นครศรีธรรมราช - “เทพไท เสนพงศ์” ส.ส.นครศรีธรรมราช จวก “สมชาย วงศ์สวัสดิ์” ใช้รายการทีวีแถลงชี้แจงประชาชนแค่ละครน้ำเน่าหลังข่าว - ประชาธิปัตย์เดินหน้าบี้เอาผิดกรณีฆ่าประชาชน
วันนี้ (13 ต.ค.) นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช ผู้ช่วยเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี ใช้โทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจ ออกแถลงชี้แจงประชาชนหลังจากที่โฆษกได้โฆษณาตั้งแต่ช่วงกลางวัน จากโฆษณานั้นประชาชนได้ติดตามจำนวนมากว่านายกรัฐมนตรีจะมีท่าทีอย่างไร ตัดสินใจอย่างไรบ้างต่อสถานการณ์ โดยช่วงเวลาไพรม์ไทม์ แทนละครหลังข่าวเป็นเวลาชี้แจง คนที่ติดตามการเมือง หรือคนที่ไม่ติดตามการเมืองแต่สนใจละครหลังข่าว มาเปิดทีวีพบรายการนายกทำให้รู้สึกว่าการชี้แจงไม่ต่างจากละครน้ำเน่าที่ออกอากาศทุกวันอยู่แล้ว
นายเทพไท กล่าวต่อว่า นายกรัฐมนตรีของประเทศไทยกำลังตีหน้าเศร้าเล่าความเท็จปัดความรับผิดชอบซื้อเวลาที่จะอยู่ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีให้ได้มากที่สุด นานที่สุดเท่าที่จะนานได้ นายกใช้สถานการณ์ในการเรียกร้องความสนใจปัดความรับผิดชอบโดยใช้สำนวนโวหารออดอ้อน หยิบฉวยเอาการตั้ง สสร.3 สร้างความหวังให้กับประชาชนว่าถ้ามี สสร.3 แล้วจะพิจารณาตนเองคืนอำนาจให้ประชาชนตัดสินใจ
ทั้งยังเอาเรื่องของการจัดงานพระศพ งานเฉลิมฉลอง 5 ธันวา การประชุมอาเซียนซัมมิตมาเป็นตัวประกันต่อรอง นายกรัฐมนตรีไม่ควรใช้งานพระราชพิธีซึ่งถือว่าพสกนิกรชาวไทยทุกคนมีส่วนร่วมและถือเป็นเจ้าภาพทุกคนมาเป็นภาระหน้าที่ของรัฐบาลเพียงผู้เดียว ราวกับว่าถ้าไม่มีรัฐบาลนี้งานต่างๆจะไม่สามารถเดินหน้าได้ หรือรัฐบาลชุดอื่นไม่มีความสามารถจัดงานเหล่านี้ได้แล้วหรือ นายเทพไทกล่าวต่อและว่า
“รัฐบาลใหม่น่าจะได้รับการยอมรับและได้รับความร่วมมือจากประชาชนทั้งชาติมากกว่านี้สามารถจัดงานยิ่งใหญ่ได้สมพระเกียรติได้มากกว่านี้ ให้รัฐบาลชุดนี้บริหารต่อไปท่ามกลางความขัดแย้งนับวันยิ่งทวีความรุนแรงขยายผลไปทั่วทุกกลุ่มคนไทยทุกสาขาอาชีพ การที่นายกฯบอกว่าคำว่าลาออกหรือยุบสภาแล้วบ้านเมืองจะดีขึ้น แต่สิ่งที่ชัดเจนคือหากลาออกหรือยุบสภาไม่รู้ว่าจะดีขึ้น แต่ที่แน่ๆ คือ หากรัฐบาลนายสมชายยังเป็นรัฐบาลอยู่อีกต่อไปผลลัพธ์ที่แน่นอนคือไม่มีอะไรดีขึ้นเลย นับวันบ้านเมืองยิ่งแตกสลายล่มจม หายนะจะเกิดขึ้นกับประเทศชาติเท่านั้น” นายเทพไทกล่าว
