทางอาญา เราก็ต้องดูไปตามพยานหลักฐาน ว่าจะดำเนินการได้หรือไม่ อย่างเช่น ข้อมูลในฮาร์ดดิสต์ต่างๆ กระบวนการต่างๆ จะต้องทำอย่างละเอียดรอบคอบ เพราะเป็นข้อหาที่ละเอียดอ่อน การดำเนินการตามกฎหมายบางครั้งอาจจะไม่ทันใจ แต่เราก็ทำอยู่ตลอด ทางกองบัญชาการตำรวจสันติบาลเองก็ได้ตั้งคณะทำงานขึ้นมาเพื่อติดตามการกระทำผิดในเรื่องนี้โดยเฉพาะ" โฆษกตร. กล่าว
**คดี"เจ๊เพ๊ญ"ต้องส่งกลับบช.ก.อีกครั้ง
ขณะที่คดีของนายจักรภพ เพ็ญแข อดีตรัฐมนตรีประจำสำนักนายกรัฐมนตรี ผู้ต้องหาคดีหมิ่นพระบรมเดชานุภาพนั้น พล.ต.ท.วัชรพล กล่าวว่า ล่าสุดทางสำนักงานตำรวจแห่งชาติให้พนักงานสอบสวนกองปราบปราม สอบพยานเพิ่มตามที่ผู้ต้องหาร้องขอมา เมื่อสอบพยานเสร็จเรียบร้อย ก็มีประเด็นว่า การให้การของพยานดังกล่าวอาจมีผลต่อความเห็นทางคดีที่ทางคณะกรรมการคดีหมิ่นฯ ของบช.ก.และคณะกรรมการคดีหมิ่นฯ ของตร. มีความเห็นไป พนักงานสอบสวนกองปราบปราบหลังจากสอบพยานเสร็จก็ต้องส่งเรื่องมายังคณะกรรมการคดีหมิ่นฯของบช.ก. มีความเห็นอีกครั้ง คณะกรรมการของบช.ก. ก็ต้องส่งเรื่องมายังคณะกรรมการคดีหมิ่นฯ และผบ.ตร. มีความเห็นอีกครั้งตามขั้นตอน ก่อนจะส่งสำนวนให้พนักงานสอบสวนเสนออัยการต่อไป ซึ่งกระบวนการต่างๆ ก็ต้องใช้ระยะเวลา
**สั่งบันทึกเสียง"ทักษิณ"โฟนอิน
พล.ต.ท.วัชรพล ยังกล่าวถึงกรณี พ.ต.ท.ทักษิณ จะมีการโฟนอินจากประเทศอังกฤษ มายังกลุ่ม นปช. ที่จะชุมนุมกันในสนามราชมังคลากีฬาสถาน ในวันที่ 1 พ.ย.นี้ว่า หน่วยงานที่เกี่ยวข้องใน ตร. และบช.น. มีการติดตามสถานการณ์วิเคราะห์กันอยู่ตลอด ส่วนการพูดของ พ.ต.ท.ทักษิณ นั้นตำรวจก็ต้องมีการบันทึกเสียงเอาไว้ หากมีอะไรเกิดขึ้นเจ้าหน้าที่ตำรวจต้องเป็นผู้ดำเนินการสืบสวนสอบสวน ซึ่งการดำเนินคดีต่างๆ ที่เกิดขึ้น ต้องใช้พยานหลักฐานเป็นหลักและเป็นรูปธรรม
**เร่งตรวจสอบวิทยุชุมชนจาบจ้วง
พล.ต.ท.สุชาติ เหมือนแก้ว ผบช.น. กล่าวถึงกรณีเดียวกันว่า ได้กำชับทุกหน่วยงานในสังกัดเร่งดำเนินการ โดยให้ตรวจสอบสื่อมวลชนทุกแขนง และกลุ่มบุคคลต่างๆ ที่ออกมาปราศรัย โดยเฉพาะวิทยุชุมชน ให้ศูนย์สืบสวนกองบัญชาการตำรวจนครบาลจัดชุดเฝ้าระวัง หากพบมีข้อความหมิ่นเบื้องสูง จะดำเนินการตามกฎหมายทันที
นอกจากนี้ ตำรวจยังได้แจ้งข้อมูลเบาะแสบางส่วนจากประชาชนอยู่แล้ว ส่วนนี้ยืนยันว่า ตำรวจจะดำเนินคดีต่อทุกกลุ่มบุคคลที่มีการพาดพิงหมิ่นเบื้องสูง ไม่ว่าจะเป็นกลุ่ม นปช. หรือกลุ่มพันธมิตรฯ
