ผู้จัดการออนไลน์ - “สมเกียรติ” วิเคราะห์มือมืดโยนระเบิดตุลาการศาลปกครอง-ศาลรัฐธรรมนูญ-พันธมิตรฯ 3 ครั้งซ้อนมีที่มาเชื่อมโยงกัน เพราะล้วนแล้วแต่ขัดใจระบอบทักษิณ ระบุเวลาเกิดเหตุร้ายกลับไม่เห็นหัว “พวกสานเสวนา” ชี้ชัดเก่งแต่อยู่ในรู จี้ “บิ๊กจิ๋ว” แฉกลับ “สมชาย” หลังถูกโยนรับผิดชอบเหตุ 7 ต.ค. ผิดหวังทหารไม่แยแสชีวิตประชาชน
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ปราศรัย
วานนี้ (30 ต.ค.) เมื่อเวลา 23.00 น. นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย ขึ้นเวทีทำเนียบรัฐบาล ด้วยน้ำเสียงที่แหบแห้ง โดยเล่าว่าเมื่อวันที่ 29 ต.ค. ตนและคณะได้เดินทางไปปราศรัยที่ จ.นครราชสีมา โดยได้รับเสียงตอบรับจากประชาชนท้องถิ่นเป็นอย่างดีมาก เพราะมีผู้ร่วมฟังการปราศรัยประมาณ 5,000 คน ทั้งยังมีผู้ส่งเงินบริจาคผ่านตนมาอีกนับแสนบาท ขณะที่ในช่วงสายวานนี้ก็ได้เดินทางพร้อมคณะพันธมิตรฯ หลายหมื่นคนเพื่อไปยื่นหนังสือต่อสถานทูตอังกฤษ เรียกร้องให้รัฐบาลประเทศอังกฤษ ส่งตัว พ.ต.ท.ทักษิณ ชินวัตร นายกรัฐมนตรี และภรรยากลับมารับโทษในประเทศไทย จากนั้นจึงเดินทางต่อไปยังเอ็มโพเรียมซึ่งก็ได้รับการตอบรับจากประชาชนเป็นอย่างดี
วิเคราะห์เหตุบึ้ม บ้านศาล-พันธมิตรฯ
ต่อมา นายสมเกียรติได้กล่าววิเคราะห์ถึงเหตุการณ์ความรุนแรงในช่วงสองสัปดาห์ที่ผ่านมาที่มีการโยนระเบิด 3 ลูก ใส่บ้านพักนายอักขราทร จุฬารัตน ประธานศาลปกครองสูงสุด นายจรัญ ภักดีธนากุล อดีตปลัดกระทรวงยุติธรรมและตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ รวมถึงบริเวณที่ชุมนุมของกลุ่มพันธมิตรฯ บริเวณสะพานมัฆวานฯ ในช่วงเช้ามืดของวันที่ 30 ต.ค. จนก่อให้เกิดความเสียหายแก่ทรัพย์สินและมีผู้ได้รับบาดเจ็บเป็นจำนวนมาก โดยระบุว่าการโยนระเบิดใส่บ้านพักของนายอักขราทร ซึ่งเหตุเกิดขึ้นในช่วงคืนวันที่ 20 ต่อ 21 ต.ค. นั้นน่าจะมีสาเหตุมาจากการที่ศาลปกครองมีคำสั่งให้ตำรวจห้ามใช้ความรุนแรงในการเข้าสลายกลุ่มพันธมิตรฯ นั่นเอง
“เรื่องนี้เป็นเรื่องใหญ่มาก เมื่อรัฐตำรวจชั่วไม่สามารถใช้ความรุนแรงสลายการชุมนุมได้ ตำรวจก็ต้องกลายเป็นตำรวจนอกเครื่องแบบในยามกลางวันก็เลิกปฏิบัติการ มาในยามวิกาลแทน แล้วตำรวจพวกนี้ก็วางแผนกับกลุ่มอันธพาลทางการเมือง เพราะศาลสั่งห้ามสลายการชุมนุม” นายสมเกียรติกล่าว