การที่นายกรัฐมนตรีออกมากพูดนั้นสิ่งที่ประชาชนเขาอยากฟัง คือ คำขอโทษต่อความรุนแรงที่เกิดขึ้น แต่ประชาชนต้องทนฟังด้วยความเจ็บปวดเพราะนายกฯ ไม่ได้ขอโทษออกมาจากปากเลย อาจจะเป็นเพราะพูดคำขอโทษไม่เป็นหรือไม่รู้จักคำขอโทษ หรือส่วนตัวไม่อยากขอโทษกันแน่ หากขอโทษออกมาเป็นการฝืนความจริงในชีวิตที่ต้องการความสะใจมากกว่า
“นับจากนี้ไป ประชาธิปัตย์จะเคลื่อนไหวกดดันทำให้ความจริงเรื่องนี้ปรากฏตามช่องทางกฎหมาย และรัฐธรรมนูญ อย่างเป็นขั้นตอนคือ นายไกรศักดิ์ ชุณหะวัณ ได้เข้ายื่นหนังสือกับ สตช.ให้ดำเนินคดีกับนายกรัฐมนตรี, นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ยื่นให้ ผบ.ตร.สอบดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้องผู้ปฏิบัติงานในวันที่ 7 ต.ค.2551, นายอลงกรณ์ พลบุตร ยื่นต่อ กก.สิทธิมนุษยชนแห่งชาติสอบข้อเท็จจริง, นายแพทย์บุรณัช ยื่นต่อ ป.ป.ช.สอบสวนการปฏิบัติหน้าที่, นายธนโรจน์ ธนกุลเศรษฐ์ ยื่นต่อ กมธ.ยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทน” นายเทพไท กล่าว และว่า
ทั้งนี้ ยังจะใช้ช่องทางรัฐสภาที่ประชาธิปัตย์เป็นประธาน กมธ. ดำเนินการเรื่องนี้ต่อคือนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน ประธาน กมธ.ตำรวจจะเรียก ผบ.ตร.และนายตำรวจที่เกี่ยวข้องเข้าชี้แจงให้ปากคำ นายเจ๊ะอามิง โต๊ะตาหยง ปธ.ความมั่นคงแห่งรัฐจะเรียกผู้เกี่ยวข้องมาชี้แจง ซึ่งทุกส่วนประชาธิปัตย์จะเคลื่อนไหวในช่องทางของกฎหมายจะไม่ปล่อยให้กลายเป็นคลื่นกระทบฝั่งอย่างแน่นอนคนที่ผิดต้องยิ่งได้รับโทษ
วันนี้ (13 ต.ค.) นายเทพไท เสนพงศ์ ส.ส.นครศรีธรรมราช ผู้ช่วยเลขาธิการพรรคประชาธิปัตย์ กล่าวถึงกรณีที่นายสมชาย วงศ์สวัสดิ์ นายกรัฐมนตรี ใช้โทรทัศน์รวมการเฉพาะกิจ ออกแถลงชี้แจงประชาชนหลังจากที่โฆษกได้โฆษณาตั้งแต่ช่วงกลางวัน จากโฆษณานั้นประชาชนได้ติดตามจำนวนมากว่านายกรัฐมนตรีจะมีท่าทีอย่างไร ตัดสินใจอย่างไรบ้างต่อสถานการณ์ โดยช่วงเวลาไพรม์ไทม์ แทนละครหลังข่าวเป็นเวลาชี้แจง คนที่ติดตามการเมือง หรือคนที่ไม่ติดตามการเมืองแต่สนใจละครหลังข่าว มาเปิดทีวีพบรายการนายกทำให้รู้สึกว่าการชี้แจงไม่ต่างจากละครน้ำเน่าที่ออกอากาศทุกวันอยู่แล้ว
นายเทพไท กล่าวต่อว่า นายกรัฐมนตรีของประเทศไทยกำลังตีหน้าเศร้าเล่าความเท็จปัดความรับผิดชอบซื้อเวลาที่จะอยู่ในตำแหน่งนายกรัฐมนตรีให้ได้มากที่สุด นานที่สุดเท่าที่จะนานได้ นายกใช้สถานการณ์ในการเรียกร้องความสนใจปัดความรับผิดชอบโดยใช้สำนวนโวหารออดอ้อน หยิบฉวยเอาการตั้ง สสร.3 สร้างความหวังให้กับประชาชนว่าถ้ามี สสร.3 แล้วจะพิจารณาตนเองคืนอำนาจให้ประชาชนตัดสินใจ