**ไอซีทีขอ500 ล.ซื้อเครื่องบล็อกเว็บ
นายมั่น พัธโนทัย รมว.เทคโนโลยีสารสนเทศและการสื่อสาร (ไอซีที) กล่าวถึงเว็บไซต์ที่หมิ่นเบื้องสูงในขณะนี้ว่า ได้รายงานให้ ครม.รับทราบแล้ว แต่ไม่สามารถเปิดเผยรายละเอียดได้ ซึ่งทุกคนทำงานอย่างเต็มที่ ทั้งฝ่ายข่าวกรอง และกระทรวงไอซีที แต่ก็มีปัญหาการเกิดขึ้นของเว็บไซต์ที่ไม่เหมาะสมขึ้นมาเรื่อยๆ ตลอด
"เบื้องต้นได้มีการหารือว่า จะมีการซื้อเครื่องมือบล็อกเกตเวย์ของเว็บไซต์ที่ไม่เหมาะสมจากต่างประเทศ ราคาสูงสุด ตั้งแต่ 500 ล้านบาท ถึง 100 ล้านบาท ที่สามารถบล็อกเว็บไซต์ทั้งเว็บก่อการร้าย และเว็บโป๊ต่างๆได้ แต่ขณะนี้จะเน้นในการบล็อคสัญญานเว็บไซต์ที่หมิ่นเบื้องสูงก่อน ซึ่งจะมีการหารือกับ ครม.ก่อนว่าจะตกลงซื้อเครื่องบล็อกสัญญานนี้หรือไม่ แต่ส่วนตัวตอนนี้ยอมรับว่า หนักใจมากในเรื่องนี้ เพราะยิ่งปราบ ก็ยิ่งเยอะ" รมว.ไอซีทีกล่าว
ผู้สื่อข่าวถามว่า จำเป็นต้องมีการตั้งคณะกรรมการทำงานขึ้นมาพิจารณาเรื่องนี้เป็นกรณีพิเศษหรือไม่ นายมั่น กล่าวว่า คงไม่ต้องถึงกับต้องตั้งเป็นคณะกรรมการ เพราะตั้งแต่วันที่นายกฯ มามอบนโยบาย เมื่อวันที่ 23 ต.ค.ที่ผ่านมา ทั้งกระทรวงไอซีที และฝ่ายข่าวกรอง ก็ได้ร่วมกันทำงานอย่างเต็มที่
เมื่อถามว่าสามารถเปิดเผยชื่อเว็บไซต์ ที่หมิ่นเบื้องสูงในขณะนี้ได้หรือไม่ นายมั่น กล่าวว่า คงเปิดเผยไม่ได้ ไม่เหมาะ เพราะยิ่งเปิดเผย ก็จะยิ่งเป็นการเผยแพร่ยิ่งขึ้นไปอีก
**ผบ.สส.ไม่ห่วงทักษิณโฟนอิน
พล.อ. ทรงกิตติ จักกาบาตร์ ผบ.สส. กล่าวว่า อยากขอร้องประชาชนทั่วไป เมื่อเราเกิดเป็นคนไทย สถาบันพระมหากษัตริย์ได้สร้างประเทศไทย และพระราชทานความเมตตา โดยเฉพาะพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัว ที่พระราชทานแนวทางการดำรงชีวิต สมเด็จพระนางเจ้าพระบรมราชินีนาถ ทรงเป็นห่วงได้พระราชทานแนวทางการอนุรักษ์ดิน และน้ำ และพระราชทานวิชาชีพแก่ประชาชนในโครงการศิลปาชีพ ซึ่งเราที่มีสายเลือดความเป็นคนไทยต้องช่วยกันปกป้อง และไม่ดึงสถาบันกษัตริย์มาเกี่ยวข้องกับทางการเมือง
"อยากขอร้องว่าอย่าอ้างอิง หรือนำพระองค์ หรือสถาบันฯลงมา เราเทิดทูนไว้และปลูกฝังสิ่งนี้ไว้ กับตัวเรา และลูกหลานของเรา สิ่งนี้จะเป็นมาตรการที่ดีที่สุดของคนไทยทั้งชาติ และอยากขอให้พวกเราร่วมมือร่วมใจกัน ทำงานถวายพระองค์ท่าน เราจะไม่ลงรายละเอียดว่าใครจะมาจาบจ้วง เราจะมาพูดซ้ำแล้วซ้ำอีกไม่มีประโยชน์ สิ่งที่ทำได้ในเชิงสร้างสรรค์ ขอให้ทุกคนที่เป็นคนไทยทำในสิ่งที่ดี นึกถึงพระองค์ท่านที่เสียสละ สร้างสรรค์สิ่งที่ดีให้กับประเทศชาติ และประชาชนของพระองค์มาเป็นเวลาหลายสิบปี เราก็ควรจะแสดงความกตัญญู และความเป็นคนไทยแบบคนไทยจริงๆ ที่ต่างชาติเขาชื่นชม" พล.อ.ทรงกิตติ กล่าว