ส่วนกรณีที่มีการโยนระเบิดใส่บ้านพัก นายจรัญ ตุลาการศาลรัฐธรรมนูญ เมื่อกลางดึกของคืนวันที่ 29 ต่อ 30 ตุลาคมที่ผ่านมา นายสมเกียรติวิเคราะห์ว่า ในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมาเครือข่ายของระบอบทักษิณ ใช้คนโจมตี เพื่อลดความน่าเชื่อถือของ นายจรัญมาตลอดผ่านทางโทรทัศน์และวิทยุของรัฐ ในเครือข่ายของกรมประชาสัมพันธ์
“สาเหตุที่ต้องโยนระเบิดมาใส่ตุลาการคนนี้ ก็เพราะมีตุลาการคนเดียวที่กล้าสวนหมัดกับระบอบทักษิณ ตุลาการท่านนี้ถือว่าเป็นนักกฎหมายที่เรียนเก่งลำดับต้นๆ ของประเทศ ขณะที่ยังหนุ่มอยู่เป็นถึงศาสตราจารย์ทางกฎหมาย และถือว่าเป็นมือกระบี่ของวงการตุลาการ” นายสมเกียรติระบุ
พร้อมกันนั้นได้กล่าวย้อนไปในอดีตด้วยว่า หลังการเลือกตั้งอัปยศเมื่อวันที่ 2 เมษายน 2549 ที่ พรรคไทยรักไทยไปจ้างวานพรรคการเมืองเล็กต่างๆ ลงเลือกตั้งเพื่อกระทำการทุจริต และพระบาทสมเด็จพระเจ้าอยู่หัวก็มีกระแสพระราชดำรัสต่อตุลาการเมื่อวันที่ 25 เมษายน และเป็นนายจรัญคนนี้เอง ซึ่งขณะนั้นดำรงตำแหน่งเลขาธิการประธานศาลฎีกาที่ออกมากล่าวว่า “ศาลพึ่งได้ ให้รอฟังคำพิพากษา ซึ่งกำลังทยอยมาๆ เป็นระยะ”
ถามหาแนวร่วม “สานเสวนา” อยู่หนใด
จากนั้น นายสมเกียรติกล่าวถึงบรรดานักวิชาการและคนกลุ่มหนึ่งที่ในช่วงนี้ออกมาแสดงความเห็นต่อสถานการณ์อย่างหนาหูว่า บุคคลกลุ่มนี้เป็น “มนุษย์พันธุ์รู” ที่ขณะไม่มีสถานการณ์หรือประชาชนใกล้ได้รับชัยชนะก็จะรีบออกมาส่งเสียง หรือ แสดงความเห็น ทว่าเมื่อเหตุการณ์ความรุนแรงคนกลุ่มนี้จะเงียบเสียง ไม่ออกมาสู้หรือยืนเคียงข้างประชาชน โดยสังเกตได้จากเหตุการณ์เมื่อช่วงเช้าตรู่เมื่อวันพฤหัสบดี (30) ที่ผ่านมาที่เกิดเหตุโยนระเบิดใส่บ้านพักนายจรัญ และ โยนระเบิดใส่การ์ดพันธมิตรฯ จนทำให้มีผู้ได้รับบาดเจ็บว่าสิบคน แต่กลับไม่มีคนกลุ่มนี้ออกมาเรียกร้องไม่ให้ใช้ความรุนแรง ประณามการใช้ความรุนแรง หรือ เรียกร้องให้รัฐบาลออกมาปกป้องประชาชนแม้แต่คนเดียว
“เดี๋ยวพวกนี้ก็จะขึ้นมาอีก โผล่หน้ามาสั่งสอนประชาชน แล้วก็จะลงไป ขึ้นมา อยู่อย่างนี้” นายสมเกียรติกล่าว พร้อมกล่าวโยงไปถึง คนกลุ่มหนึ่งที่ระบุว่าตัวเองเป็น “ของแท้” ด้วยว่า อาจจะเป็นพวก “ของแท้” ที่รับเงินจากระบอบทักษิณแท้ๆ ก็ได้
