ผู้จัดการออนไลน์ – สมเกียรติ เปิดผลสอบสวนกรรมการสิทธิฯ ฉบับ 2 จี้ “สมชาย-ชวลิต” รับผิด กรณีสั่งฆ่าประชาชน 7 ตุลาฯ อัด “สมชาย” เป็นอดีตผู้พิพากษาที่ใช้เป็นแต่อำนาจตัดสินผู้อื่น พอถึงคราวตัวเองกลับ “ตาขาว-ปอดแหก” ไม่กล้าชี้แจง กมธ.สภา อัดสื่อชั่วไร้คุณธรรม ส่งกำลังใจกัปตันจักรี-พันธมิตรบินไทย ประกาศพร้อมดาวกระจายไปเช็คบิลผู้บริหารทาสนักการเมือง
คลิกที่นี่ เพื่อฟัง นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ ปราศรัย
วานนี้ (28 ต.ค.) นายสมเกียรติ พงษ์ไพบูลย์ แกนนำพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตย และ สมาชิกสภาผู้แทนราษฎรแบบสัดส่วนจากพรรคประชาธิปัตย์ ได้ขึ้นปราศรัย ณ เวทีทำเนียบรัฐบาล โดยกล่าวถึงการประชุมรัฐสภาวานนี้ที่มีการนำเรื่องปัญหาชายแดนไทย-กัมพูชา เข้าพิจารณาด้วย โดยนายสมเกียรติ กล่าวถึงการอภิปรายในสภาของนายอภิสิทธิ์ เวชชาชีวะ หัวหน้าพรรคประชาธิปัตย์และผู้นำฝ่ายค้านที่เรียกร้องให้รัฐบาลถอนแผนที่แนบท้ายในการเจรจาปัญหาเขาพระวิหารออก เพราะเกรงว่า “มรดกโลก” จะกลายเป็น “มรดกเลือด”
พร้อมระบุว่า นายอภิสิทธิ์ยังยืนยันด้วยว่าในการเจรจากับกัมพูชา รัฐบาลไทยต้องยึดผลประโยชน์ของชาติเป็นสำคัญ มิใช่ปกป้องความผิดของรัฐมนตรีในอดีตที่กระทำผิดรัฐธรรมนูญด้วกยารไปลงนามในแถลงการณ์ร่วมไทย-กัมพูชา ซึ่งในที่สุดก็ประสบผลสำเร็จ
“นายสมพงษ์ อมรวิวัฒน์ รมว.ต่างประเทศ ก็ยอมถอนแผนที่ออกโดยไม่มีข้อโต้แย้งใดๆ ภาษาการเมืองเขาเรียกว่า หน้าแตกยอมถอนเรื่องการปักปันเขตแดนระหว่างไทยกับกัมพูชาออก” นายสมเกียรติ กล่าว
เปิดผล กก.สิทธิฉบับ 2 จี้ “นายกฯ” รับผิด
ต่อมา นายสมเกียรติ ได้กล่าวถึงข่าวที่คณะอนุกรรมการของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติได้สรุปผลการตรวจสอบการสลายการชุมนุมด้านการตรวจพิสูจน์ทางนิติเวช และนิติวิทยาศาสตร์ จำนวน 8 หน้า โดยตอนหนึ่งสรุปว่า ผู้ที่จะต้องรับผิดชอบต่อการสลายฝูงชน จนเป็นเหตุให้ประชาชนได้รับบาดเจ็บและเสียชีวิต พิจารณาแล้ว จากการให้ถ้อยคำของเจ้าหน้าที่ระดับสูงที่ได้ให้ถ้อยคำต่อคณะอนุกรรมการฯ เห็นว่า นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี และ พล.อ.ชวลิต ยงใจยุทธ รองนายกรัฐมนตรี เป็นผู้สั่งการให้สำนักงานตำรวจแห่งชาติ ใช้กำลังเข้าสลายการชุมนุม จนเป็นเหตุให้ประชาชนและเจ้าหน้าที่ตำรวจได้รับบาดเจ็บ บาดเจ็บสาหัส และมีประชาชนเสียชีวิต (อ่านข่าว : สรุป 7 ตุลาทมิฬ “ชาย-จิ๋ว” ตัวการสั่ง ตร.เข่นฆ่าประชาชน)
“คณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ ที่มีอำนาจ เนื่องจากเป็นองค์กรสูงสุดตามรัฐธรรมนูญ ตามมาตรา 257 สรุปว่า คนสั่งล้อมปราบและฆ่าประชาชนชื่อ สมชาย กับชวลิต ครับพี่น้อง” พร้อมระบุด้วยว่า กรรมการสิทธิฯ พิสูจน์ด้วยวิธีการคือ ใช้หลักฐานการประชุม ครม. กลางดึกวันที่ 6 ต.ค. และหลักฐานบุคคลที่อยู่และเกี่ยวข้องในเหตุการณ์ไม่ว่าจะเป็นพันธมิตรฯ หรือ เจ้าหน้าที่ตำรวจก็ตาม
“ข้อหาของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติสรุปว่าคนที่สั่งการล้อมปราบ สมชาย ชวลิต มีข้อหาโหดร้าย ไร้มนุษยธรรม ย่ำยีศักดิ์ศรีความเป็นมนุษย์ เพราะฉะนั้น เราจะขึ้นป้ายว่า ‘รัฐทรราชฆาตกร’ ซึ่งต้องแก้ด้วยการเมืองใหม่ ประชาภิวัฒน์” นายสมเกียรตกล่าว
อย่างไรก็ตาม นายสมเกียรติได้เปิดเผยด้วยว่า คณะกรรมาธิการความมั่นคงแห่งรัฐ ได้เรียกตัว นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี ให้เข้าชี้แจงเรื่องนี้ 2 ครั้งแล้วแต่นายสมชายก็ไม่สนใจ
“นายเจะอามิง โตะตาหยง ประธาน กมธ.ความมั่นคงแห่งรัฐสภาผู้แทนราษฎรเรียกนายสมชาย โดยอาศัยรัฐธรรมนูญ มาตรา 135 เรียกให้มาให้การ เรียกมาสอบสวน เรียกครั้งที่หนึ่ง 9 ตุลาคม สมชายเฉย ไม่ตอบ ไม่ไป ไม่ตอบเป็นลายลักษณ์อักษร เรียกครั้งทีสอง 17 ตุลาคม ก็ไม่ไปอีก อีกครั้งหนึ่งเรียกวันที่ 24 ตุลาคม ให้ไปวันที่ 29 ตุลาคม ถ้าวันนี้ไม่ไปอีกทาง กมธ. ก็คงจะต้องสรุปเรื่อง” โดยนายสมเกียรติระบุว่ารายชื่อฆาตกรผู้สั่งการให้สังหารประชาชนเมื่อวันที่ 7 ต.ค. ของ กมธ. ก็อาจจะออกมาเหมือนกับผลสรุปของ กรรมสิทธิฯ
“ท่านเป็นถึงอดีตผู้พิพากษาศาลสูง ปลัดกระทรวงยุติธรรม ท่านนั่งบัลลังก์ในพระปรมาภิไธย เคยแต่เรียกคนอื่นมาให้การ ทั้งโจทก์และจำเลย ต่อหน้าศาลแล้วให้สาบาน แล้วให้ฝ่ายโจทก์นำสืบ ฝ่ายจำเลยแก้ แล้วท่านก็ตัดสินในพระปรมาภิไธยพิพากษา ประหารชีวิตเขา จำคุกเขา ปล่อยเขา แล้วแต่อรรถคดีที่ท่านรับมา วันนี้ท่านเป็นอดีตผู้พิพากษากระจอกที่สุด ไม่กล้าไปให้การ ไอ้ตาขาว ไอ้ปอดแหก” นายสมเกียรติระบุ พร้อมวิเคราะห์ว่าสาเหตุที่นายสมชายไม่ยอมไปชี้แจงก็เพราะกลัวตาย และจำนนต่อหลักฐาน
อัดสื่อไร้มนุษยธรรม-สำนึก
ต่อมา นายสมเกียรติ ได้กล่าวว่า กรณีผลการตรวจสอบของคณะกรรมการสิทธิมนุษยชนแห่งชาติ บ่งชี้ชัดเจนขนาดนี้แล้ว แต่สื่อมวลชน โทรทัศน์ วิทยุ หนังสือพิมพ์ ส่วนใหญ่ในประเทศไทยก็ยังคงนิ่งเฉย โดยเฉพาะการไม่ลงแก้ข่าวกรณีกล่าวหาว่า พันธมิตรฯ หลายคนที่ได้รับบาดเจ็บพกระเบิดมาเอง แขนขาดเพราะถือระเบิดปิงปองแล้วระเบิดคามือ จากเหตุการณ์วันที่ 7 ตุลาคม 2551