ส่วนกรณีที่ พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นักโทษหนีคุก จะโฟนอิน ผ่านรายการความจริงวันนี้ ที่สนามราชมังคลากีฬาสถาน ในวันที่ 1 พ.ย.นี้ พล.อ.ทรงกิตติ กล่าวว่า ไม่ห่วง และขณะนี้ยังไม่เกิดอะไร ซึ่งท่านอาจจะโทรศัพท์มาพูดคุยกับประชาชน ถือเป็นเรื่องธรรมดา หรืออาจจะพูดให้สามัคคีกัน และเสียสละเพื่อแผ่นดินก็ได้ และยังไม่ใช่ประเด็นที่เราจะไปคิดถึงตรงนั้น เรายังหวังในสิ่งที่ดี และช่วยกันปรับสิ่งที่ไม่ดีให้เป็นสิ่งที่ดี
**"ยังแพด"จี้ ผบ.ทบ.ปิดเว็บหมิ่น
เมื่อเวลา 14.30 น. วานนี้ ที่กองทัพบก กลุ่มเครือข่ายเยาวชนกู้ชาติ หรือกลุ่มยังแพด จำนวน 10 คน นำโดยนายวสันต์ วานิชย์ ผู้ประสานงานยังแพด เข้ายื่นจดหมายเปิดผนึก เรียกร้องให้ พล.อ. อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. ตรวจสอบ และดำเนินการต่อสื่อที่หมิ่นสถาบันพระมหากษัตริย์ โดยในจดหมายเปิดผนึกได้อ้างถึงรายชื่อเว็บไซต์ ที่หมิ่นสถาบัน คือ เว็บไซต์ www.prachatai.com และ www.sameskybook.org โดยเรียกร้องให้ทางผบ.ทบ. ดำเนินการปิดเว็บไซต์ดังกล่าว ซึ่งเป็นการปฏิบัติหน้าที่ตามรัฐธรรมนูญ มาตรา 77 และหากกองทัพบก ไม่สามารถดำเนินการได้ ทางกลุ่มยังแพด จะเข้ามาดำเนินการปิดเว็บไซต์ ดังกล่าวเอง
**นักวิชาการอิสระยื่นถอด"สมชาย"
นายสมคิด หอมเนตร นักวิชาการอิสระ ได้เดินทางมายื่นหนังสือถึง นายอภิชาต สุขัคคานนท์ ประธาน กกต. ผ่านนายสุทธิพล ทวีชัยการ เลขาธิการ กกต. ขอให้ตรวจสอบคุณสมบัติ นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี และน.ส.ชินณิชา วงศ์สวัสดิ์ ขัดต่อรัฐธรรมนูญ มาตรา 267 , 265 มาตรา 160 (6) อันเป็นเหตุให้สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรสิ้นสุด เพราะขาดคุณสมบัติการเป็น ส.ส. ตามมาตรา 171 วรรคสอง ประกอบมาตรา 48 หรือไม่ โดยนำหลักฐานใหม่ ที่แตกต่างจากที่ นายเรืองไกร ลีกิจวัฒนะ ส.ว.สรรหา ได้ยื่นเรื่องร้องเรียนให้ กกต.ตรวจสอบคุณสมบัตินายสมชาย และน.ส.ชินณิชาก่อนหน้านี้ มาให้กกต. คือ เอกสารรายงานผลการประกอบการของ บริษัทเอ็มลิงค์ เอเชีย คอร์ปเรชั่น จำกัด (มหาชน) และหนังสือรับรองบริษัท เอ็มลิงค์ เอเชีย คอร์ปเนชั่น จำกัด (มหาชน)
นายสุทธิพล กล่าวว่า เรื่องร้องเรียนดังกล่าวเป็นกรณีเดียวกับที่นายเรืองไกร ยื่นให้ตรวจสอบคุณสมบัติ นายสมชาย และน.ส.ชินณิชา ก่อนหน้านี้ จึงจะนำเรื่องดังกล่าวบรรจุเข้าสู่ที่ประชุมกกต. เพื่อให้พิจารณาร่วมกัน