จี้ “บิ๊กจิ๋ว” แฉกลับ “สมชาย”
ต่อมานายสมเกียรติที่มีสถานะเป็น ส.ส.พรรคประชาธิปัตย์ ด้วย ได้กล่าวด้วยว่า วานนี้ในการประชุมสภาผู้แทนราษฎร มีการพิจารณากระทู้ถามสดตามวาระเป็นกระทู้ของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์ ที่ตั้งกระทู้ถามสดนายกรัฐมนตรี เรื่อง บทบาทและความรับผิดชอบของนายกรัฐมนตรีต่อเหตุการณ์เมื่อวันที่ 7 ต.ค. 2551 โดยนายอภิสิทธิ์ได้ตั้งกระทู้สดถามหา “สำนึกความเป็นผู้นำ” ต่อเหตุการณ์ 7 ตุลาฯ แต่นายสมชายได้โยนความผิดให้กับ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ อดีตรองนายกรัฐมนตรีแทน (อ่านข่าว - จับ “ชาย” ขึงพืด กระตุกสำนึกมนุษยธรรม “7 ตุลาทมิฬ”)
“บิ๊กจิ๋วคนที่แฉขบวนการล้มปืน ล้มทุน ล้มเจ้า ต้องออกมาตอบโต้สมชายเพราะเขาโยนบาปว่า บิ๊กจิ๋วคือฆาตกรมือเปื้อนเลือด นายทหารอย่างคุณต้องชี้แจง” นายสมเกียรติกล่าว พร้อมกันนั้นได้เรียกร้องให้ พล.อ.ชวลิต ออกมาเปิดเผยด้วยว่า ในวันเกิดเหตุตำรวจฆ่าประชาชน 7 ต.ค. นายตำรวจคนสนิทของ พล.อ.ชวลิต ที่ชื่อ พล.ต.ต.สุรพงษ์ ศิริภักดี ผู้บังคับการประจำสำนักงานตำรวจแห่งชาติ ใส่ชุดนอกเครื่องแบบไปป้วนเปี้ยนอยู่บริเวณรัฐสภาดูตำรวจฆ่าประชาชน เพื่อทำอะไร
ส่วนเหตุการณ์ปาระเบิดใส่กลุ่มพันธมิตรฯ ณ สะพานมัฆวาน ในช่วงเช้ามืดของวันที่ 30 ต.ค. นายสมเกียรติได้กล่าวประณาม พล.อ.อนุพงษ์ เผ่าจินดา ผบ.ทบ. ที่ไม่ออกมาปกป้องประชาชนแม้แต่น้อย แม้จะเกิดเหตุการณ์ทำร้ายประชาชนกลุ่มพันธมิตรฯ มาอย่างต่อเนื่องตั้งแต่วันที่ 24 ก.ค. ที่ จ.อุดรธานี เรื่อยมาจนถึง เหตุการณ์ 7 ตุลาเลือดที่มีผู้เสียชีวิต 2 คน และได้รับบาดเจ็บมากกว่า 400 คน และเหตุการณ์ล่าสุด เช้ามืดวานนี้ โดยระบุว่า กลุ่มพันธมิตรฯ โดย พล.อ.ปรีชา เอี่ยมสุพรรณ ได้ทำจดหมาย ถึงกองทัพบกเพื่อขอสารวัตรทหารให้มาช่วยดูแลความปลอดภัยของประชาชนหลายครั้งแล้ว แต่กลับไม่ได้รับความสนใจ จากนายทหารระดับสูงคนดังกล่าว ซึ่งต้องถือว่า “ใจดำ” อย่างมาก
อย่างไรก็ตาม นายสมเกียรติยืนยันว่า ตนกล่าวถึงทหารแต่เพียงบางคนเท่านั้น ไม่ได้วิจารณ์ทหารในภาพรวมทั้งหมด เพราะในช่วงหลายเดือนที่ผ่านมา เวทีพันธมิตรฯ ก็ได้กล่าวชื่นชมทหารอยู่บ่อยครั้ง