ทั้งยังเอาเรื่องของการจัดงานพระศพ งานเฉลิมฉลอง 5 ธันวา การประชุมอาเซียนซัมมิตมาเป็นตัวประกันต่อรอง นายกรัฐมนตรีไม่ควรใช้งานพระราชพิธีซึ่งถือว่าพสกนิกรชาวไทยทุกคนมีส่วนร่วมและถือเป็นเจ้าภาพทุกคนมาเป็นภาระหน้าที่ของรัฐบาลเพียงผู้เดียว ราวกับว่าถ้าไม่มีรัฐบาลนี้งานต่างๆจะไม่สามารถเดินหน้าได้ หรือรัฐบาลชุดอื่นไม่มีความสามารถจัดงานเหล่านี้ได้แล้วหรือ นายเทพไทกล่าวต่อและว่า
“รัฐบาลใหม่น่าจะได้รับการยอมรับและได้รับความร่วมมือจากประชาชนทั้งชาติมากกว่านี้สามารถจัดงานยิ่งใหญ่ได้สมพระเกียรติได้มากกว่านี้ ให้รัฐบาลชุดนี้บริหารต่อไปท่ามกลางความขัดแย้งนับวันยิ่งทวีความรุนแรงขยายผลไปทั่วทุกกลุ่มคนไทยทุกสาขาอาชีพ การที่นายกฯบอกว่าคำว่าลาออกหรือยุบสภาแล้วบ้านเมืองจะดีขึ้น แต่สิ่งที่ชัดเจนคือหากลาออกหรือยุบสภาไม่รู้ว่าจะดีขึ้น แต่ที่แน่ๆ คือ หากรัฐบาลนายสมชายยังเป็นรัฐบาลอยู่อีกต่อไปผลลัพธ์ที่แน่นอนคือไม่มีอะไรดีขึ้นเลย นับวันบ้านเมืองยิ่งแตกสลายล่มจม หายนะจะเกิดขึ้นกับประเทศชาติเท่านั้น” นายเทพไทกล่าว
การที่นายกรัฐมนตรีออกมากพูดนั้นสิ่งที่ประชาชนเขาอยากฟัง คือ คำขอโทษต่อความรุนแรงที่เกิดขึ้น แต่ประชาชนต้องทนฟังด้วยความเจ็บปวดเพราะนายกฯ ไม่ได้ขอโทษออกมาจากปากเลย อาจจะเป็นเพราะพูดคำขอโทษไม่เป็นหรือไม่รู้จักคำขอโทษ หรือส่วนตัวไม่อยากขอโทษกันแน่ หากขอโทษออกมาเป็นการฝืนความจริงในชีวิตที่ต้องการความสะใจมากกว่า
“นับจากนี้ไป ประชาธิปัตย์จะเคลื่อนไหวกดดันทำให้ความจริงเรื่องนี้ปรากฏตามช่องทางกฎหมาย และรัฐธรรมนูญ อย่างเป็นขั้นตอนคือ นายไกรศักดิ์ ชุณหะวัณ ได้เข้ายื่นหนังสือกับ สตช.ให้ดำเนินคดีกับนายกรัฐมนตรี, นายพีระพันธุ์ สาลีรัฐวิภาค ยื่นให้ ผบ.ตร.สอบดำเนินคดีกับผู้ที่เกี่ยวข้องผู้ปฏิบัติงานในวันที่ 7 ต.ค.2551, นายอลงกรณ์ พลบุตร ยื่นต่อ กก.สิทธิมนุษยชนแห่งชาติสอบข้อเท็จจริง, นายแพทย์บุรณัช ยื่นต่อ ป.ป.ช.สอบสวนการปฏิบัติหน้าที่, นายธนโรจน์ ธนกุลเศรษฐ์ ยื่นต่อ กมธ.ยุติธรรมและสิทธิมนุษยชน สภาผู้แทน” นายเทพไท กล่าว และว่า
ทั้งนี้ ยังจะใช้ช่องทางรัฐสภาที่ประชาธิปัตย์เป็นประธาน กมธ. ดำเนินการเรื่องนี้ต่อคือนายเฉลิมชัย ศรีอ่อน ประธาน กมธ.ตำรวจจะเรียก ผบ.ตร.และนายตำรวจที่เกี่ยวข้องเข้าชี้แจงให้ปากคำ นายเจ๊ะอามิง โต๊ะตาหยง ปธ.ความมั่นคงแห่งรัฐจะเรียกผู้เกี่ยวข้องมาชี้แจง ซึ่งทุกส่วนประชาธิปัตย์จะเคลื่อนไหวในช่องทางของกฎหมายจะไม่ปล่อยให้กลายเป็นคลื่นกระทบฝั่งอย่างแน่นอนคนที่ผิดต้องยิ่งได้รับโทษ