“สมาคมเกี่ยวกับข่าว หนังสือพิมพ์ โทรทัศน์ วิทยุ ไม่เคยปกป้องความถูกต้องเลย แมลงวันย่อมไม่ตอมแมลงวัน ตอมแต่ขี้ครับ ... สื่อไปกล่าวเท็จต่อคนแขนขาดว่า ถือระเบิด พิสูจน์แล้วว่าเป็นกุญแจก็ไม่ลงแก้ข่าวให้ วันที่ 9 ตุลาคม เอารูปมาออกบอกว่าเป็นระเบิด 11 ตุลาคม เขียนซ้ำ พอเราเอารูปมาออกก็ไม่ลงแก้ข่าวให้” หนึ่งในห้าแกนนำพันธมิตรกล่าวถึงความไร้จรรยาบรรณของหนังสือพิมพ์ฉบับหนึ่ง
ส่งกำลังใจพันธมิตรฯ การบินไทย
ในช่วงท้ายของการปราศรัย นายสมเกียรติได้กล่าวสดุดีวีรกรรมของ น.ต.จักรี จงศิริ กัปตันของบริษัทการบินไทยที่ปฏิเสธรับ ส.ส.พรรคพลังประชาชน 3 คนขึ้นเครื่องในวันที่ 8 ต.ค. หลังเกิดเหตุการณ์การเข่นฆ่าประชาชนในวันที่ 7 ต.ค. และ กัปตันอาวุโสของบริษัทการบินไทยหลายคนที่อารยะขัดขืนด้วยการลาออกจากการเป็นครูฝึกสอนนักบิน จากการที่ฝ่ายบริหารของบริษัทการบินไทยกลั่นแกล้ง กัปตันจักรีโดยให้หยุดสอนนักบินลูกศิษย์ชั่วคราว ทั้งๆ ที่ไม่ความผิด โดยระบุว่า วันหนึ่งพันธมิตรฯ จะต้องดาวกระจายไปยังบริษัทการบินไทยอย่างแน่นอนเพื่อปกป้องกับพันธมิตรฯ การบินไทยที่รักชาติและจัดการกับผู้บริหารบริหารที่มุ่งแต่รับใช้นักการเมือง (อ่านข่าว : 5 ครูฝึกอาวุโส “บินไทย” ยกพลหยุดสอน ประท้วงผู้บริหารแกล้ง “กัปตันจักรี”)
“ขอส่งกำลังใจไปให้กัปตันจักรี สหภาพแรงงานการบินไทย และพี่น้องประชาชนที่เป็นครอบครัวของพนักงานการบินไทยว่าเรารำลึกถึงจิตใจอันหาญกล้าและกล้าปฏิเสธของท่านเสมอ เกียรติคุณของท่านอยู่ในใจของพันธมิตรประชาชนเพื่อประชาธิปไตยตลอดไป แกนนำของเราส่วนใหญ่ หากกัปตันจักรีถูกเล่นงานจริงจังและขนาดหนัก เราจะยกกำลังไปอย่างแน่นอน” นายสมเกียรติระบุ ท่านกลางเสียงสนับสนุนอย่างหนาแน่นของมวลชนพันธมิตรฯ ที่ฟังการปราศรัยอยู่
นอกจากนี้ นายสมเกียรติยังกล่าวด้วยว่าในการปราศรัยครั้งหน้าตนจะมาเปิดเผยถึงรายละเอียดของ ร่างกฎหมายแก้ไขเพิ่มเติม พ.ร.บ.ว่าด้วยการกระทำความผิดเกี่ยวกับคอมพิวเตอร์ พ.ศ.2550 ซึ่งนายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ส.ส.กรุงเทพมหานคร พรรคประชาธิปัตย์ ในฐานะประธานคณะอนุกรรมาธิการกำกับและติดตามการป้องกันและปราบปรามการกระทำและเว็บไซต์หมิ่นพระบรมเดชานุภาพ ใน กมธ.ทหาร สภาผู้แทนราษฎร กำลังจะนำเข้าพิจารณาในสภาจำนวน 3 ฉบับ และตนเองได้ลงนามสนับสนุนไปแล้ว